++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2548

โรคแพ้อากาศ

คอลัมน์ ส่องโรคไขสุขภาพ

อากาศเริ่มเย็นลงแล้วในหลายพื้นที่ บรรยากาศอย่างนี้คนที่เป็นโรคภูมิแพ้บางคนก็คงจะต้องเตรียมตัวตั้งรับกับ อาการต่างๆ ที่จะกำเริบขึ้นมากกว่าภาวะปกติ

น.พ. อนันต์ เพฑวณิช ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ระบุว่าโรคภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศ คนไทยเป็นมากถึง 20% ของประชากร ส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาวอายุน้อยกว่า 30 ปี เป็นโรคภูมิแพ้หรือแพ้อากาศมากถึงร้อยละ 70 เนื่องจากเป็นวัยแรงงาน มีโอกาสพบกับสิ่งกระตุ้น หรือสารที่ก่อภูมิแพ้มากกว่าคนวัยอื่นๆ

โรคภูมิ แพ้เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสิ่งที่รับเข้าไป เช่น ปฏิกิริยาต่อไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง วัชพืช เชื้อรา หรือเกสรดอกไม้ ส่งผลให้คัดจมูก ไอ จาม หากเป็นเรื้อรังทำให้เป็นโรคไซนัสอักเสบ หรือริดสีดวงจมูกได้

โรคภูมิแพ้มีอาการหลายอย่าง เช่น คัดจมูก จาม คันจมูก น้ำมูกไหล น้ำมูกไหลลงคอ ซึ่งพบได้ตลอดทั้งปี บางรายเยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้ คันรอบตา หนังตาด้านในแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม ส่วนที่พบในเด็กเล็ก ผิวหนังตามร่างกายคัน บวมนูนหนา และมักพบในเวลาที่อากาศเย็น เรียกว่าผื่นลมพิษ

วิธีสังเกตโรคแพ้ อากาศซึ่งแตกต่างจากหวัดที่ป่วย 3-10 วัน ส่วนโรคแพ้อากาศจะคันจมูกร่วมด้วยมีน้ำมูกใส คันตา น้ำตาไหล ไม่มีไข้ มักมีอาการเหล่านี้เรื้อรังมากกว่า 2 สัปดาห์ หรือยาวนานเป็นปีๆ โดยมักมีอาการช่วงเช้าหรือก่อนนอน จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เกิดการปรับตัวของเยื่อบุจมูก ทำให้ไวต่อสิ่งที่มากระทบ

การรักษามี 3 ปัจจัยคือ 1.การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง 2.การรักษาด้วยยาทั้งชนิดกินและพ่นจมูก 3.การฉีดวัคซีนรักษาโรคภูมิแพ้ โดยฉีดสารก่อภูมิแพ้ให้กับคนไข้ในปริมาณน้อยๆ ก่อน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจนร่างกายรับได้ไม่แพ้สิ่งนั้นๆ ใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี แล้วแต่บุคคล

เลือกวิธีรักษาที่สะดวกที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น