++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คุณค่าของความรู้สึก

คุณค่าของความรู้สึก..

ในหมู่ศิลปินนักดนตรีเพื่อชีวิต.ถ้าดูแค่หน้าตา ท่าทาง ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทำไม พวกเค้ากลับมีความผูกพันมั่นยืน ในมิตรภาพ กันยาวนานนัก..

... บางงาน คนที่อยู่จังหวัดไกลๆ ตั้งใจที่จะเดินทางมาช่วยงาน ทั้งๆที่คิดถึงค่าใช้จ่าย ดูแล้ว ไม่คุ้ม.. บางทีก็เข้าเนื้ออีก.. แต่ก็ยังมา..

ในความลำบาก เป็นสิ่งที่พิสูจน์ น้ำใจ ความรู้สึกที่ดี ไมตรีที่มีให้กันได้เป็นอย่างดี..

คุณมีมิตรแท้อย่างนี้บ้างรึเปล่า...

คุณค่าของการคงอยู่

คุณค่าของการคงอยู่


ลูกไก่ถามแม่ไก่ว่า
" แม่..วันนี้ไม่ออกไข่ได้ไหม พาหนูออกไปเที่ยวเล่น "
แม่ไก่พูดว่า
" ไม่ได้หรอก แม่ต้องทำงาน "

" ทว่า แม่ออกไข่ไปเยอะแล้วน่ะ "
ลูกไก่พูด
แม่ไก่พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า
" หนึ่งวันไข่หนึ่งฟอง มีดอีโต้ห่างไกลตัว เด็กเอ๋ย ลูกต้องจำไว้ว่า.....
การคงอยู่ก็เพื่อสร้างคุณค่า ถูกกำจัดก็เพราะหมดคุณค่า คุณค่าที่ผ่านๆ
มา ไม่ได้การันตีฐานะในอนาคต ฉะนั้นแล้ว ต้องพยายามขันแข็งทุกๆ วัน "
หากเธอเป็นนกอินทรีย์ ไม่มีใครปรบมือ เธอก็ต้องโผบิน
หากเธอเป็นต้นหญ้า ไม่มีใครรัก เธอก็ต้องเจริญเติบโต
หากเธอเป็นดอกไม้ในป่าลึก ไม่มีใครชื่นชม เธอก็ต้องผลิบานให้กลิ่นหอม
หากเธอเป็นผู้ประกอบการ ไม่มีใครกระตุ้น เธอก็ต้องทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย ทำการสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนเข้าใจ ทว่า เธอต้องทำสุดแรง
กายแรงใจ
เป็นคน..ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนชื่นชอบ ทว่า เธอต้องใจกว้าง ตรงไปตรงมา
การยืนหยัดยึดมั่นในความใฝฝัน ย่อมมีวาระที่โดดเดี่ยวลังเล เป็นเพราะมีผู้อื่นสงสัยและหัวเราะเย้ยหยัน ต่อให้เป็นเช่นนี้ แล้วเป็นไรไป
แม้นบาดแผลทั่วตัว ก็ต้องอยู่อย่างมีสีสันสวยงาม อารมณ์แย่เพียงใด ก็อย่าแสดงไว้บนใบหน้า เพราะว่าไม่มีใครอยากดูอยากมอง
วันเวลาที่ยากจน ก็อย่าพูดจนติดปาก เพราะไม่มีใครอยู่ดีดีให้เงินเธอ โดยไร้สาเหตุ
ทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็อย่าบ่นตำหนิ เพราะไม่มีใครช่วยคุณทำโดยฟรีๆ
ชีวิตแม้นยากลำบาก ก็อย่าสูญสิ้นความเชื่อมั่น เพราะวันที่สดใสสวยงาม อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้
นิสัยย่ำแย่เพียงใด ก็ต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ เพราะว่าตัวเองก็ต้องแก่ในวันข้างหน้า
ผู้ที่เคยช่วยเหลือเธอ อย่าได้ลืมเขา อย่าไปทำร้ายผู้ที่เคยรักเธอ อย่าไปโกหกหลอกลวงผู้ที่ไว้วางใจเธอ
กาลเวลาใช่ว่าจะสามารถพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง ทว่า ต้องสามารถทำให้เธอ มองทะลุปรุโปร่งเรื่องราวมากมาย

คนขายหวีให้พระภิกษุ : เรื่องน่าคิด

ก่อนที่จะอ่านบทความต่อไปนี้ ลองครุ่นคิดใคร่ครวญดูว่า หากคุณเป็นพนักงานขาย
เจ้านายใช้ให้คุณขายหวีให้แก่พระภิกษุ ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หวีเลย

คุณจะทำอย่างไร ลองนำไปทดสอบกับเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างกายคุณ ดูซิว่า เพื่อนของคุณ
เป็นคนประเภทไหน

เจ้านายทดสอบความสามารถของลูกน้อง ในการขายสินค้า จึงตั้งหัวข้อไว้ว่า ให้พวก
เขานำหวีไปขายให้แก่ พระภิกษุ

คนแรก..พึ่งจะก้าวออกจากห้อง ก็ก่นด่า เจ้านายบ้าบออะไร พระภิกษุล้วนไม่มีเส้น
ผม ยังจะไปขายหวีให้ เลยไปดื่มเหล้าที่ร้าน

ดื่มแล้วนอนหลับหนึ่งตื่น จึงกลับไปหาเจ้านาย แล้วพูดว่า พระภิกษุไม่มีเส้นผม ขาย
หวีไม่ได้ เจ้านายยิ้มๆแล้วพูดว่า พระภิกษุไม่มีเส้นผม ยังต้องให้เธอมาบอกข้าเหรอ?

คนที่สอง..ไปที่วัดแห่งหนึ่ง หาพระภิกษุจนพบ บอกพระภิกษุว่า ผมคิดจะขายหวีให้
ท่านอันหนึ่ง พระภิกษุบอกว่า อาตมาไม่จำเป็นต้องใช้

คนที่สองจึงอธิบายเรื่องราว ความเป็นมาให้พระภิกษุฟังว่า หากผมขายหวีไม่ได้แล้ว
ก็จะตกงาน ขอให้ท่านเมตตาเถอะ พระภิกษุจึงซื้อไปหนึ่งอัน

คนที่สาม..ไปที่วัดเพื่อขายหวีเช่นกัน พระภิกษุบอกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ
คนที่สามเดินวนไปมาในวัดสักครู่ แล้วพูดกับพระภิกษุว่า

"ไหว้พระใช่ไม่ใช่ต้องมีความจริงใจ" พระภิกษุตอบว่า "ใช่" " มีความจริงใจก็ต้องมีใจ
ที่เคราพด้วยใช่หรือไม่ ?" พระภิกษุตอบว่า " ใช่ ต้องให้ความเคราพด้วย "

คนที่สามจึงพูดต่อว่า " ท่านดูซิ ผู้มากราบไหว้ล้วนมาจากแดนไกล พวกเขาล้วนเคร่ง
ในศาสนาอย่างจริงใจ แต่ทว่า พวกเขามาจากแดนไกล ผมเผ้ายุ่งเหยิง แล้วจะเคราพ
พระได้เช่นไร

หากทางวัดซื้อหวีไว้บ้าง ให้ผู้มากราบไหว้หวีผมเผ้าให้เรียบร้อย ล้างหน้าให้สะอาด
ก็จะเป็นการให้เกียรติให้ความเคราพต่อพระ ใช่หรือไม่?" พระภิกษุพูดว่า " มีเหตุผล
จึงซื้อไว้สิบอัน

คนที่สี่..ก็มาถึงที่วัดๆหนึ่ง เพื่อขายหวีเช่นกัน พระภิกษุพูดว่า ไม่มีความจำเป็นจริงๆ
คนที่สี่พูดกับพระภิกษุว่า..

หากทางวัดเตรียมหวีไว้ เพื่อเป็นของกำนัลแก่ผู้มากราบไหว้พระ เป็นทั้งรูปธรรม
อีกทั้งมีความหมาย ผู้เลื่อมใสศรัทธาก็จะทวีมากยิ่งขึ้น พระภิกษุคิดๆแล้วมีเหตุผล
เลยซื้อไว้หนึ่งร้อยอัน

คนที่ห้า..ไปขายหวีที่วัดเหมือนกัน พระภิกษุพูดว่า ไม่มีความจำเป็นจริงๆ เขาเลยพูด
กับพระภิกษุว่า " ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในศีลธรรม อีกทั้ง..แตกฉานในพระคัมภีร์

หากท่านแกะสลักคำสอนไว้บนหวี อีกทั้งคำอวยพร มอบแก่ผู้มากราบไหว้พระ ก็จะ
เป็นการเผยแผ่คำสั่งสอน ของพระพุทธศาสนา " พระภิกษุยิ้มๆ จากนั้นจึงได้ซื้อหวี
ไว้หนึ่งพันอัน

คนที่หก..ก็ไปขายหวีที่วัดแห่งหนึ่งเช่นกัน พระภิกษุพูดว่า ไม่มีความจำเป็นจริงๆ คน
ผู้นี้ได้พูดคุยกับพระภิกษุเพียงครู่เดียว กลับสามารถขายหวีได้หนึ่งหมื่นอัน คนผู้นี้พูด
คุยอะไรล่ะ ?

เขาบอกกับพระภิกษุว่า " หวี..เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชายหญิง ที่มีใจศรัทธาที่มากราบ
ไหว้พระ ผู้หญิงมักมีพกไว้ติดตัว

หากท่านนำหวีมาปลุกเสก ให้เป็นสิ่งที่สามารถคุ้มครองพวกเธอ ก็จะเป็นการทำบุญ
ให้ทาน อีกทั้งคุ้มครองให้ความปลอดภัย

ผู้มากราบไหว้พระอีกมากมาย ยังสามารถนำกลับไปให้ญาติสนิท มิตรสหายอีกด้วย
คุ้มครองให้ปลอดภัย เผยแผ่ธรรมะ อีกทั้งเผยแพร่ชื่อเสียงของวัด

ย่อมเป็นคุณธรรมความดีที่ใหญ่หลวงยิ่ง แล้วท่านมีหรือที่จะไม่กระทำ "
พระภิกษุ : อมิตพุทธ สรรเสริญ สรรเสริญ พระท่านพนมมือแล้วกล่าวว่า " เมื่อโยมมี
ความหวังดีเช่นนี้ มีหรือที่อาตมาจะไม่กระทำตาม "

ด้วยเหตุฉะนี้ ทางวัดจึงซื้อหวีไว้หนึ่งหมื่นอัน ตั้งชื่อว่า " หวีสั่งสมความดี " " หวีคุ้ม
ครองให้ปลอดภัย "

โดยพระท่านทำการปลุกเสกด้วยตนเอง กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แน่นอน..
เงินทำบุญจากผู้มีจิตศรัทธา ก็ย่อมไม่น้อยเช่นกัน

■ บทสรุป..

คนที่หนึ่ง..เป็นเพราะความคิดเก่าๆ หยั่งรากลึกลงไปในจิตใจลึกเกินไป จนไม่สามารถ
ถอนตัวได้ ใช้ความคิดพื้นๆ อีกทั้งไม่มีกึ่น บุคคลเช่นนี้ จึงไม่เหมาะกับการค้าขาย

คนที่สอง..เป็นการขายความเห็นใจ ความสงสาร วิธีการเช่นนี้ เป็นวิธีการขายชั้นต่ำสุด
เรียกว่า เสนอการขายโดยหมอบคลานก้มหน้า ไม่สามารถยั่งยืนยาวได้

คนที่สามและสี่.. เป็นการคิดเพื่อลูกค้า สามารถพูดได้ว่า เป็นวิธีการที่ลูกค้าพึงพอใจ
เช่นนี้แล้ว ย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีระดับหนึ่ง

คนที่ห้า..ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ ยังสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้ซื้อ ผลลัพธ์
ย่อมไม่เลวแน่

คนที่หก.. เป็นผู้บรรลุก้าวถึงขั้นสูงสุดแล้ว ไม่ใช่เป็นการขายหวี แต่เป็นการขายยันต์
คุ้มครองกาย สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ซื้อได้เช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะ
ไร

◆ ปัญหาเดียวกัน ล้วนมีวิธีที่สามารถแก้ได้หลายวิธี อย่าด่วนสรุปลงความเห็น ลอง
คิดหลายๆวิธี บางครั้ง อาจจะได้คำตอบหรือผลลัพธ์ที่คาดคิดไม่ถึงก็ได้.

ห้วงคำนึง ครั้งก่อน ตอนยังเด็ก

# ทางรถไฟ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๓๓๓๓๓๓๓๓๔๔๔๔๔๔๖๖๖๖๖๖๖๖๖
ห้วงคำนึง ครั้งก่อน ตอนยังเด็ก
เห็นรางเหล็ก รถไฟ ให้กังขา
ทางทอดยาว แสนไกล สุดสายตา
อยากรู้ว่า สิ้นสุด จุดหมายใด
เมื่อเติบโต เดินทาง สร้างความฝัน
ด้วยมุ่งมั่น แสวงหา ค่ายิ่งใหญ่
ออกผจญ โลกกว้าง นั่งรถไฟ
สู่กรุงไกร จึงพบ จบเส้นทาง
ข้อกังขา เยาว์วัย ได้คำตอบ
บททดสอบ บทใหม่ ให้สะสาง
รถไฟเดิน สิ้นสุด จุดปลายราง
ชีวิตย่าง เริ่มต้น บนชาลา
เห็นผู้คน มากมาย ทั้งชายหญิง
ทั้งเดินวิ่ง ขวักไขว่ ไม่คุ้นหน้า
บ้างแบกขน ปนเป เร่ร่อนมา
ทั้งเสียงด่า เสียงบ่น จนวุ่นวาย
บ้างอุ้มลูก จูงหลาน ขานเรียกเพื่อน
ลากล้อเลื่อน ขนของ คล้องเชือกสาย
บ้างก็มา คนเดียว แสนเปลี่ยวดาย
บ้างหญิงชาย เคียงคู่ ดูรื่นรมย์
ทางรถไฟ ยังมี ที่สิ้นสุด
นำมนุษย์ สู่จุดหมาย ได้ดั่งสม
ชีวิตคน หยุดดิ้น เมื่อสิ้นลม
ถึงเศร้าตรม อย่าท้อ...สู้ต่อไป
ผู้แต่ง บพิตร

เกิดความหลงตัวว่าเป็นเพราะเรา สุดท้ายก็ทำให้ลืมตน.....

สมัยหนึ่งพระองคุลิมาล ซึ่งเพิ่งบวชใหม่ ได้สนทนาธรรมกับพระนันทิยะ พระนันทิยะได้เล่าให้ฟังว่าพระพุทธองค์ได้สอนอะไรแก่ท่านบ้าง ตอนหนึ่งมีความว่า “เมื่อผู้ใดสรรเสริญเยินยอหรือบูชาเราด้วยลาภสักการะ จงนึกว่าลาภสักการะหรือชื่อเสียงนั้นเป็นผลแห่งความดี หรือเป็นเพราะผู้อื่นสำคัญว่าเราดี” แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “ผลแห่งความดีนั้นย่อมเป็นพิษแก่ผู้ที่ไม่พิจารณา แล้วหลงใหลยึดอยู่ในสิ่งนั้น จนกลายเป็นประมาทมัวเมา”
เวลาทำความดีแล้วมีคนยกย่อง มีลาภสักการะเกิดขึ้น คนส่วนใหญ่มักเผลอคิดไปว่าเป็นเพราะเรา หรือเป็นเพราะกู แต่พุทธภาษิตดังกล่าวเตือนให้เราตระหนักว่า ลาภสักการะนั้นเกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเพราะเรา แต่เป็นเพราะความดีที่เราทำต่างหาก ความดีที่ทำนั้นเรียกว่าธรรมะ ข้อนี้เป็นสิ่งที่เราต้องแยกให้ดี หาไม่จะเกิดความหลงตัวว่าเป็นเพราะเรา สุดท้ายก็ทำให้ลืมตน.....
พระไพศาล วิสาโล
อ่านเพิ่ม http://www.visalo.org/article/jitvivat255711.html

เธอจึงมีเงื่อนไขปัจจัยเป็นร้อยเป็นพันอย่างเพื่อจะมีความสุข........

ความสุขไม่ใช่ความคิดเพ้อฝัน ไม่ใช่บางสิ่งที่อยู่นอกตัว ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในอนาคตซึ่งเธอจะต้องค้นพบหรือถวิลหา .........
ความสุขคือดวงตาที่มองไปยังผู้เป็นที่รัก ความสุขคือน้ำ อาหาร อากาศ และหัวใจ
การหายใจคือความสุข
รอยยิ้มคือความสุข
การมองใบไม้ร่วงคือความสุข
การดื่มน้ำคือความสุข น้ำเย็นฉ่ำช่วยให้ร่างกายที่อ่อนล้าของเธอคลายร้อน
การได้ปัสสาวะก็คือความสุขเพราะบางเวลาเธออาจไม่ได้เข้าห้องน้ำได้ทันที เธอต้องทนทรมาน ที่ต้องอั้นปัสสาวะ
หลายคนค้นหาความสุขอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งพวกเขาค้นหามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งเหนื่อยล้าและผิดหวัง และความสุขก็ยิ่งหนีห่างออกไป
ความสุขไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องค้นหาแล้วจึงเจอ เพราะเงื่อนไขแห่งความสุขอยู่ตรงนั้นแล้วตลอดเวลาในทุกๆ ที่ ในร่างกาย ในจิตใจ และในชีวิตด้วยเช่นกัน
ลมหายใจเป็นเงื่อนไขของความสุข
อากาศเป็นเงื่อนไขของความสุข
หัวใจเป็นเงื่อนไขของความสุข
อาหารเป็นเงื่อนไขของความสุข
เมื่อมองเห็นอย่างนี้ เธอจึงมีเงื่อนไขปัจจัยเป็นร้อยเป็นพันอย่างเพื่อจะมีความสุข........
จาก เยียวยามะเร็งด้วยสติ: ยาทางจิตวิญญาณ
Healing Cancerwith Mindfulness: Spiritual Medicine
โดย พระภิกษุฟับดัง (Chan Phap Dang)
แปลโดย น้ำใส

ใจท่านที่สงบนั้น สงบแบบไหน...?

เพื่อนๆชอบความสงบใช่ไหม โดยเฉพาะสงบกาย สงบใจ แต่วันนี้อยากถามว่าใจท่านที่สงบนั้น สงบแบบไหน...? มีคำตอบให้เลือกครับ
" ความสงบใจมีสอง แบบ คือ สงบเพราะไม่รู้ กับสงบเพราะรู้ สงบเพราะไม่รู้เช่น ถ้าเราไม่ฟังข่าวน้ำท่วม ไม่ฟังวิทยุ ไม่ดูโทรทัศน์ เราเก็บตัวอยู่ในห้องพระ ใจเราก็สงบได้ แต่เมื่อใดที่เราเปิดโทรทัศน์ดูข่าว เราก็ไม่สงบแล้ว หรือบางคนแม้อยู่คนเดียว ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่ฟังวิทยุ ใจก็ไม่สงบ แต่พอเริ่มเอาจิตมาอยู่กับลมหายใจ หายใจเข้ารู้สึก หายใจออกรู้สึก จิตไม่ออกไปคิดถึงเรื่องน้ำท่วม จิตก็สงบนิ่ง อันนี้คือความสงบเพราะไม่รับรู้ ไม่ว่าทางตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยที่ใจก็ไม่รับรู้อะไรอย่างอื่นนอกจากลมหายใจ
แต่มีความสงบอีก ประเภทหนึ่งคือ ความสงบเพราะรู้ รู้อารมณ์ที่กระเพื่อมไหว และรู้ใจที่คิดนึก ถึงแม้ว่าไม่ได้อ่านข่าว ไม่ได้ฟังวิทยุ แต่พอใจฟุ้งหรือนึกอาลัยข้าวของที่จมน้ำ หรือกังวลว่ารถของเราจะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดน้ำท่วมในวันพรุ่งนี้หรือวันพรุ่ง พอรู้ว่าใจฟุ้งซ่านก็วางความคิดนั้น จิตก็สงบ
สงบเพราะรู้ คือรู้ใจที่กระเพื่อม รู้อารมณ์ที่ครอบงำใจ รู้แล้วก็วาง นั่นคือรู้เพราะมีสติ เมื่อมีสติก็รู้ทันอารมณ์ รู้ทันจิตที่คิด ที่ปรุงแต่ง รู้แล้วก็วาง ถ้ารู้แบบนี้ใจเราก็สามารถสงบได้แม้อยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกวุ่นวาย แม้เราจะฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ ทีแรกใจก็กระเพื่อม กังวล แต่พอมีสติรู้ทัน ก็วางมันได้ ความสงบก็กลับมาสู่จิตใจ เราไม่จำเป็นต้องปิดหูปิดตา สามารถรับรู้ข่าวสารบ้านเมืองโดยที่ใจยังสงบอยู่ได้ เพราะไม่ได้รู้เรื่องภายนอกหรือข่าวสารบ้านเมืองเท่านั้น แต่ยังรู้ภายในคือรู้ใจด้วย รู้ใจแล้วก็วางความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ลงได้ จึงทำให้ใจสงบ นี่คือสงบเพราะรู้ รู้ด้วยสติ "
ที่มา ความสุขสองแบบ โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

# ความรัก และ การตกหลุมรัก......

แบ่งปันข้อคิด ข้อธรรมไว้พิจารณา สำหรับ คนหนุ่มสาว คนที่กำลังทุกข์เพราะรัก
# ความรัก และ การตกหลุมรัก......
ความจริงปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความรัก ปัญหาอยู่ที่การตกหลุมรัก Fall in Love
ความรักนั้นอบอุ่น นุ่มนวล มีความสุข แต่มันจะกลายเป็นทุกข์เมื่อเรา "ตกหลุมรัก"
มันไม่เป็นอิสระ ติดอยู่ เขาจึงใช้คำว่า Falling : ตก หล่น
ไม่ว่าความรักนั้นจะเป็นแบบใดก็ตาม รักลูก สามี ภรรยา
เราอาจรู้สึกหงุดหงิด อึดอัด เพราะเราสื่อสารไม่ได้ ขุ่นเคือง
ซึ่งจะทำให้ความรักกลายเป็นแง่ลบ
Fall in Love เป็นอุบัติเหตุ มีผู้รักและมีผู้ถูกรัก
อาจจะดีกว่าหากเรากระโดดขึ้นมาจากหลุมรัก
แทนที่จะใช้คำว่า Fall in Love เราอาจใช้คำว่า Plunge into Love กระโจนเข้าสู่กระแสรัก
เป็นหนึ่งเดียวกับสายธารแห่งความรักที่ไหลล่องไป
เพราะนั่นคือความรักที่แท้
การตกหลุมรัก เป็นอุบัติเหตุ แต่การอยู่ในกระแสแห่งรักเป็นกระบวนการของชีวิต
เป็นหนึ่งเดียว เป็นความรักที่แท้ ความรักของจักรวาล
(Fall in Love is an accident but Plunge into Love is Process of Life , it is True Love, Universal Love.)
ข้อคิดโดย หลวงพี่ธรรมรักษา หมู่บ้านพลัม

คู่มือปรโลก (โดยสังเขป)

คู่มือปรโลก (โดยสังเขป)
ปรโลก แปลว่า โลกหน้า หมายถึง หลังจากที่หมดอายุขัยในโลกนั้นแล้ว ไปปฏิสนธิเกิดใหม่ในโลกเดิมหรือโลกใหม่
โลก แปลว่า สถานที่อาศัยอยู่ของหมู่สัตว์
มี ๓ คือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก หรือ เรียกอีกแบบว่า กามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ซึ่งจะขอใช้แบบที่สองนี้ในการแสดงต่อไป
อรูปภูมิ
รูปภูมิ
กามภูมิ
อรูปภูมิ มี ๔ ชั้น คือ อากาสานัญจายตนภูมิ , วิญญาณัญจายตนภูมิ , อากิญจัญญายตนภูมิ , เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
อากาสานัญจายตนภูมิ
วิญญาณัญจายตนภูมิ
อากิญจัญญายตนภูมิ
เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ
รูปภูมิ มี ๑๖ ชั้น คือ ปฐมฌานภูมิ ๓ , ทุติยฌานภูมิ ๓ , ตติยฌามภูมิ ๓ , จตุถฌานภูมิ ๒ , สุทธาวาสภูมิ ๕
๕ สุทธาวาสภูมิ
๔ สุทธาวาสภูมิ
๓ สุทธาวาสภูมิ
๒ สุทธาวาสภูมิ
๑ สุทธาวาสภูมิ
จตุถฌานภูมิ ๑ จตุถฌานภูมิ ๒
ตติยฌามภูมิ ๑ ตติยฌามภูมิ ๒ ตติยฌามภูมิ ๓
ทุติยฌานภูมิ ๑ ทุติยฌานภูมิ ๒ ทุติยฌานภูมิ ๓
ปฐมฌานภูมิ ๑ ปฐมฌานภูมิ ๒ ปฐมฌานภูมิ ๓
กามภูมิ มีอยู่ ๑๑ ชั้น คือ อบายภูมิ ๔ ,มนุสภูมิ ๑ , และ เทวภูมิ ๖
๖ เทวภูมิ
๕ เทวภูมิ
๔ เทวภูมิ
๓ เทวภูมิ
๒ เทวภูมิ
๑ เทวภูมิ
. มนุสภูมิ
๔ อบายภูมิ
๓ อบายภูมิ
๒ อบายภูมิ
๑ อบายภูมิ
รวมทั้ง ๓ โลก มี ๓๑ ภูมิ

พระเจ้าสร้างโลก (ภาคพิเศษ)

พระเจ้าสร้างโลก ( ภาคพิเศษ )

เมื่อกาลก่อน โบราณ ตำนานเล่า
ถึงเรื่องราว เก่าก่อน ตอนสร้างโลก
เป็นนิทาน ขานไข ไปสุดโตก
เป็นเรื่องโจ๊ก เล่าสนุก ให้สุขใจ

พระเจ้าเรียก ประชุม กลุมเทวา
มาปรึกษา หารือ เรื่องงานใหญ่
จะสร้างโลก เลิศหรู ดูกว้างไกล
ให้สดใส สวยล้ำ ฉ่ำชีวัน

ให้มีคน มีสัตว์ มีต้นไม้
จัดแบ่งไว้ เป็นประเทศ ขอบเขตขัณฑ์
มอบสิ่งดี ให้สิ่งแย่ ไม่แพ้กัน
แบ่งจัดสรรค์ บริสุทธิ์ ยุติธรรม

พระเจ้ามี ถุงวิเศษ อยู่สองถุง
ถุงหนึ่งดี มีสิ่งดี สิ่งเลิศล้ำ
ถุงหนึ่งแย่ มีสิ่งแย่ ให้ระกำ
จึงรีบนำ สพายบ่า พาบินไป

ถึงอเมริกา ให้น้ำตก ไนเเองการ่า
เทือกเขาคว้า ร็อกกี้ นี้ไปให้
แต่ก็ใส่ อริโซน่า ทะเลทราย
ต่อแถมท้าย ด้วยพายุ ทอร์นาโด

ครั้นมาถึง บราซิล ถิ่นแซมบ้า
เลือกให้ป่า อเมซอน ก่อนตามโผ
เขียวขจี มีต้นไม้ สัตว์ใหญ่โต
แต่พิโธ ให้ไข้ป่า มาคุกคาม

ถึงตะวัน ออกกลาง สร้างแห้งแล้ง
แดดร้อนแรง ทะเลทราย มีล้นหลาม
แต่ก็ใส่ บ่อน้ำมัน มากล้นตาม
ไม่ครั้นคร้าม พอได้ช่วย ร่ำรวยไป

ถึงญีปุ่น เลือกให้มี ภัยพิบัติ
ท่านเลยจัด ให้มี แผ่นดินไหว
ทั้งหิมะ สินามิ ภูเขาไฟ
แต่ก็ให้ คนมีระเบียบ วินัยดี

พระเจ้าให้ แบ่งปัน ไปจนครบ
แต่กลับพบ ยังขาดไป ให้ด่วนจี๋
รีบดินทาง ไปจัดการ ในทันที
คือขวานทอง ไทยนี้ ที่ลืมไป

จึงเหาะเหิน เดินทาง หว่างขุนเขา
จนผ่านมา เทือกเขา หิมาลัย
ชะง่อนผา ซับซ้อน ยอกย้อนไกล
เฉี่ยวไถล ถุงของดี จนมีรู

ทำของดี ตกไป ให้ไทยหมด
ความสวยสด วัฒนธรรม ธรรมชาติหรู
ความอุดม สมบูรณ์ พูนพรั่งพรู
กว่าจะรู้ ก็สาย ให้กังวล

ครั้นจะใส่ ภัยธรรมชาติ ดังคาดหวัง
แต่แย่จัง ให้ไปหมด จนสับสน
ในที่สุด คิดขึ้นได้ ไร้กังวล
ส่งเอาคน สันดานชั่ว ตัวทำลาย

คอยโกงกิน กอบโกย ขโมยชาติ
เชื้อระบาด เป็นหนอน บ่อนทำร้าย
ถ่วงให้ไทย ไม่เจริญ เกินบรรยาย
ไทยจึงได้ เป็นอย่างเห็น เช่นวันนี้

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 46 ทำตามรอยพระยุคลบาท8 - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 46 ทำตามรอยพระยุคลบาท8  -  โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul  
ในหลวงในดวงใจ46 ทำตามรอยพระยุคลบาท8
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน46 (ทำตามรอยพระยุคลบาท) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
- เรื่องเล่าในหลวง, ขลุ่ยบรรเลงเพลงใกล้รุ่ง
- หลักธรรม ทำตามรอยพระยุคลบาท ตอน หลัก 10 ประการตามรอยพระยุคลบาท
- ๙ คำพ่อสอน
- บทกวีปิดท้าย
http://www.youtube.com/watch?v=uAnAyIE5pD8



(๑๐) "ป่ารักน้ำ": สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร

(๑๐) "ป่ารักน้ำ": สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร
พระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ 10
สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิร?ิกิติ์ ๘๐ พรรษา ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ี ๑๐ "ป่ารักน้ำ"
เมื่อพื้นที่ป่าถูกทำลายลงอย่างต่อเนื่อง พระบรมราชินีนาถได้ทรงตระหนักถึงปัญหาที่จ?ะเกิดขึ้นจากการไม่มีป่า จึงทรงริเริ่ม"โครงการป่ารักน้ำ"?; เมื่อปี ๒๕๒๕ ที่สกลนคร นับเป็นโครงการอนุรักษ์ป่าโครงการแรกบนพื้?นที่ ๑๐ ไร่ จนปัจจุบันขยายไปเป็นนับหมื่นไร่เพื่ออนุร?ักษ์ป่าไม้ให้ดำรงไว้ ดั่งพระราชดำรัสเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๒๕ ว่า "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ"
http://www.youtube.com/watch?v=zm9a_VGJX1s



วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คนขายลิงกับการทำงานของตลาดหุ้น

กาลครั้งหนี่ง ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยฝูงลิง ชายคนหนึ่งได้เดินทางมาถึงและได้ประกาศแก่ชาวบ้านว่าเขายินดี ซื้อลิงตัวละ 10 เหรียญ

ชาวบ้านเห็นว่ามีลิงอยู่เต็มรอบหมู่บ้าน จึงออกไปจับลิงมาขายให้ชายคนนั้น ซึ่งได้ซื้อลิงไปได้หลายพันตัว จำนวนลิงรอบหมู่บ้านจึง
ลดน้อย ยากที่จะจับมาขายได้อีก ชาวบ้านเลยเลิกจับลิงมาขายให้อีก

ชายคนเดิมจึงประกาศขึ้นราคาลิง
เป็นตัวละ 20 เหรียญซึ่งทำให้ชาวบ้านหันกลับมาจับลิงอีก ไม่ช้าจำนวนลิงก็ลดลงทำให้จับยากขึ้น

ชาวบ้านจึงหันกลับไปทำไร่และลืมเรื่องจับลิง

ชายคนนั้นได้ประกาศเพิ่มราคา
ให้เป็น 25 เหรียญ/ตัว แต่ว่าจำนวนลิงหายากมากขึ้นและยากลำบากมากที่จะจับได้สักตัว

ชายคนดังกล่าวจึงได้ประกาศว่าเขาจะซื้อลิงตัวละ 50 เหรียญถ้าชาวบ้านเอามาขายได้ ..แต่ว่าเขาจะต้องไปทำธุรกิจที่เมืองอื่น ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยของเขา
ทำหน้าที่ซื้อลิงแทนเขา

เมื่อชายคนนั้นเดินทางจากหมู่บ้านไป ผู้ช่วยของเขาได้บอกกับชาวบ้านว่า

“ดูนี่สิ ในกรงมีลิงซึ่งเจ้านายข้าซื้อมาเต็มกรงไปหมด เอาอย่างนี้มั้ย ข้าจะขายลิงให้ท่านตัวละ 35 เหรียญ เมื่อเจ้านายข้ากลับมาจากต่างเมือง พวกท่านก็เอาลิงที่ซื้อไปจากข้าเอาไปขายให้เจ้านายข้าตัวละ 50 เหรียญ กำไรเหนาะๆ”

ชาวบ้านก็รวบรวมเงินออมที่มีไปซื้อลิงทั้งหมดออกมาเพื่อเตรียมขายให้ชายคนนั้น แต่ท้ายที่สุดชาวบ้านทั้งหลายไม่เคยได้เห็นชายคนนั้นและผู้ช่วยของเขากลับมายังหมู่บ้านอีกเลย และตั้งแต่บัดนั้น
หมู่บ้านนั้นก็เต็มไปด้วยฝูงลิงเหมือนอย่างในอดีต

ตอนนี้ท่านทั้งหลายคงเข้าใจดีขึ้นละนะว่า...ตลาดหุ้นมันทำงานยังไง..

สัจธรรมของความยิ่งใหญ่ 5 อย่าง

สัจธรรมของความยิ่งใหญ่ที่เกินกว่า มี 5 อย่าง คือ
1.ไม่มีมิตรสหายใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า ความรู้
2.ไม่มีศัตรูใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า ความเจ็บไข้ได้ป่วย
3.ไม่มีความรักใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า ความรักของพ่อแม่
4.ไม่มีอำนาจใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า กฏแห่งกรรม
5.ไม่มีคุณงามความดี ใดใด จะยิ่งใหญ่เกินกว่า ความกตัญญู-กตเวทิตา

Stroke fast track รีบมาติดต่อที่หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศ

ช่วยกันแชร์ค่ะ Stroke fast track
คนไข้ที่มีอาการ 3 อย่าง ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรงข้างเดียวกัน พูดไม่ชัด
ให้รีบมา รพ ศูนย์ รพ ทั่วไป หรือแม้กระทั่ง รพ ชุมชน ก็ไ...ด้ ทั่วประเทศ
ถ้ามาทันภายใน 3 ชม จะได้รับการตรวจ CT scan
ฉีดยา RtPA ฟรี (ราคายาขวดละ 2 หมื่น)
สนับสนุนโดย สปสช การโทรเรียก 1669 เมิ่อมีอาการ
ทำให้ได้รับการรักษาทันเวลา ไม่กลายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
ช่วย ประชาสัมพันธ์ ต่อด้วย ประชาชน ยังไม่ค่อยรู้ ย้ำว่า คนไข้ไป รพ ได้ทุกแห่ง ทั่วประเทศ...."

การใส่ปุ๋ยให้เมล่อนหอมหวาน

พืช)เมล่อนจะหอมหวาน เพียงใช้ปุ๋ยสูตร 17-10-27 นับจากติดผลไปจนผลมีอายุครบ35-38วัน ทุกๆ 7 วัน ในอัตรา1-2ช้อนโต๊ะ/ต้น และงดน้ำ 2 วันก่อนเก็บผล

จาก sms farmerInfo

ดูความเคลื่อนไหวการจราจร ทางโทรศัพท์มือถือ

ของฝากจากกรมทางหลวง สามารถดูความเคลื่อนตัวการจราจร ทางมือถือได้ โดยไปที่ http://bmm2.doh.go.th/ems เมื่อเจอรูปกล้อง แตะที่กล้องได้เลย ท่านจะเห็นการจราจร ทั่วจุดต่างๆเป็นปัจจุบัน

ดูดวงปี2558 ล่วงหน้า

คุณเกิดปีไหน ก็จิ้มไปปีที่เกิดเลย
แล้วคุณจะรู้ว่าปี 58 คุณจะเป็นเช่นไร
ง่ายๆๆๆลองดู โชคดีๆๆ
ดูดวงปี2558ล่วงหน้า

http://www.jobtopgun.com/forecast2558/TH/th/landingpage.html

สูตรเหล้าขาว ทำไข่เค็ม 100 ฟอง

สัตว์)เพียงใส่เหล้าขาว 2 ฝา ในน้ำเกลือต้มที่เย็นแล้ว สูตรนี้ใช้ทำไข่เค็ม 100 ฟอง เหล้าขาวช่วยให้เนื้อไข่แดงเป็นตานีและมีความนวลน่ารับประทาน

from sms farmerInfo

คำสอนของเล่าจื้อ

ศาสดาแห่งลัทธิเต๋า ชื่อ เล่าจื๊อ
มีชีวิตร่วมสมัยกับขงจื๊อ2,600 ปีที่แล้ว ประวัติเท่าที่รู้น้อยมาก อายุ160 ปีเคยดูแลห้องสมุดเมืองลั่วหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์โจว
คำสอนเลื่องชื่อ...อยู่ในหนังสือชื่อวิถีทาง หรือวิถีแห่งเต๋า การปกคร...เล่าจื๊อวางหลักไว้ว่า
การปกครองชาติใหญ่เหมือนการต้มปลาตัวเล็ก ไม่ควรคนบ่อย เพราะปลาจะแหลก
การปกครองที่ดีที่สุด ประชาชนไม่รู้ว่าถูกปกครอง
การปกครองรองลงมาคือการปกครองที่ประชาชนสรรเสริญ
การปกครองลำดับที่สามคือการปกครองที่ประชาชนหวาดกลัว
การปกครองที่แย่ที่สุดคือการปกครองที่ประชาชนรังเกียจ ภาษีที่มากเกินไป
ทำให้ประชาชนอดอยาก
กฏและข้อบังคับมากเกินไป ทำให้ปกครองประเทศไม่ได้ ยิ่งมีข้อห้ามประชาชนยิ่งยากจน
ยิ่งสร้างสิ่งใหม่ ประชาชนจะยิ่งโลภ
ยิ่งออกกฏหมายยิ่งมีขโมย เล่าจื๊อสอนต่อว่า
นักปกครองที่ฉลาดยอมรับทั้งคนดีและคนเลว
ดังนั้นทุกคนจึงกลายเป็นคนดีไว้ใจทั้งคนซื่อสัตย์และคนไม่ซื่อสัตย์ ดังนั้นทุกคนจึงกลายเป็นคนซื่อสัตย์ นักปกครองฉลาด ไม่เคยสิ้นหวังจากคนโง่เพราะรู้วิธีหาประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น เมื่อชาติใหญ่ถ่อมตนจะชนะใจชาติเล็ก เมื่อชาติเล็กถ่อมตนจะได้รับการโอบอุ้มจากชาติใหญ่ ชาติใหญ่ควรถ่อมตนมากขึ้น
ชาติเล็กถ่อมตนรักษาตัวได้ดีที่สุด
ชาติใหญ่ถ่อมตนจะชนะใจโลกทั้งโลก เล่าจื๊อไม่เพียงสอนให้รู้จักเป็นผู้ชนะ ยังสอนวิชาที่ยากยิ่งกว่า...นั่นคือวิชา ของผู้แพ้ คำพูดจริงใจไม่ไพเราะ
คำพูดไพเราะอาจไม่จริงใจ ผู้ที่รู้ไม่พูดมาก ผู้ที่พูดมากไม่รู้ โลกไม่ได้โต้เถียงกับผู้ที่ไม่โต้เถียง จิตใจที่สงบและอดทน
เป็นพื้นฐานแห่งชีวิตที่เป็นสุข
จงหยุดดีกว่าเติมน้ำจนล้นถ้วย
จงอย่าภูมิใจจนเกินไป
มิฉะนั้นจะไม่มีสิ่งใดให้ภูมิใจ
จงอย่าแหลมคมจนเกินไป มิฉะนั้นจะเสียคม บ้านเมืองที่เต็มไปด้วยทองคำ...ยากจะปลอดภัย บุคคลที่โอ้อวดความมั่งคั่ง
เป็นผู้เชื้อเชิญหายนะให้มาเยือน ชื่อเสียงกับชีวิต
สิ่งใดมีค่าต่อท่านมากกว่ากัน สุขภาพ...หรือ...สมบัติ
สิ่งไหนสำคัญต่อท่านมากกว่า หากท่านรักชื่อเสียงมากเกินไป ท่านจะสูญเสียอย่างหนักในวันหนึ่ง หากท่านไม่รู้ว่าจะหยุดตรงไหน...ท่านจะประสบอันตราย เล่าจื๊อทิ้งท้ายในคำสอนบทนี้ว่า
หากรู้จักพอ...ถอนตัวในเวลาเหมาะสม
ท่านจะมีชีวิตอยู่ยาวนาน...นี่คือวิถีแห่งสวรรค์
คำสอนนี้สอนเมื่อ2,600ปี ที่แท้...น่าอัศจรรย์.ถึงวันนี้...ก็ยังเป็นคำสอนที่ทันสมัย อนุญาต...มอบให้คนดีที่น่ารัก
อ่านแทนคำอวยพรปีใหม่
2558

สวัสดีปีใหม่ 2558 กับตัวย่อ คำอวยพร

H...happy ขอให้มี ความสุข สนุกสนาน
A...advance งานการ ก้าวหน้า หาสิ่งใหม่
P...proud พร้อมพรั่ง ทั้งเรื่อง ภาคภูมิใจ
P...protect ปกป้อง ปลอดภัย จากอันตราย
Y...young คงความสาว เยาว์วัย หน้าใสผ่อง
N...normal ไม่ขัดข้อง ครบจริง ทุกสิ่งสรร
E...easy สะดวกสบาย ง่ายดาย สารพัน
W...wealth เงินทองนั้น ให้ไหลมา และเทมา
Y...year ปีสองศูนย์ หนึ่งห้า พาสดชื่น
E...else สิ่งอื่นๆ ให้สมความ ปรารถนา
A...aim จุดมุ่งหมาย ปลายทาง ที่ไกลตา
R...recieve ให้ได้มา พานพบ สบดั่ง

ส วั ส ดี ปี ใ ห ม่ 2558

เคล็ดลับการทำปลาแดดเดียว

สัตว์)เคล็ดลับการทำปลาแดดเดียว หลังขอดเกล็ดให้ล้างปลาเพียงครั้งเดียว เพราะต้องการให้เนื้อปลาฉ่ำเลือด เมื่อตากแดด ปลาจะสีสด ไม่ซีดและน่ากิน

from sms farmerInfo

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อ่านแล้วดีจัง ! เดินไปส่งเอกสารให้เพื่อนร่วมงาน แทนการส่ง e-mail

อ่านแล้วดีจัง !
งีบทุกวัน วันละ 15 นาที Dr.Bill Anthony of Boston University กล่าวว่า การงีบจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพ และสมาธิในการทำงานดีขึ้น
กินกล้วยวันละ 2 ใบ ลดความเสี่ยงในการเกิด stroke ลงได้ 20% (stroke คือการเป็นลม เนื่องจากสมองขาดเลือด)
ทานชอคโกแลต 3 ชิ้นต่อเดือน อายุยืนขึ้น 1 ปี เพราะ chocolate แสดงออกถึงประสิทธิภาพในการลด LDL Cholesterol
เปลี่ยนไส้แซนวิช ของคุณ จาก แฮมเป็นปลาทูน่า ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ 25%
จูบลาแฟนคุณทุกเช้า และทักเธอทันทีเมื่อถึงบ้าน ทำชีวิตสมรสคุณให้ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ Dr.Dave M. Davis, Director of the Piedmont Psychiatric Clinic in Atlanta in U.S. กล่าวว่า “ผมเห็นคนไข้หลายคนที่มีความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ได้ทำตามคำแนะนำง่ายๆ นี้”
ลดการทำงานลงวันละ 1 ชั่วโมง ชะลอการตายของคุณออกไป จากการศึกษาในประเทศญี่ปุ่น พบว่า ผู้ชายที่ทำงานมากกว่า 11 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสหัวใจวายมากกว่าคนปกติที่ทำงานถึง 9 ถึง 11 ชั่วโมงต่อวัน ถึง 2.5 เท่า
เดินไปส่งเอกสารให้เพื่อนร่วมงาน แทนการส่ง e-mail ลดน้ำหนักลงได้ 0.5 ก.ก. ต่อปี
เริ่มเก็บเงินวันละ 100 บาท เพื่อใช้ตอนที่คุณเลิกทำงาน เมื่อผ่านไป 20 ปี คุณจะมีเงินเก็บทั้ง สิ้น 3,740,000 บาท (สมมติได้ผลตอบแทน 15 % ต่อปี)
หลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก ให้ทานวิตามินซี ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดลง 50%
กินอาหารเช้าทุกวัน ลดน้ำหนักได้ทันที Franca Alphin จาก Duke University Diet and Fitness Centre in the US กล่าวว่า ทั่วไปแล้วผู้ชายที่เว้นจากการกินอาหารเช้า จะทานอาหารมากกว่านั้นในช่วงต่อมา และมักจะเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยไขมันและ kilojoules
ดื่มน้ำเย็นวันละ 4.5 ลิตร ทุกวัน ลดน้ำหนักลงได้ 0.5 ก.ก. ทุกๆ 4 สัปดาห์ ทั้งนี้ เนื่องจากร่างกายของคุณจะใช้พลังงาน 516 kilojoules ในการทำให้น้ำดื่มอุณหภูมิเป็น 22.7 องศาเฃลเฃียส เมื่อคุณดื่มเข้าไป
เหยียดขา (hamstring) ของคุณออกไปเต็มที่ค้างไว้ 30 วินาที วันละ 5 ครั้ง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงความสามารถในการยืดหยุ่นของคุณอีก 37%
บ้วนปากทันที ทุกครั้งหลังกินอาหาร ลดแบคทีเรียในช่องปากลงได้ 30% และที่สำคัญที่สุด คือช่วยลดความเสี่ยงของฟันผุ
กินแอปเปิลวันละ 2 ลูก ลด 4.5 kg ได้ภายใน 1 ปี เส้นใยอาหารในแอปเปิลช่วยในการลดน้ำหนัก ด้วยการช่วยขัดขวางการย่อยไขมันและโปรตีนในร่างกาย
ทำความสะอาดอ่างล้างจาน ของคุณทุก ๆ 2 วัน กำจัด E.coli และ salmonella bacteria จากสถานที่ที่มันชอบซ่อนตัวอยู่เป็นประจำ
เปลี่ยน เนย เป็น low fat margarine ลดปริมาณ cholesterol (LDL cholesterol เป็นชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย) ที่ร่างกายคุณจะได้รับ
ดื่มเบียร์ประเภท stout แทนการดื่มประเภท soft drink เมื่อคุณกิน Berger ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เบียร์จะเป็นตัวป้องกันคุณจาก carcinogens ที่มีอยู่ในเนื้อย่างสุก

5 เทรนด์ เปลี่ยนโลกในทศวรรษหน้า

5 เทรนด์ เปลี่ยนโลกในทศวรรษหน้า และธุรกิจที่คาดว่าจะได้อานิสงค์
จาก Mega Trends

จอห์น แนสบิตต์ (John Naisbitt) นักอนาคตศาสตร์และนักวิเคราะห์ชื่อดังชาวสหรัฐ กล่าวไว้ว่า The Most Reliable Way to Forecast
The Future is To Try Understand The Present. หรือพูดง่ายๆ คือ วิธีที่จะคาดการณ์อนาคตอย่าง
แม่นยำ คือ การพยายามเข้าใจปัจจุบันให้ได้

เขาได้นำข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง 5 คนของ Price Waterhouse Cooper (PwC) บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชั้นนำระดับโลก ซึ่งเผยแพร่ในรายงาน PwC Global Annual Review 2013 เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และมุมมองของ Maga Trends ที่จะเกิดขึ้นในทศวรรษหน้ามาให้เผยแพร่เราได้ทราบกัน
แม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว แต่หลายประเด็นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงและ
เห็นผลกระทบบ้างแล้วในปัจจุบัน นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจน
ขึ้นผมจะยกตัวอย่างธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจที่
คาดว่าจะได้อานิสงค์จาก Mega Trends ดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย
󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇
👥 เทรนด์ที่1:
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
(Demographic Shifts)
หลังสิ้นสุดยุค Baby Boom ในช่วงปี 1965-1970 ประกอบกับวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ที่
พัฒนาขึ้นมาส่งผลให้ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับโครงสร้างสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และข้อจำกัดทางด้านเศรษฐกิจส่งผลให้มีการเปลี่ยน
แปลงขนาดของครอบครัวจากครอบครัวที่มีขนาด
ใหญ่เปลี่ยนไปสู่ครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น รวมถึงการแต่งงานมีครอบครัวและมีบุตรมีแนวโน้ม
ลดลงจึงทำให้สัดส่วนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ขณะเดียวกันสัดส่วนประชากรวัยแรงงานก็ลดลงตาม
ไปด้วย ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างระบบเศรษฐกิจทั้งการผลิตและการบริโภค
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2050 สัดส่วนประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 21 ของประชากรโลก สูงกว่าปัจจุบันที่มีสัดส่วนราวร้อยละ 10 ของประชากรโลก
ธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ บริการ ดูแลผู้สูงอายุ โรงพยาบาล อาหารเพื่อสุขภาพ / อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ธุรกิจออกแบบที่อยู่
อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ เครื่องจักร / หุ่นยนต์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนแรงงาน
󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇
󾭠 เทรน์ที่ 2:
การเปลี่ยนขั้วอำนาจเศรษฐกิจโลก
(Shift in Global Economic Power)
จากเดิมที่เศรษฐกิจโลกขับเคลื่อนโดยกลุ่มประเทศ
พัฒนาแล้วโดยเฉพาะกลุ่ม G7 (สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี และแคนาดา) แต่ขั้วอำนาจของเศรษฐกิจโลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านไป
สู่ประเทศตลาดเกิดใหม่อาทิ กลุ่มประเทศ E7
(จีน อินเดีย บราซิล รัสเซีย อินโดนีเซีย แม็กซิโก และตุรกี) ซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีทรัพยากรสมบูรณ์
และมีโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจได้อีกมาก
ทั้งการค้า การลงทุน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบกับจำนวนประชากรมหาศาลและมีระดับ
รายได้ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความต้องการสินค้า
และบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย
ในปี 2009 GDP ของกลุ่มประเทศ E7 มีขนาดราวสองในสามของ GDP ของกลุ่มประเทศ G7 แต่คาดว่าในปี 2050 GDP ของกลุ่มประเทศ E7 จะเพิ่มขึ้นอย่างมากจนมีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของ
GDP ของกลุ่ม G7 ทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจของกลุ่ม
ประเทศตลาดเกิดใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นฐาน
การผลิตและแหล่งแรงงานราคาถูก ก้าวไปสู่การเป็นตลาดบริโภคแห่งใหม่ของโลก
ธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ธุรกิจส่งออกที่ปรับสินค้าให้สอดคล้องกับรสนิยม
การบริโภคของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มากขึ้น
โดยเฉพาะกลุ่ม E7 ซึ่งแต่ละประเทศมีรสนิยมและ
วัฒนธรรมการบริโภคที่แตกต่างกัน รวมถึงธุรกิจที่เติบโตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ
อาทิ สินค้าฟุ่มเฟือย บริการสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇

󾀋 เทรนด์ที่3:
การเติบโตของสังคมเมือง
(Accelerating Urbanisation)
ปัจจุบันเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัย
อยู่ในเมือง แต่หากย้อนหลังไปในปี 1950 จะพบว่า
มีเพียงร้อยละ 30 ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง เนื่องด้วยพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้วิถีชีวิตของประชากรในเมืองมีความสะดวกสบายมากขึ้น อาทิ ระบบคมนาคมขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค อาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัยประชากรที่เคยอาศัยอยู่
ในชนบทก็เริ่มย้ายเข้ามาอาศัยในเมืองมากขึ้น เพื่อแสวงหารายได้และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขณะเดียวกันนโยบายของหลายประเทศที่มุ่งกระจาย
รายได้และการพัฒนาไปสู่ชนบทมากขึ้น ช่วยยกระดับและพัฒนาสังคมชนบทไปสู่การเป็น
สังคมเมือง ทำให้คาดว่าในปี 2050 สัดส่วนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจะสูงถึงร้อยละ 72 โดยเฉพาะในภูมิภาคแอฟริกาตอนเหนือ (Sub-Saharan Africa) และเอเชีย ที่สังคมเมืองเริ่มมีแนวโน้ม
พัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ข้อสังเกต: แต่ละประเทศมีนิยามของ “สังคมเมือง” ที่แตกต่างกันออกไป (สามารถดูเพิ่มเติมได้จากรายงาน World Urbanization Prospects 2011 Revision, UN) แต่ภาพรวมจะพิจารณาจากจำนวนประชากร ความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสิ่งอำนวยความสะดวกธุรกิจ
ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์: ธุรกิจก่อสร้าง / วัสดุก่อสร้าง พลังงาน โทรคมนาคม / อินเทอร์เน็ต อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้า / เครื่องประดับ รถยนต์󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇

󾀏เทรนด์ที่4: การลดลงของทรัพยากรและการเปลี่ยนแปลง
ทางสภาวะอากาศ (Resource Scarcity and
Climate Change)
การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกส่งผลให้การ
บริโภคทรัพยากรต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดย
เฉพาะการใช้พลังงาน ทั้งจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการบริโภคน้ำและอาหาร ที่นับวันทรัพยากรดังกล่าวมีแต่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การบริโภคทรัพยากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาทิ มลภาวะที่เกิดจากการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ขยะและของเหลือใช้ที่ไม่ได้ถูกนำไปรีไซเคิล และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์จากรถยนต์
ทั้งนี้ การประเมินว่าหากรูปแบบการบริโภคทรัพยากร
ยังเป็นดังเช่นปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศ
ของโลกและทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้ร 0.5-1.5 องศาเซลเซียสในอีก 20 ปี ข้างหน้า ตลอดจนยัง
ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ อาทิ ฝนแล้ง น้ำท่วม และการเปลี่ยนแปลงของระดับ
ความเข้มข้นในน้ำทะเล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง
ไปยังภาคการเกษตรและการผลิตอาหารของโลก
ดังนั้นทั่วโลกจึงหันมาให้ความสำคัญกับการดูแล
และรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงในภาคธุรกิจที่มี
การปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือวัตถุดิบที่ใช้ใน
การผลิตเพื่อลดหรือชะลอผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์
: ธุรกิจสีเขียว (ธุรกิจที่ใช้วัสดุหรือมีกระบวนการ
ผลิตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมหรือควบคุมการปล่อย
มลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม) บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ พลังงานทางเลือก เกษตร / อาหารอินทรีย์ รีไซเคิลขยะ
และของเสีย ที่ปรึกษาและออกแบบการผลิต
โรงงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริการวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม

󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇󾬇
󾟭เทรนด์ที่5:
ความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยี
(Technological Breakthroughs)
การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเปลี่ยนโฉมหน้าของ
โลกไปอย่างมากจากในอดีตทั้งรูปแบบวิถีชีวิต รวมถึงการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในภาคธุรกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวน
การผลิต การตลาด และการบริหารจัดการภายในกิจการ
นอกจากนี้ เทคโนโลยียังช่วยให้เกิดธุรกิจใหม่
ได้ง่ายในเพียงชั่วข้ามคืน อาทิ ธุรกิจออนไลน์ โดยอาศัยประโยชน์จากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก่อให้เกิดสังคมเครือข่ายออนไลน์ (Social Network) แพร่หลายดังเช่นในทุกวันนี้ ซึ่งช่วยลดข้อจำกัด
ของระยะทาง ทำให้สามารถทำตลาดได้อย่างไร้ขอบเขต
ทั้งนี้ปัจจุบันประชากรโลกมีอุปกรณ์สื่อสารมากกว่า 1.84 เครื่องต่อคน เพิ่มขึ้นจาก 0.08 เครื่องต่อคนต่อ
ในปี 2003 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.47 และ 6.58 เครื่องต่อคนในปี 2015 และปี 2020 ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงการที่เทคโนโลยีจะก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น ธุรกิจในอนาคตจึงควรให้ความสำคัญกับการไขว่
คว้าโอกาสจากความสำคัญของเทคโนโลยีดังกล่าว รวมถึงไม่พลาดที่จะติดตามทิศทางของเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภค
ผ่านเทคโนโลยีสื่อสารต่างๆ ที่นับวันจะเกิดขึ้นและ
เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างธุรกิจที่คาดว่าจะได้ประโยชน์:
ธุรกิจออนไลน์ (ธุรกิจที่ทำตลาดหรือให้บริการ
ผ่านอินเตอร์เน็ตหรือสังคมออนไลน์) โทรคมนาคม อุปกรณ์สื่อสาร บริการคอนเท้นท์ออนไลน์ พัฒนาซอฟต์แวร์ / แอพพลิเคชั่น

󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈󾬈
เรื่องโดย : คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย
ที่มา : วารสาร Marketeer ฉบับเดือนสิงหาคม 2557
ขอบคุณ : Maruey Knowledge and Resource Center

สิ่งที่เรามองข้าม

สิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย..

ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ ครอบครัวเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ ทุกบ้านมีคนหา รายได้ได้ถึง 2 คน แต่การ หย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา

อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้าง ว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิต อยู่คือโอกาสที่พิเศษสุดแล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือ โซ่ห่วงของนาที แห่งความสุข ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า "สักวันหนึ่ง……" ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่า เรารักพวกเขาเหล่านั้น แค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลย ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

และเวลานี้….

ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลา ที่จะ copy ข้อความนี้ ไป ให้คนที่คุณรักอ่าน แล้วคิด ว่า "สักวันหนึ่งค่อยส่ง"
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่ง ตรงนี้ เพื่อทำอย่างที่คุณ ต้องการอีกก็ได้

เวลาเดินรถมาตรฐาน ม.4(ค) กทม- นครพนม ..รถบริษัท ขนส่ง จำกัด

กรุงเทพ - นครพนม
เวลาเดินรถมาตรฐาน ม.4 (ค) สาย 26

เวลาต้นทาง 06.00น., 07.00น., 15.00น., 16.00น., 17.30น., 19.00น., 21.00น.

เวลาปลายทาง 07.30น., 16.00น., 16.45น., 17.00น., 17.30น., 18.00น., 18.30น.
( โปรดตรวจสอบเวลาต้นทางอีกครั้ง ก่อนเดินทาง)

ระยะทาง 727 กม.
ระยะเวลาเดินทาง 12 กม.
อัตราค่าโดยสาร 412 บาท
จุดรับประทานอาหาร
- เที่ยวขาขึ้น ร้านอาหาร 199
- เที่ยวขาล่อง ร้านอาหารวุฒิภาพ

เทคนิคการถนอมหน่อไม้นานครึ่งปี

พืช)ถนอมหน่อไม้ไว้ได้นาน 5-6 เดือน โดยไม่ต้องดอง ด้วยการนำไปเผาไฟทั้งเปลือกให้พอสุก แล้วฉีกฝอยตากแดดให้แห้ง เก็บใส่ถุงเจาะรู

ที่มา sms farmerInfo

ฟรีไวไฟ - ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน 31 ธค - 4 มค 2558

เครือข่ายโทรศัพท์จำนวน 3 ค่าย คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส, บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนโครงการ “ของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน” ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทุกกระทรวงจัดหา“ของขวัญ” เพื่อสร้างความสุขให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ 2558 อย่างเป็นรูปธรรม

 

 Free – WiFi  31ธ.ค.-4 ม.ค.นี้"   

AIS  WiFi ฟรีไม่จำกัด ในช่วงระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 57 – 4 ม.ค. 58 สำหรับลูกค้าเอไอเอสทั่วประเทศ  

เพียงกด *199*5# แล้วโทรออก โดยระบบจะส่ง SMS  Username และ Password เข้าใช้มาให้ จากนั้นก็สามารถใช้งานได้ฟรี 24 ชั่วโมง/ครั้ง ในบริเวณพื้นที่ AIS WiFiทั่วไทย  ตรวจสอบพื้นที่ให้บริการได้ที่ www.ais.co.th/wifi  

 

   ดีแทค  Wi Fi ฟรี มีความสุข ส่งความสนุก คำอวยพร ให้แก่กันในช่วงเทศกาลปีใหม่นานถึง 15 วัน นับจากวันที่ลงทะเบียน เริ่มรับสิทธิประโยชน์ ได้ตั้งแต่วันที่  31 ธ.ค. 57 - 4 ม.ค. 58 วิธีการสมัครเพียงล็อกอินผ่านหน้า dtacwifiลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ dtacwifi สนุกฟรี 15 วัน โดยจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์อีเมล์ และ  เลขที่บัตรประชาชนหรือเลขที่พาสปอร์ต ระยะเวลาการใช้สิทธิ  จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ระบบสมัครสำเร็จเป็นวันแรก และผู้ใช้บริการสามารถใช้สิทธิได้จนถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 15 นับจากวันสมัคร dtacwifi สนุกฟรี 15 วัน ใช้งานได้ทุกพื้นที่ที่มีสัญญาณดีแทค wifi ให้บริการ”

 

ทรู  Wifi ฟรี ให้ลูกค้าทรูทุกท่าน ตลอด 24 ชั่วโมง นานต่อเนื่อง 5 วัน สามารถรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่ 31 ธันวาคม 2557 ถึง 4 มกราคม 2558 โดยลูกค้าทรูมูฟเอช สามารถรับสิทธิ์ผ่านมือถือได้ทันที โดยกด *900*2015# โทรออก (ฟรี)  สำหรับประชาชนทั่วไป รับสิทธิ์ใช้งานฟรี 15 นาทีต่อวัน ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว

สูตรปลาโตเร็ว ด้วยหญ้าเนเปียร์

สัตว์)หญ้าเนเปียร์สับ3กก. คลุกหัวเชื้อจุลินทรีย์EM20ซีซีที่ละลายน้ำ1ลิตร ผสมกับหัวอาหารปลาอัตรา1:1 ให้ปลากินเช้าเย็น ปลาจะโตเร็ว เนื้อแน่น

จาก sms farmerInfo

คำว่าเพื่อน

"เพื่อน"
คำว่าเพื่อน อยู่ที่ไหน ก็คือเพื่อน
👭👬คำว่าเพื่อน อยู่ที่ใจ ไม่เลือนหาย
👬👭แม้จะห่าง ไกลจากกัน ก็ไม่คลาย
👭👬คำว่าเพื่อน จนวันตาย เราเพื่อนกัน
👬👭ตั้งแต่เด็ก เพื่อนข้างบ้าน เพื่อนประถม
👭👬โตมาหน่อย เพื่อนมัธยม วัยสุขสันต์
👬👭มหาลัย เพื่อนวัยนี้ มุ่งฝ่าฝัน
👭👬ปริญญา ต่างมุ่งมั่น สร้างหนทาง
👬👭เมื่อเรียนจบ เพื่อนร่วมงาน นั่นก็เพื่อน
👭👬เพื่อนคอยเตือน เพื่อนคอยปลอบ แม้อยู่ห่าง
👬👭มีเพื่อนดี ถนอมไว้ เพื่อนร่วมทาง
👭👬มีเพื่อนร้าย จงปล่อยวาง ต้องทำใจ
👬👭เพื่อนเอ๋ยเพื่อน จงฟังคำ ดังกล่าวนี้
👭👬จะกี่เดือน จะกี่ปี อย่าหวั่นไหว
👬👭เรารักกัน เพื่อนคือเพื่อน ตลอดไป
👭👬เพื่อนรักเพื่อน รักด้วยใจ ตลอดกาล

...ปีใหม่ 2558 ขอให้เพื่อนๆมีความสุขตลอดไป...

เหตุผลที่คนไม่รู้ตัว..ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต

เหตุผลที่คนไม่รู้ตัว..ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต
1. การมีชีวิตแบบ outside in ไม่ใช่ inside out

มันเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่หลอมให้เรามองคนอื่น ต้องส้มพันธ์กับคนอื่นจนทำให้การหันกลับมามองตัวเองมันเหลือที่ว่างน้อยนิด หรือถ้าโชคร้าย หาไม่เจอเลย ส่วนใหญ่ทำอะไรไปก็เพื่อให้เกิดการยอมรับจาก..คนอื่น เราเลยไถลเลื่อนไปสู่โหมดชาวบ้านแบบห้ามไม่อยู่ ลองคิดดูนะ ทุกวันนี้มีชีวิตตาม script คนอื่นหรือเปล่า

2. เลือกอาชีพเพราะความเหมาะสม ไม่ใช่ความชอบ

สังคมมี checklist ให้เรา.. เราก็ขีดถูกไปตามนั้น เช่น เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่งงาน มีลูก มีอาชีพดีดีจนเกษียณ จบข่าว เรื่องนี้เป็นเหมือนกฎเหล็กที่คนต้องทำตาม แต่มันไม่ใช่เป้าหมายจริงๆในชีวิต เราละเลยเสียงเล็กๆที่ร้องอยู่ข้างในตัวตน เราขลาดเกินกว่าที่จะมองตัวตนจริง เรากลัวโง่ กลัวเสี่ยง กลัวว่าจะก้าวไปสู่ความไม่รู้ จนต้องเลือกทำตามสังคมแบบเติมคำลงในช่องว่าง แทนที่ของการเขียนเรื่องราวให้ตัวเอง ส่วนใหญ่คนจบลงที่อาชีพตามรายการของสังคมที่บอกให้เราทำ ไม่ใช่ที่อยากทำ Let Your Life Speak !!!

3. การไม่ยอมรับ "ความเงียบ"

เราอยู่ในสังคนที่ไม่ให้คุณค่ากับ "ความเงียบ"
แต่ให้คุณค่ากับ ACTIONs !!

มันอันตรายนะ ถ้าไม่ "อยู่เงียบๆ" บ้าง อีโก้มันจะมาครอบเบ็ดเสร็จ เราจะคิดว่าอีโก้นั้น คือ จุดหมายในชีวิตเรา เรามีชีวิตที่ดีแล้ว so what !!

ความเงียบจะทำให้เรามีโอกาสถามตัวเองเกี่ยวกับชีวิต ในความเงียบมันเป็นการประมวลข้อมูลชีวิตที่ผ่านมา ที่สามารถสรุปเป็นบทเรียนให้ตัวเอง มองเห็นตัวตนแท้จริงชัดขึ้น ไม่อย่างงั้นก็จะประมาณว่า ตื่น แต่งตัว กินข้าว ไปทำงาน เลิกงานกลับบ้าน ดูทีวี แล้วนอน..วนเวียนไปอยู่แบบนี้ทั้งปีทั้งชาติ แล้วเมื่อไหร่จะมีชีวิต..ชีวิตของเราจริงๆ

4. การรังเกียจด้านมืดของตัวเอง

Carl Jung นักจิตวิทยาเรียกด้านมืดว่า "เงา" คือ มันไม่ไปไหน อยู่กับเรานี่แหละ และที่สำคัญเราไม่อยากให้ใครเห็นเพราะมันเป็นข้อด้อย ความล้มเหลว หรือเป็นความเห็นแก่ตัวที่ซ่อนไว้ เราซ่อนมันไว้ก่อนที่คนอื่นจะเห็น อย่าลืมว่าไอ้ด้านมืดนี่แหละที่ช่วยสอนเราได้ดี ช่วยให้เรามีจุดมุ่งหมายในชีวิต ถ้าเรายอมเปิดใจให้กับตัวเองในด้านมืดๆของตัวเอง เราจะพบว่าทิศทางการเติบโตที่สวยงามสำหรับชีวิต คือ อะไร อันนี้ต่างหากที่เราต้องเรียนรู้ อันนี้ต่างหากที่จะฉุดเราออกมาจาก comfort zone ที่ทำลายตัวตนแท้จริงของเรา ยอมรับมันซะถ้าคิดว่าจุดมุ่งหมายในชีวิตคนมันสำคัญ

5. ความที่ต้องมีเหตุผลตลอดเวลา

คนเรานั้นเรื่องอารมณ์ สัญชาติญาณ จิตไร้สำนึก ความอ่อนไหว มีกันอยู่ทุกคน แต่เราไม่ค่อยฟังมัน เราเลือกจะอยู่กับเหตุผล เพราะเราคิดว่ามันปลอดภัย แต่ non-logical mind เป็นสิ่งที่ทำให้เรายอมรับกับการที่บางครั้ง..ชีวิตก็ไม่ได้มีทุกคำตอบ เราควรยอมให้ชีวิตมีความคลุมเครือบ้าง เพื่อนำไปสู่ "ความรู้สึก" feeling จริงๆ ลึกๆ ของเรา มันดีกว่าคำตอบที่ปรุงแต่งมากนัก

อย่ายอมให้ความคิดหรือคำพูดแย่ๆมาบั่นทอนความฝันของคุณ

คนหนึ่งพูดว่าเป็นไปไม่ได้
คนหนึ่งลงมือทำจนสำเร็จ
............
เวลาเจอเรื่องยากๆที่ไม่น่าเป็นไปได้
มักมีคนคิดและชอบพูดเสมอว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่กลับมีสิ่งต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นมาในโลก
เพียงเพราะเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้
และมองว่านี่คือโอกาส

ธุรกิจของผมเกิดขึ้นเพราะคำพูดที่ว่า
ไม่น่าจะเป็นไปได้...
ต้นฉบับของหนังสือเล่มหนึ่งถูกสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ตีกลับมาราวกับว่าเนื้อหาไม่ควรค่าแก่การอ่าน
แต่ด้วยสายตาที่อ่อนเยาว์ต่อโลกทำให้ผมกล้ากระโดดคว้าโอกาสนั้นไว้
ด้วยการเสนอตัวกุบนักเขียนขอเป็นผู้ผลิตหนังสือเล่มนั้นด้วยตนเอง
ทั้งขาดประสบประการณ์ จึงทำให้กล้าที่จะตัดสินใจในบางเรื่องที่ไม่รู้จนนำมาสู่ความแตกต่าง
ทำให้หนังสือเล่มนั้นทำยอดขายไปได้สามแสนกว่าเล่ม
และนั่นคือจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของผม

เริ่มจากการที่คนอื่นบอกว่าเป็นไปไม่ได้
ในวันนี้ไม่ใช่แค่ผมทำให้มันเกิดขึ้นได้จริง
แต่ยังทำให้มันเติบโตผลิดอกออกผลส่งต่อแรงบันดาลใจสู่ผู้อ่านมากว่า5ปี
ผ่านผลงานคัดสรรกว่าร้อยเรื่องหรือมากกว่าสองล้านเล่มที่มีคนอ่านและส่งต่อกัน

คุณอยากเป็นคนแบบไหน
คนที่พูดหรือคนที่ลงมือทำ

คุณเชื่อแบบไหน
คุณก็จะเป็นคนแบบนั้น

คุณคิดและทำแบบไหน
คุณก็จะได้ผลลัพธ์แบบนั้น

อย่ายอมให้ความคิดหรือคำพูดแย่ๆมาบั่นทอนความฝันของคุณ
จงเชื่อมั่นในความเป็นตัวคุณและลงมือคว้าทุกโอกาสที่เข้ามา
และลงมือทำให้สำเร็จ

Just do it.
ทำเลยครับ
.............
เมษ พิชญพล

เลือกให้ดี..คนมีหลายแบบ

เลือกให้ดี..คนมีหลายแบบ
ประเภทร้าย..ไม่ต้องคบ
หน้าเนื้อ ใจเสือ
พวกนี้ดูดี สวย หล่อ ทำให้หลงได้ง่ายแต่ใจร้ายชะมัด ทำได้ทุกอย่างทุกที่ทุกเวลาที่จะเอาเปรียบคนอื่นแบบหน้าตายิ้มๆ เหมือนพวกแม่ค้าพ่อค้าที่อยากขาย แต่ตัวเองได้เต็มๆคนอื่นเสียเต็มๆ คบไป..วันดีคืนดี...หมด...ไม่รู้ตัว

งูเห่า
ดูไปก็ธรรมดา แต่ใจซ่อนพิษ เมื่อมีโอกาสจะฉกฉวยทันทีโดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนลำบาก คบไปก็ไว้ใจไม่ได้ เสียเวลาระวัง

ผีห่า ซาตาน
หน้าตาดูไม่ได้แล้วยังใจเลวด้วย มันดีอยู่อย่าง คือ มันชัด เราเจอแล้วเผ่นไปได้ทัน ไม่เหมือนพวกงูเห่ากับหน้าเนื้อใจเสือ

ประเภทคบได้..ไม่ดีขึ้น ไม่คบ..ไม่มีอะไรจะเสีย
รู้หน้า ไม่รู้ใจ
คบได้เพลินๆ ดูสบายตา แต่ถึงเวลาเดือดร้อน ไม่ลงเรือลำเดียวกันแน่ๆ

เฉยชา
พวกนี้ก็คนธรรมดาทั่วไป แล้วแต่สถานะการณ์ ไม่ดีไม่ชั่ว กลางๆ ไม่สนใจใคร เอาแต่ตัวเองรอดไป

ผีเข้า ผีออก
ดูแล้วไม่เจริญหูเจริญตา แถมเดาใจไม่ออกว่าจะเอายังไง หลีกได้ก็หลีก ไม่คบก็ไม่เสีย

ประเภทดีสุดขั้ว...ต้องคบ..ไม่คบไม่ได้
นางฟ้า เทวดา
ใครเจอและได้เป็นเพื่อนถือว่ามีบุญ พวกนี้เป็นเพื่อนแท้ที่หายาก หน้าตาดีแล้วยังใจดีเป็นเลิศ อยู่ด้วยมีแต่ได้ เต็มใจช่วยเหลือด้วยรอยยิ้มและใจอาทรเสมอ

ธรรมดา..ที่ไม่ธรรมดา
หน้าตาไม่ได้ดีขนาดนั้น แต่ใจเต็มร้อย เคียงข้างไม่ทิ้งกัน อยู่ด้วยมีความสุขแน่ๆ

ผ้าขี้ริ้วห่อทอง
หน้าตาไม่เป็นอุปสรรคต่อการคบหา บางคนกลับมองข้ามไป ต้องมองที่ใจจะเห็นทองแท้ที่ฉายแสงอบอุ่นให้เสมอ

มันอาจเป็นเรื่องที่ว่า "เรามองอย่างไร" มากกว่า

:ต่างมุม...

ฝนตกเหมือนกัน...
คนหนึ่งบอกเย็นดี อีกคนบอกเปียก
คนหนึ่งบอกสบายตัว อีกคนบอกหนาวเหน็บ
ฝนตกเหมือนกัน แต่คนมองไม่เหมือนกัน
บางทีสิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่เรื่องที่ว่า "เราเจออะไร"
มันอาจเป็นเรื่องที่ว่า "เรามองอย่างไร" มากกว่า



#พศิน อินทรวงค์

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 197 นวัตกรรมเขื่อน ผลพวงสู่ปวงประชา - โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

ฟังรายการวิทยุรักพ่อ ตอนที่ 197 นวัตกรรมเขื่อน ผลพวงสู่ปวงประชา - โดย กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

http://www.youtube.com/watch?v=m3lTX61O6Ro

รายการรักพ่อ197 นวัตกรรมเขื่อน ผลพวงสู่ปวงประชา




ฟังรายการทั้งหมด http://www.youtube.com/playlist?list=PL381074716754C1A0
พบกับสารคดีเทิดพระเกียรติ "นวัตกรรมเขื่อน ผลพวงสู่ปวงประชา", ช่วงในหลวงในดวงใจ42,  บทกวีจากณุ บูรพา , ทำไมเรารักพระเจ้าอยู่หัว, กลเม็ดเคล็ดลับกับการพึ่งตนเอง,
ฟังเพลงราชภัฏทหารพระราชา ,รักพ่อ, พระภูมิพล,  ออกอากาศทาง FM87.75 MHz คลื่นแห่งมิตรภาพ จ.นนทบุรี เมื่อ 23 พ.ค.2556


มาแล้วครับรายการรักพ่อ ช่วยสายต่อ ให้ระบือ ส่งสื่อสาร
เหมือนคนที่มีจิตร่วมกัน ร่วมปกป้องสถาบัน ให้มั่นคง
ช่วงเวลาต่อจากนี้ไป ขอนำท่านผู้ฟังเข้าสู่รายการรักพ่อ

รายการวิทยุดีๆที่ตั้งใจทำในแนวจิตอาสา
ผู้ดำเนินรายการ : สุเวศน์ ภู่ระหงษ์
ทีมงาน ห้องบันทึกเสียง สิงหา ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี
- กลุ่มรักพ่อภาคปฏิบัติ

(๙) ชายแดนบ้านของเรา: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร

(๙) ชายแดนบ้านของเรา: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร
พระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ 9
สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิร?ิกิติ์ ๘๐ พรรษา ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ี ๙ ชายแดนบ้านของเรา
ตามตะเข็บชายแดนของประเทศ ยังคงมีชนเผ่าหลากหลายที่ใช้ชีวิตอยู่อย่า?งลำบาก ต้องหากินกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย ถ้าจะตามรบกันก็จะมีแต่ผู้คนล้มตายมากมาย พระราชินีจึงทรงพระราชทานแนวทางอาชีพและปล?ูกฝังให้คนที่อยู่ในพื้นที่นั้นรักบ้าน รักถิ่นฐานและรักแผ่นดินไทย จนทุกวันนี้เรามีผู้หวงแหนบ้านของเรา ปกป้องชายแดนอยู่อย่างเต็มกำลัง เมื่อชายแดนปลอดภัย ในเมืองก็อุ่นใจ เพราะแนวทางที่ทรงพระราชทานไว้ให้พวกเราชา?วไทยทุกคน
http://www.youtube.com/watch?v=DaaBT9i0R30



วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ประการ ระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง

ความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ประการ ระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง

ผมได้อ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่งเขียนโดย Keith Cameron Smith เรื่องความแตกต่างที่โดดเด่น 10 ข้อ ระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลาง และเห็นว่ามันมีความเป็นจริงอยู่พอสมควรจากการสังเกตของผม ดังนั้น จึงขอนำมาเผยแพร่เพื่อที่ว่าเราจะได้รู้ว่าเราอยู่ในด้านไหนของสังคมและจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่ว่าเราจะได้ย้ายจากการมีแนวโน้มที่จะเป็นคนชั้นกลางสู่การเป็นคนรวย

ความแตกต่างข้อแรกก็คือ เศรษฐีนั้นคิดยาวแต่คนชั้นกลางคิดสั้น ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือคนจน พวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวันทำนองหาเช้ากินค่ำ คนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือน นั่นคือคิดถึงวันเงินเดือนออก แต่คนรวยจะต้องคิดยาวเป็นปีๆ หรือเป็นสิบๆ ปี ในใจของคนจนนั้น เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า ส่วนคนรวยนั้น เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเงิน การคิดยาวนั้นมีพลังมหาศาล เพราะมันจะทำให้เขาอดออมและลงทุนระยะยาวซึ่งจะทำให้เงินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานาน และนี่คือสูตรสำคัญที่สุดในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง

ข้อสอง - คนรวยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของ และคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่น นี่คงไม่ได้หมายถึงว่าคนรวยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น แต่หมายถึงว่าคนรวยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจนและมักจะเป็นคนที่มีแนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองต่างๆ มากกว่าคนชั้นกลางและคนจน เบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่า คนรวยนั้นมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา” เป็นนิจสิน ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำ ชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ ดนตรี การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

ข้อสาม - คนรวยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน ในขณะที่คนรวยนั้นคิดว่าการเปลี่ยนแปลงอาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า เขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้นมักมีโอกาสที่เขาอาจจะฉกฉวยได้ เบื้องหลังนิสัยนี้อาจจะมาจากการที่คนรวยมีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลางที่มักจะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งใหม่ๆได้

ข้อสี่ - คนรวยกล้ารับความเสี่ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเสี่ยง นี่เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของคนชั้นกลางในความเห็นของผม คนที่ไม่ยอมรับความเสี่ยงเลยนั้นจะพลาดที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิง ในขณะที่คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่างที่ได้มีการศึกษามาเป็นอย่างดีจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้โดยที่ความเสี่ยงจริงๆ นั้นจะมีน้อยมาก ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือ คนชั้นกลางส่วนใหญ่นั้นมักจะกลัวการลงทุนในหุ้นหรือตราสารการเงินที่มีความผันผวนของราคาโดยที่เขาไม่พยายามศึกษาว่าในระยะยาวแล้วมันอาจจะมีความคุ้มค่ากว่าการฝากเงินในธนาคารมาก ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ยงอย่าง “บ้าบิ่น” เช่นคนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใช่นิสัยของคนรวย คนรวยนั้นจะต้องรับความเสี่ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

ข้อห้า - คนรวยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียน นิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อยๆ นี้ ผมคิดว่าเป็นหัวใจเศรษฐีจริงๆ เพราะในความรู้สึกของผมเอง การเรียนรู้จากโรงเรียนเป็นเพียงพื้นฐานที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้ และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้นยาวมากเป็นหลายสิบปี ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่จึงควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน

โดยนัยของข้อนี้ คนรวยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่านหรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนชั้นกลางนั้น พอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจอ่านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ๆ และความรู้ที่ผมคิดว่าคนชั้นกลางพลาดไปเพราะไม่มีการสอนในโรงเรียนก็คือ ความรู้ทางด้านการเงินที่คนรวยมักจะศึกษาต่อเพราะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำไปสู่ความร่ำรวยได้

ข้อหก - คนรวยทำงานเพื่อหากำไร คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนรวยมองว่านี่คือหนทางที่จะทำให้รวยได้มากกว่าแม้ว่าจะมีความเสี่ยง ในขณะที่คนชั้นกลางนั้นมักจะไม่กล้าเสี่ยงและอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางานที่จะมีรายได้แน่นอน แต่รายได้จากการใช้แรงงานของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะทำให้ตนเองรวยได้

ข้อเจ็ด - คนรวยเชื่อว่าพวกเขาจะต้องใจบุญสุนทาน คนชั้นกลางคิดว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะทำบุญ ข้อนี้ผมเองคงไม่มีคอมเม้นท์อะไร ส่วนหนึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ไม่ค่อยบอกหรือรู้กันยกเว้นกรณีที่เป็นการบริจาคใหญ่ๆ อย่างกรณีของบัฟเฟตต์หรือบิลเกต

ข้อแปด - คนรวยมีแหล่งรายได้หลากหลาย คนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งหรือสองแหล่ง ข้อนี้ก็เช่นกัน ผมเองไม่แน่ใจว่าคนรวยมีรายได้จากหลายแหล่งเพราะรวยแล้วจึงไปลงทุนในทรัพย์สินหลายๆอย่าง หรือมีทรัพย์สินหลายอย่างจึงทำให้รวย แต่ที่ผมเห็นชัดเจนก็คือ คนชั้นกลางนั้น มักไม่ลงทุนในทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงทำให้รายได้มักจะมาจากเงินเดือนเป็นหลัก

ข้อเก้า - คนรวยเน้นการเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งของตนเอง คนชั้นกลางเน้นการเพิ่มของเงินเดือน เป้าหมายของคนรวยนั้นอยู่ที่ว่าตนเองมีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนโดยมองที่ภาพรวม ดังนั้น ถ้าเขามีหุ้นอยู่ การที่หุ้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเขาก็มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่ต้องเสียภาษี แต่คนชั้นกลางพยายามทำงานเพื่อให้มีเงินเดือนสูงขึ้นแต่เขาอาจจะลืมไปว่าเขาจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นด้วย สรุปก็คือ คนรวยเน้นการลงทุนใช้เงินทำงานแทนตนเอง คนชั้นกลางเน้นการใช้แรงงานของตนเอง

สุดท้าย ข้อสิบ - คนรวยชอบตั้งคำถามที่เป็นบวกและสร้างกำลังใจ เช่น ฉันจะสร้างรายได้เป็นเท่าตัวในปีนี้ได้อย่างไร? ในขณะที่คนชั้นกลางชอบตั้งคำถามที่เป็นลบและเสียกำลังใจ เช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ได้อย่างไร?

และนั่นก็คือ ความแตกต่าง 10 ข้อระหว่างคนรวยกับคนชั้นกลางที่มีคนตั้งข้อสังเกตไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะเป็นจริง แน่นอน คนรวยบางคนก็มีคุณสมบัติที่เป็นแบบคนชั้นกลางและคนชั้นกลางจำนวนมากก็มีนิสัยแบบคนรวย แต่ถ้าเราอยากรวย ผมคิดว่า การยึดนิสัยแบบคนรวยน่าจะทำให้เรามีโอกาสมากกว่า

Cr. Forward mail

"ลองใช้ชีวิตในเมืองใหญ่โดยไม่มีเงิน และไม่มีมือถือ" ระยะเวลา 8 ชั่วโมง

ผมประทับใจมากกับหลักสูตรนี้
หาแก่นแท้รู้ถึงหัวจิตหัวใจคนเมือง
เลย Copy มาให้อ่านกันครับ

ชื่อหลักสูตร "ลองใช้ชีวิตในเมืองใหญ่โดยไม่มีเงิน และไม่มีมือถือ" ระยะเวลา 8 ชั่วโมง
ระหว่าง 09.00-17.00 น. ในวันเสาร์ต้นเดือน

ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยคนทำงานออฟฟิศ หรือมนุษย์เงินเดือน 20 คน ซึ่งถูกกำหนดเงื่อนไขให้ได้เรียนรู้
แบบแสบๆคันๆหัวเราะไม่ออก ขอทุกคนโปรด"งดอาหารเช้า" แล้วมาพบกันที่หน้าห้างใหญ่ ย่านสยามสแควร์
เงินทอง บัตรเอทีเอ็ม มือถือ ที่พกมาโปรดฝากไว้ที่อาจารย์ ตอนเย็นจะคืนให้

แต่ทุกคนต้องหาวิธีเดินทางไปให้ถึงจุดนัดพบ ที่หน้าห้างใหญ่ตรงแยกลาดพร้าวในเวลา 17.00 น.

ทุกคนปฏิบัติการด้วยท้องที่หิว ต่างนำพาตัวเองสู่จุดนัดหมาย ด้วยประสบการณ์เฉพาะตนที่ยากจะลืมเลือน

แดง - เล่าว่าเธอพยายามรวบรวมความกล้าไปขอเงินค่ารถเมล์ แต่ใจไม่กล้าพอ
เพราะรูปร่างหน้าตาแบบเธอนี่ ใครเขาจะเชื่อว่าไม่มีเงินเลยสักบาท
แต่ด้วยความมุ่งมั่น แดงเดินจากสยามไปถึงแยกลาดพร้าว โดยไม่มีอาหารและน้ำ ตกถึงท้อง
แดง สรุปวีรกรรมของเธอว่าเป็นเรื่อง " ศักดิ์ศรี " ล้วน ๆ เพื่อน ๆ จึงแถมด้วยว่า "ไม่ฉลาด"
เพราะไม่รู้จักขึ้นรถเมล์ฟรีสำหรับประชาชน

ต้อย - แก้โจทย์แรกทำอย่างไรจึงหายหิว ต้อยเล็งแม่ค้าหมูปิ้งท่าทางมีเมตตา
ต้อยเริ่มบรรยายว่าเธอไม่ได้กินข้าวเช้า กำลังจะเป็นลมแล้ว
แม่ค้าสงสารยื่นหมูปิ้งให้สองไม้แถมข้าวเหนียวอีกห่อ ณ นาทีนั้น ต้อยสัญญากับตัวเองว่า
ทันทีที่ภารกิจเสร็จ ได้กระเป๋าสตางค์ของตนคืน จะมาเหมาหมูปิ้งหมดเลย
แต่พอถึงตอนเดินไปขอใช้โทรศัพท์มือถือ จากผู้ที่เดินผ่านไปมา
สายตาที่มองต้อยหัวจรดเท้าหรือท่าทีธุระไม่ใช่ของคนเหล่านี้
ต้อย สรุปว่า น้ำใจแห้งแล้งกว่าแม่ค้าหมูปิ้งยิ่งนัก ต้อยบากหน้าขอยืมมือถือกว่าสิบราย
แต่สุดท้ายมีหญิงวัยกลางคนให้เธอยืมมือถือมาโทรฯ ได้สำเร็จ
ต้อยสัญญากับตัวเองเป็นคำรบสองว่าต่อจากนี้ไป ใครมาขอยืมใช้โทรศัพท์มือถือ
เธอจะเต็มใจให้ใช้ โดยไม่เกี่ยงงอนใด ๆ เลย นี่คือ คำสัญญาจากต้อย

เอก - พยายามทดสอบน้ำใจผู้คน แต่ไม่มีใครเชื่อว่าชายครบสามสิบสอง
ไม่พิกลพิการจะมีหน้ามาแบมือขอเงิน เอกต้องทนหิว ถึงบ่ายแก่ ๆ
ไปขอเงินจากนักศึกษาสาวที่มองเอกอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินจากไป
ราวสิบนาทีต่อมา เธอยื่นถุงจากร้านสะดวกซื้อให้เอกโดยไม่พูดสักคำ
เอกรับมาเปิดดู มีเครื่องดื่มเย็นๆสองขวด แซนวิช และธนบัตรหนึ่งร้อยบาทในถุงนั้น
เอก เล่าว่าอยากจะวิ่งไปขอบคุณนักศึกษาสาวผู้นั้น แต่เธอเดินลับหายไปในฝูงชน
บุญคุณครั้งนี้เอกจะไม่ลืม เงินร้อยบาทที่ได้มาเป็นเงินที่มีค่ากว่าเงินเดือนหลายหมื่น
ที่ฝ่ายการเงิน โอนเข้าบัญชีของเอกทุกเดือนซะอีก
เอกกำลังคิดว่า ตนจะตอบแทนสังคมที่มีผู้มีน้ำใจได้อย่างไร

วิทยา - เป็นวิทยากรกระบวนการหลักสูตรนี้ แต่ต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีเงินและมือถือเช่นเดียวกันกับคนอื่น
วิทยาปล่อยวางและเล่น "เกม" นี้อย่างไม่กดดันตัวเอง แต่พยายามเข้าใจปฏิกิริยาของคนที่เขาไปขอเงิน
และพยายามเชื่อมโยงเหตุผลที่ทำให้บางคน "มีน้ำใจ" กว่าคนอื่น
วิทยาได้รับความช่วยเหลือจากคนที่ใส่ใจรับฟัง หรือจ้องมองดวงตาของวิทยา
แต่ผู้คนที่เร่งรีบไม่มีเวลาแม้แต่หยุดฟัง มักเชิดหน้าผ่านไปพร้อมส่งสัญญาณอำมหิต
แปลความได้ว่า...ชีวิตใคร ชีวิตมัน อย่ามายุ่งกับข้า…

ผู้เข้าร่วมทั้ง 20 คนมาถึงจุดนัดหมายด้วย "ตัวช่วย" ต่างกันแต่ทุกคนสรุปตรงกันว่า
ต่อไปตนจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้อย่างเต็มใจเมื่อมีผู้ร้องขอ
เพราะถ้าเราไม่ให้ ไม่ช่วยคนในสังคมแล้ว สังคมที่เราอยู่ร่วมกันนี้ก็คงไม่มีการให้
มีแต่ความเป็นตัวใคร ตัวมัน

หลักสูตรครึ่งวันนี้ได้ชี้ทางว่า เราควรใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไร ?

จาก หนังสือ สานพลัง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชา ติ คอลัมน์ เล็กไปใหญ่ โดย
นายแพทย์ ชาตรี เจริญศิริ

ค่านิยมแห่งชีวิต

ค่านิยมแห่งชีวิต

ผู้อัจฉริยะ คือผู้สามารถที่วางตัวเองถูกที่

ส่วนผู้โง่เง่าในสายตาเรา
อาจจะเป็นผู้มีความสามารถที่บังเอิญวางตัวเองผิดที่นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น
คุณกับคนป่าผู้หนึ่ง ขณะหลงทางในป่าอัฟริกา ขาดแคลนทั้งน้ำและอาหาร

ในภาวะเช่นนั้น คุณต้องถือว่าคนป่าผู้นี้เป็นอัจฉริยะ เพราะเขารู้วิธีเอาตัวรอดในป่า

ในทางกลับกัน หากคุณพาคนป่าเข้าเมือง สั่งให้เขาใช้คอมพิวเตอร์
สถานการณ์จะกลับหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเขากลายเป็น idiot ไปแล้ว

คนเราเกิดมาย่อมใช้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์บางคนแยกบันไดเสียงไม่ออก จิตรกรบางคนเขียนจดหมายไม่เป็น
แต่คนเหล่านี้วางตัวเองถูกที่ จึงประสบความสำเร็จใหญ่หลวง

Picasso เดิมทีอยากจะเป็นกวี แต่บทกวีของเขาถูก
Gertrude Stein กวีหญิงวิจารณ์จนไม่มีชิ้นดี
แต่เพราะมีสุภาพสตรีคนหนึ่งมาสะกิดเตือน เขาจึงวางตัวเองในจุดใหม่
จนกลายเป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่

อันที่จริง ผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ล้วนน่าชื่นชมทั้งนั้น ถ้าอยู่ในกาลเทศะที่เหมาะสม

เช่น ซุปรสเด็ดเมื่อหยดลงบนเสื้อเชิ้ตกลับกลายเป็นจุดด่างพร้อย

คำหวานลับเฉพาะบนเตียง เมื่อเล็ดลอดไปสู่สาธารณชนกลับกลายเป็นคำหยาบโลน
แปลกดีไหม

อาหารที่อมอยู่ในปาก ถ้าบ้วนออกมาดูน่าขยะแขยง
ถ้ากลืนเข้าไปกลับมีคุณค่าทางโภชนาการ

ต่อให้เป็นขยะสกปรกสิ้นดี
ถ้าวางถูกที่ เช่นฝังกลบดิน
ก็จะกลายเป็นปุ๋ยหล่อเลี้ยงดอกไม้งาม
และผลิตอาหารสุขภาพให้เรา

อาจกล่าวได้ว่า ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใด คนใด ต่ำต้อยหรือไร้ประโยชน์
ทุกคน ทุกสิ่ง ถ้าวางอยู่ในที่ถูก ย่อมอำนวยประโยชน์ได้ทั้งนั้น

จุดหมายสูงสุดของชีวิต
คือสรรหาเวทีที่เหมาะสม
บุกเบิกเส้นทางของตน แล้วแสดงความสามารถเฉพาะตัวให้สุดเหวี่ยง

ขอขอบคุณ ผู้เขียน (ไม่ทราบว่าเป็นใคร) และขอบคุณผู้ที่แชร์สิ่งดีๆให้กับผู้อื่นได้อ่าน

"มดน้อยโดนไล่ออกจากงาน" เรื่องดีดีของชีวิตการทำงาน ^^

"มดน้อยโดนไล่ออกจากงาน" เรื่องดีดีของชีวิตการทำงาน ^^

กาลครั้งหนึ่ง... นานมาแล้ว
ทุกๆวัน มดตัวน้อยมาทำงานแต่เช้า และลงมือทำงานทันที
มดน้อยสร้างผลงานมากมาย และมดน้อยก็มีความสุขกับงานดี

สิงโตที่เป็นหัวหน้า
ก็รู้สึกแปลกใจที่มดหน้อยทำงานได้ดีโดยไม่ต้องมีการควบคุม

สิงโตเลยคิดใหม่ทำใหม่
โดยใช้แนวคิดว่า ขนาดไม่มีหัวหน้าดูแลยังทำงานดีเช่นนี้
แล้วถ้ามีหัวหน้า เธอต้องทำงานดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

สิงโตจึงจ้าง แมลงสาบมาเป็นหัวหน้ามดน้อย
และแมลงสาบมีความสามารถมากในเรื่องการเขียนรายงาน

แมลงสาย เริ่มด้วยการตั้งระบบลงเวลาทำงาน
โดยการตั้งเครื่องตอกบัตร

แมลงสาบต้องการเลขามาช่วยเขียน พิมพ์รายงาน
ชงกาแฟ เดินเอกสาร ส่งจดหมาย และคอยจับผิดมดน้อย
แมลงสาบจึงจ้าง ควายมาเป็นเวลาส่วนตัว

สิงโตปลื้มกับการทำงานของแมลงสายมาก
ที่ให้รายงานและแนวโน้มต่างๆ
จากที่ส่งให้พิจารณา ทำให้แมลงสายได้หน้า

เพื่อการนี้ แมลงสาบจึงขอซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์
ติดอินเตอร์เนตและเครื่องพิมพ์เพื่อการทำงานให้สิงโต

แน่นอนว่าต้องมี แผนก IT ตามมา
เขาจึงจ้างตัวเห็บมาเป็น IT manager
ตัวเห็บก็ของบประมาณเพื่อ จ้างลูกมือและอุปกรณ์ซ่อม

แต่มดเบื่อกับระบบงานแบบใหม่มาก
เพราะมัวแต่รายงาน งานเอกสารมากมาย
และการประชุมที่แสนเสียเวลา

แมลงสายเห็นมดน้อยทำงานช้าขึ้นเพราะต้องเขียนรายงาน
จึงจัดเลือกหาหัวหน้าแผนกมาคอยดูและจดรายงาน

ตำแหน่งนี้ตกเป็นของ ตัวทาก
ตัวทากเป็นบุคลากรที่ทำงานได้อย่างเชื่องช้ามาก
จึงดูเป็นคนที่รอบคอบ และได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกไป

และแผนกที่มดน้อยทำงานก็เป็นแผนกที่โศกเศร้า
ไร้เสียงหัวเราะ ทุกคนในแผนกก็หัวเสียง่าย

ตัวทากของบทำการสำรวจ ศึกษา สภาพการทำงานที่เหมาะสม
แผนกมดน้อย ทำงานได้แย่ลง

สิงโตก็เห็นด้วยว่าที่แผนกมด ทำงานได้แย่ลง
จึงจ้างตัวเหี้ย(ตัวเงินตัวทอง) เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
เพื่อศึกษาวิธีการที่จะเพิ่มผลิตภาพ

ตัวเหี้ยสรุปว่า ที่แผนกของมดน้อย
มีการจ้างคนมากเกินไปเลยทำให้ผลิตภาพไม่ดี

เดากันน่ะ... ว่าใครจะถูกปลดออกเป็นคนแรก
v
v
v
v
v
v
มดน้อยนั่นเอง
เพราะตัวเหี้ยบอกว่า มดน้อยเป็นคนที่ไร้แรงจูงใจ และทัศนคติไม่ดี
ลาก่อน... มดน้อย

แล้วคุณล่ะเป็นใครในนี้บ้างเอ่ย ^^

เมื่อฟังเพลงเก่าในวันวาน

นั่งฟังเพลงเก่าๆ ยุค 20-23 ปี ที่ผ่านมาแล้ว
เพลงเก่า ทำให้หวนคิดถึงบรรยากาศในวันวาน
ดูเหมือนจะทำให้นึกถึงบรรยากาศแห่งความคลาสสิค ความเรียบง่าย ในยุคก่อนๆ
นึกถึงวันเวลาแห่งความสุขกับการฟังเพลงในวันวาน

ต่างจากวันนี้ ณ เวลานี้ เราไม่มีเวลาที่จะได้ฟังเพลงมากมาย
ฟังเพลงแล้วดื่มด่ำกับความสุนทรีย์ ความไพเราะ
มีอะไรมากมาย ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับวิถีชีวิต
ทั้งเรื่องที่จำเป็น และไม่จำเป็น

นั่นสินะ ทำไม คนเราถึงไม่มีเวลาฟังเพลงอย่างมีความสุข..
ฟังเพลงอย่างดื่มด่ำ ฟังเพลงอย่างสุนทรีย์ เหมือนวันวานบ้างนะ

ส่วนนึง เพราะสังคมในยุคนี้ มันฉาบฉวย รีบเร่งมากจนเกินไป
ไม่ห้วงเวลาที่จะได้ดื่มด่ำ สัมผัสกับสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
จากที่เคยใจเย็น มีแต่ความร้อนรุ่ม ใจร้อนวุ่นวายสับสนไปหมดทุกๆอย่าง

บางทีที่ได้นั่งฟังเพลงเก่าๆ ก็ให้อะไรที่ดีๆกับเรามากมายเช่นกัน

คุณค่าของเวลา

คุณค่าของเวลา
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งปี
สอบถามคนที่เรียนตกซ้ำชั้น
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งเดือน
ถามแม่ผู้ให้กำเนิดทารกก่อนกำหนด
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งสัปดาห์
สอบถามบรรณธิการหนังสือรายสัปดาห์
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งวัน
สอบถามกรรมกรรายวันผู้หาเลี้ยงลูก 6 คน
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งชั่วโมง
สอบถามผู้รอคอยผู้เป็นที่รัก
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งนาที
สอบถามคนที่พลาดรถไฟ
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งวินาที
สอบถามผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุ
หากอยากรู้ซึ้งคุณค่าเวลาหนึ่งมิลลิวินาที
สอบถามผู้ทีได้เหรียญเงินโอลิมปิก

พ่อรวยสอนลูกส่งไปลำบากที่ชนบท

ชาวเน็ตจีนแชร์! พ่อรวยสอนลูก ส่งไปลำบากที่ชนบท แต่ลูกได้มากกว่าที่คิด


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
26 ธันวาคม 2557 09:56 น.

ชาวเน็ตจีนแชร์! พ่อรวยสอนลูก ส่งไปลำบากที่ชนบท แต่ลูกได้มากกว่าที่คิด
หมู่บ้านเจิงฉ้ง มณฑลกุ้ยโจว ที่เร้นซ่อนอยู่หลังหุบเขา ห่างไกลความเจริญของเมืองใหญ่ และชาวบ้านซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยฯ ต่างยังคงดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขเฉกเช่นที่เคยเป็นมาตลอด 300 ปี (ภาพโดยทอม คาร์เตอร์/ china.org.cn)

สื่อออนไลน์จีน เผยแพร่ (25 ธ.ค.) เรื่องสั้นเกี่ยวกับเศรษฐีจีนส่งลูกไปชนบทเพื่อเผชิญความลำบาก แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นว่า ลูกชายของเขาได้พบสิ่งที่ดีกว่าที่ตนเองเคยมี

เรื่องสั้นดังกล่าวมีต้นฉบับเป็นภาษาจีนและต่อมาได้มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ มีผู้อ่านแชร์ส่งต่อจำนวนมาก โดยเรื่องนี้มีความว่า เศรษฐีจีนคนหนึ่งส่งลูกชายของตนไปยังชนบทห่างไกลความเจริญ เพื่อให้เขาได้รับรู้ประสบการณ์ของความลำบากยากจน

ลูกชายของเขาได้อาศัยอยู่ในชนบทนั้นกับครอบครัวหนึ่งเป็นเวลา 3 วัน จึงได้กลับมาบ้าน

พ่อรวยถามลูกว่า 'เป็นอย่างไรบ้าง'

ลูกตอบ 'ก็ดีนะครับ'
พ่อ : 'แล้วบ้านเรา กับบ้านเค้าต่างกันมากมั๊ย?'
ลูก : 'แตกต่างมากเลยครับ ที่บ้านเรามีสุนัข 1 ตัว ของเค้ามีถึง 4 ตัว เรามีสระว่ายน้ำ แต่เค้ามีบึงน้ำ ลำธารใส มีปลาด้วยนะครับ'

'อ้อ ตอนกลางคืน บ้านเราจะมีแสงจากโคมไฟสวย แต่เค้ามีแสงจากดวงจันทร์ ไม่ก็ดวงดาวเต็มฟ้า บ้านเรามองไกลได้สุดกำแพงรั้ว ของเค้ามองไปสุดขอบฟ้าขุนเขา'

พ่อ : '!?!'
ลูกชาย : 'บ้านเราจะได้ยินเสียงดนตรีจากวิทยุ โทรทัศน์ แต่บ้านเค้าทุกเช้ามีเสียงนก ทุกค่ำมีเสียงจิ้งหรีด บ้านพวกเค้าไม่เคยปิด แต่บ้านเราปิดตลอดเวลา บ้านเค้าไม่มีอินเตอร์เน็ตแบบบ้านเราที่ใช้คุยกับเพื่อนๆ ผ่านโทรศัพท์ และคอมพิวเตอร์ แต่พวกเขาใกล้ชิดกันเกินกว่าจะจำเป็นต้องใช้สิ่งเหล่านี้'

ลูกชายยังได้บอกพ่อว่า 'ขอบคุณพ่อมากครับ ที่ส่งผมไปเรียนรู้ถึงความยากจนในอีกด้านหนึ่ง คือความยากจนของเราเอง'

เคล็ดลับทำบุญ วันขึ้นปีใหม่ อาทิตย์ - เสาร์ ทำให้ชีวิตดีขึ้น

"เคล็ดลับทำบุญ" วันขึ้นปีใหม่ อาทิตย์-เสาร์ ทำอะไรชีวิตถึงดี

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ในช่วงใกล้ เทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2558

“อาจารย์กิติคุณ พลวัน”
หมอดูไพ่ยิบซีชื่อดัง

ได้เปิดเผย "เคล็ดลับทำบุญ" เสริมดวงชะตาในวันที่ 1 ม.ค.58 เพื่อเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต ว่า

ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ :

- ตื่นเช้ามาทำบุญตักบาตร
ไหว้คุณพ่อ-คุณแม่
- ไหว้เจ้าที่-เจ้าทาง ด้วยผลไม้
มงคล ทองหยิบ ทองหยอด
- ปล่อยหอยขม 9 ชุด

ท่านที่เกิดวันจันทร์ :

- กราบเท้าอวยพร
คุณพ่อ - คุณแม่
- ปล่อยปลาไหล 9 ตัว
ปลาดุก 9 ตัว
- ไหว้พระ 9 วัด

ท่านที่เกิดวันอังคาร :

- ไหว้พระสวดมนต์ ก่อนออก
จากบ้าน
- ใส่เสื้อสีสดใส
- ไหว้คุณพ่อ-คุณแม่
อวยพรท่าน
- ปล่อยเต่า 1 ตัว

ท่านที่เกิดวันพุธ :

- กราบเท้าขอขมาต่อ
คุณพ่อ-คุณแม่
- ทำบุญตักบาตร
- บริจาคเงินให้คนยากไร้
ด้วยเงินเศษ 9 บาท

ท่านที่เกิดวันพฤหัสบดี :

- ขอขมากรรมคุณพ่อ-คุณแม่
- ทำบุญตักบาตร
- ทำบุญบริจาคโลงศพ
ด้วยเงินเศษ 5 บาท
- อธิษฐานจิตให้แก่
เจ้ากรรมนายเวร

ท่านที่เกิดวันศุกร์ :

- อวยพร คุณพ่อ-คุณแม่
- เติมน้ำมันตะเกียง
- ทำบุญบริจาคโลงศพ
- แผ่เมตตาให้แก่
เจ้ากรรมนายเวร

ท่านที่เกิดวันเสาร์ :

- ทำบุญร่วมกับ
คุณพ่อ-คุณแม่
- ทำบุญแก่บรรพชนที่ล่วงลับ
- ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร

ของฝากจากอาจารย์ ไกร มาศพิมล , ดร.วิชัย เกียรติสามิภักดิ์

ต้องอ่านนะครับของดี
ถ้ายังรักตัวเอง

โดย
อาจารย์ ไกร มาศพิมล (นักโภชนาการบำบัด)
http://youtu.be/TkreU-jK-EU

ความดัน บน ล่าง
110 70
อายุ 50 130 85
อายุ 60 140 90

จิบน้ำร้อน บ่อยๆ ช่วยปรับสมดุลย์ ความดันเลือด, ลดเส้นเลือดสมองตีบ, เบาหวาน, ต้อที่ตา, ไต

จิบน้ำร้อน 1 ถ้วยกาแฟ หรือ 250 CC min.
ก่อนอาหาร ลดความอ้วน

การดื่มน้ำเย็นครั้งละมาก ๆ จะมีผลให้น้ำซึมเข้าสู่สมอง ซึ่งเป็นเหตุของการเกิดภาวะสมองบวมน้ำ

เบาหวาน กิน น้ำตาลธรรมชาติได้ น้ำตาลฟรุตโตส, น้ำตาลปี๊ป (น้ำตาลปึก), โอวทึ้ง, น้ำผึ้ง
หยุด น้ำตาลกรวด, น้ำตาลทรายแดง, น้ำตาลทราย, ซูโครส

น้ำตาลทราย/น้ำตาลกรวด
จะสะสมที่ตับเป็นไขมัน ก่อให้เกิดไตรกลีเซอร์ไรด์
สำหรับน้ำตาลที่ฟอกขาวจะใช้สารคลอลีน ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง

ทุเรียน มี Anti - Oxidant, กำมะถัน (งด ข้าว)
ช่วยลดมะเร็ง, ลดคลอเรสเตอรอล, ลดอ้วน, ลดไขมัน, ต้านแก่

น้ำแตงโม = ไวอาก้า ธรรมชาติ
บำรุงเลือด, ละลายลิ่มเลือด ช่วยมือเท้าชา

แกนสับปะรด
มีสารบอบิเรน ลดมะเร็งปากมดลูก โดยให้ดูดแต่น้ำ
แล้วคายกากทิ้ง

กล้วยไข่
หยุดผมร่วง, ป้องกันอัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, บำรุงตับ ไต, ป้องกันมะเร็ง, บำรุงกระดูก, บำรุงสายตา, รักษา Office Syndrome

กล้วยน้ำว้า วันละ 2 ลูก เหมือน ๆ กล้วยหักมุก
ปิ้งไฟทั้งเปลือก ลดไข้, ลดเจ็บคอ, บำรุงตับอ่อน, รักษาเบาหวาน, แก้ทอนซิลอักเสบ,

กล้วยหอม (กล้วยเล็บมือนาง) 3 ผล / สัปดาห์ เป็น ฮอร์โมน ญ.
มีโปแทสเซียม ป้องกันโรคพากินสัน และ อัลไซเมอร์, บำรุงสมอง, ป้องกันสมาธิสั้น

น้ำมะพร้าวอ่อน ปรับสมดุลย์ ฮอร์โมน
ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนวันละ 1 ลูก ช่วยฟอกเลือด และบำรุงไต
ส่วนเนื้อมะพร้าวช่วยบำรุงตับ

กะทิ
ลด Cholesterol, ไม่อ้วน, ไม่เบาหวาน,

น้ำมันมะพร้าว
ช่วยลดความอ้วน โดยกินก่อนอาหารเช้า 4 ช้อนกาแฟ
ใช้เป็น Hair Serum ลงหนังหัว, ลดหงอก, เพิ่มผม
ใช้ล้างเครื่องสำอาง
ใช้เป็นเดย์ครีม ไนท์ครีมได้
มี SPF 90 (Sun block)

Oil Pulling
ใช้น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันทานตะวัน ที่ผ่านกรรมวิธีแบบหีบเย็น
ปริมาณ 2 ช้อน อมไว้ประมาณ 15 นาที แล้วบ้วนทิ้ง
จะช่วยนำเชื้อโรคออกจากช่องปาก

หยุด น้ำมันพืช เนื่องจากมีส่วนผสมของสารเคมี
เมื่อน้ำมันพืชเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 60 องศา จะเปลี่ยนสภาพเป็นไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง
ดังนั้น ควรบริโภคมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่
ตับจะทำหน้าที่ผลิต Cholesterol โดยที่ Cholesterol LDL จะช่วยป้องกันผิวหนัง และผลิต Cholesterol HDL เพื่อดักจับ LDL ไปทิ้ง

การทำน้ำมันหมู
นำน้ำมันหมูเปลว 1 ก.ก. กับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ เจียวบนกระทะ จะทำให้ไม่ติดกระทะ ไม่กระเด็น ได้น้ำมันเกือบ 2 ลิตร กากหมูจะกรอบมาก เนื่องจากเกลือจะเป็นตัวช่วยดึงน้ำมันออกมาจนหมด
น้ำมันมะพร้าว นำกะทิใส่ถุงแช่ตู้เย็น 3 ช.ม. เพื่อให้เนื้อกับน้ำแยกตัวกัน นำเนื้อมะพร้าวส่วนบนไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมัน เก็บไว้ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน

การสระผม
ควรสระผมด้วยสบู่เด็ก ควรสระผมช่วงเช้า ไม่ควรสระผมตอนเย็น เพราะผมจะไม่สามารถแห้งได้ทัน เวลานอนจะเกิดเชื้อรากลางคืน เป็นเหตุของอาการคันศีรษะ
และ ลง น้ำมันมะพร้าวที่หนังหัว

เกลือ
การบริโภคเกลือ(เกลือทะเล เกลือเม็ด) ไม่ได้ทำให้ไตวาย แต่เนื่องจากในอุตสาหกรรมการผลิตเกลือที่ขาวละเอียดมีการเติมโพลิเมอร์ โดยหยดลงบนเกลือ ทำให้โครงสร้างจากเดิมโซเดียมคลอไรด์เปลี่ยนเป็นโซเดียมซัลเฟต ซึ่งมีผลต่อไต เพราะไม่สามารถขับออกได้ ซึ่งเกลือชนิดนี้จะโรยบนอาหารแล้วยังคงทำให้อาหารกรอบ แต่ถ้าเป็นเกลือที่เป็นโซเดียมคลอไรด์นั้น จะมีคุณสมบัติดูดความชื้นทำให้อาหารไม่คงความกรอบ

ไมโครเวฟ
การใช้ไมโครเวฟ ระวังมะเร็ง เนื่องจากมีการกระจายคลื่นเข้าสู่เซลมีผลทำให้ตายได้

ตะไคร้แกง
นำมาหั่นแล้วต้มเป็นน้ำตะไคร้ ดื่มเพื่อช่วยลดเบาหวาน

กาแฟ
มีคาเฟอีน มีไว้ดม ไม่ควรกิน เพราะจะมีผลยับยั้งไม่ให้แคลเซียมไปเกาะกระดูก จึงมีโอกาสเป็นโรค กระดูกผุ กระตุ้นเซลมะเร็ง

ไข่
ไข่ต้ม ไข่เค็ม ไข่พะโล้ โดยเฉพาะไข่แดง หากกินวันละ 2 ฟอง
จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด (ลดเบาหวาน) เนื่องจากไข่แดงมีซิลิเนียม
งานวิจัยของฮาวาร์ด พบว่าหากบริโภคไข่วันละ 3 ฟอง (อายุต่ำกว่า 45 ปี) ; บริโภควันละ 2 ฟอง (อายุ 45 ปี – 50 ปี) และบริโภควันละ 1 ฟอง (อายุเกิน 50 ปี)
ไข่ต้ม 1 ฟอง มีสรรพคุณสูงกว่านม 5 กล่อง

การออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายทุกวัน ออกกำลังกายอย่างง่าย ๆ เช่น
1. การขยับนิ้วมือ เป็นการช่วยเรื่องน้ำในข้อ ผลที่ได้กระดูกจะไม่ผุ
2. งอนิ้วมือ ช่วยในเรื่องของอาการนิ้วล็อค
3. กำมือและแบมือสลับข้างกันไปมา ช่วยในเรื่องของโรคหัวใจ
และลด Cholesterol
4. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ และขยับเท้ายกขึ้นทำท่าวิ่งบนอากาศ
5. นั่งบนเก้าอี้ กำมือ ทุบขาด้านนอก และด้านใน ทุบแขน สลับกันไป
6. การนั่งตรง ๆ นั่งแค่ครึ่งเก้าอี้ ประมาณ 10 นาที ช่วยป้องกันในเรื่องของ
ริดสีดวงทวาร
7. กำมือขวาหมุนเป็นวงกลมออกนอกตัว และกำมือซ้ายหมุนเป็นวงกลมเข้าหาตัว
เป็นการบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
8. มือประสานกันสองข้าง ยืดตรงไปข้างหน้า เท้าห่างกันประมาณช่วงไหล
มองตรง แล้วหมุนเอวไปรอบ ๆ ทั้งด้านซ้าย และขวา ครั้งละ 5 รอบ ทำตอนเช้า
จะช่วยลดส่วนเกินตรงหน้าท้อง(Moon attracted)

ของฝากจาก
ดร.วิชัย เกียรติสามิภักดิ์

ฟังรายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 45 ทำตามรอยพระยุคลบาท7 - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 45 ทำตามรอยพระยุคลบาท7   -  โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul  
ในหลวงในดวงใจ45 ทำตามรอยพระยุคลบาท7
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน45 (ทำตามรอยพระยุคลบาท) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
- เรื่องเล่าในหลวง, ขลุ่ยบรรเลงเพลงใกล้รุ่ง
- หลักธรรม ทำตามรอยพระยุคลบาท ตอน หลัก 10 ประการตามรอยพระยุคลบาท
- ๙ คำพ่อสอน
- บทกวีปิดท้าย
http://www.youtube.com/watch?v=ckN9-bHmz8A



(๘) สุดหล้าฟ้าใกล้: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร

(๘) สุดหล้าฟ้าใกล้: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร
พระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ 8
สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิร?ิกิติ์ ๘๐ พรรษา ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ ๘ สุดหล้าฟ้าใกล้
ไม่มีดินแดนไหนห่างไกลสุดหล้า ไม่มีเส้นทางไหนทุรกันดารเกินกว่าจะไปถึง แม้จะขึ้นเขาหรือลงห้วย ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ในหลวงและพระราชินีของพวกเรา จะเสด็จไปถึงเสมอเพราะจุดหมายปลายทางนั้นค?ือ ประชาชนของพระองค์
http://www.youtube.com/watch?v=99nEosCdsow



วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้าง อย่ามัวเกรงใจ "นรก" อยู่เลย


นรก คือ สายตาของผู้อื่น
Jean Paul Sartre

คนที่ไม่มีจุดยืนและพยายามทำตามสิ่งที่ผู้อื่นคาดหวังอยู่ตลอดเวลา จะไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่เคยรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง คอยอิจฉาริษยาและเปรียบเทียบกับผู้อื่นอยู่ร่ำไป จนลืมไปว่าจริง ๆ แล้วเราต้องการอะไรในชีวิต

ฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้าง
อย่ามัวเกรงใจ "นรก" อยู่เลย

?????:(?`v??)??:?
:Business link เชื่อมช่อง

ประสบการณ์เรื่องการแกว่งแขน

ประสบการณ์เรื่องการแกว่งแขน
ผมเป็นคนนอนไม่ค่อยหลับ และความดันโลหิตสูง ผมเกือบตายเพราะเชื่อหมอสมัยใหม่ จนต้องเข้าห้องไอซียูเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นผมเสื่อมศรัทธาหมอสมัยใหม่ ผมจำเป็นต้องมีทางออก มิ.ย. 2547

ภรรยาผมที่เป็นทันตแพทย์มาบอกผมว่ามีคนไข้ที่
เป็นโรคความดันโลหิตสูงและคอเรสตรอรอลสูง ได้หายจากโรคดังกล่าวภายใน 3 เดือน โดยการแกว่งแขน 2,000 ครั้งต่อวัน ทุกวัน ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าแกว่งแขนอย่างไร

ก.ค. 2547 ผมได้ไปงานวันเกิดของลุงของภรรยา ลุงอายุ 83 ปี แต่สุขภาพและท่าทาง ไม่ต่างจาก คนอายุ 40 ปี เคลื่อนไหวว่องไว พูดจาเสียงดัง ฟังชัด มิหนำซ้ำยังขับรถ ไปไหมมาไหนเอง ผมก็เลยถามลุงว่าลุงมีเคล็ดลับในการบำรุงสุขภาพอย่างไร ? ลุงบอกว่า ลุงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง ทุกวัน

ผมก็เริ่มสนใจว่าการแกว่งแขนเป็นอย่างไร ก็เลยเดินหาหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ บังเอิญโชคดี ไปเจอในร้านหนังสือเล็กๆ ราคา 20 บาท แล้วผมก็ฝึกการแกว่งแขนตามหนังสือช่วง 15 นาที ก่อนนอน จำนวน 1,000 ครั้งทุกวัน ผมนอนหลับได้สนิททุกคืน มิหนำซ้ำยังต้องนอนกลางวันหลังอาหารเที่ยงอีก

19 ส.ค. 2547 ผมกินอาหารกลางวัน ปรากฏว่า ผมเจ็บขากรรไกรด้านขวาขณะเคี้ยวอาหาร คล้ายๆกระดูกบนล่างหลุดออกจากกันและกัน ทำให้เวลาเคี้ยวจึงเจ็บปวดมาก ผมรีบไปโรงพยาบาลศิครินทร์ หมอผู้เชี่ยวชาญติดประชุม ผมต้องรอครึ่งชั่วโมง ขณะที่รอนั้น ผมโทรบอกภรรยาเกี่ยวกับอาการ ดังกล่าว ภรรยาผมบอกให้กลับบ้านเถอะ เพราะประเทศไทยยังไม่มีหมอผู้เชี่ยวชาญบริเวณ
ขากรรไกร อย่างมากหมอก็ให้ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาแก้ปวด ผมก็ไม่เชื่อ จนผมได้พบหมอ ก็เป็นจริงอย่างที่ภรรยาผมพูด หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวด

ตอนเย็นผมทรมานมากในการกินอาหาร แล้วก่อนนอนผมก็แกว่งแขนตามปรกติ ขณะที่แกว่ง ก็เกิดความคิดว่าน่าจะเอากล้ามเนื้อไหล่ชนบริเวณ
หลังหู ได้ผลครับ ภายใน 3 วัน อาการเจ็บ ขากรรไกรหาย โดยไม่ได้กินยาสักเม็ด

6 ธค. 2547 ตื่นมาตอนเช้า เป็นหวัดน้ำมูกไหลพร้อมจาม ในวันนั้นไปเล่นกอล์ฟกับลูกค้า ผมจามจนหมดแรง ขณะเล่นกอล์ฟ จนเล่นไม่ไหวจึงขอกลับก่อน ในสภาพที่แย่มาก คืนนั้นผมก็แกว่งแขนตามปรกติ และก็เกิดความคิดอีกว่าการแกว่งแขนก็เหมือนทำ
ชี่กงคือพลังงานอยู่ที่มือหลังการทำชี่กง แกว่งแขนก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ดังนั้นพอแกว่งแขนเสร็จ ผมก็ใช้มือทั้งสอง ถูกันจนเกิดความร้อน แล้วเอามือทั้งสองโปะที่จมูก เพื่อรักษาอาการหวัด แล้วถูใหม่ แล้วโปะอีก อย่างนั้นอยู่ 5 ครั้ง

7 ธค.2547 ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่ปรากฏอาการหวัดเหลืออยู่เลย และลูกค้าที่ผมเล่นกอล์ฟด้วยเมื่อวานมาเจอผม เขางงมากที่ผมหายภายในข้ามคืน

14 ธค 2547 ตอนบ่าย รู้สึกเจ็บคอด้านซ้ายคล้ายอาการหวัด อีกครั้ง ผมก็ทำอีกครั้ง แต่เอามือทั้งสองลูบบริเวณคอ ด้านซ้าย ทำอยู่ 5 ครั้ง

15 ธ.ค. 2547 ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่ปรากฏอาการเจ็บคอเหลืออยู่เลย

ในช่วง ธ.ค 2547 ถึง ม.ค 2548 ผมผ่านการเป็นหวัด 4 ครั้ง แล้วก็หายภายใน ข้ามคืนทั้งสี่ครั้ง ซึ่งโดยปรกติ การเป็นหวัดครั้งหนึ่ง จะใช้เวลาประมาณ 7 ถึง 10 วัน ถึงจะหาย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผมมีอาการเสียวฟันกรามล่างซ้าย ภรรยาผมก็ตรวจดูว่ามีฟันผุหรือหินปูนเกาะหรือ
เปล่า ปรากฏว่าไม่มีความผิด ปรกติใดๆ แต่ก็ยังเสียวฟันซี่นี้อยู่ ตอนช่วงแกว่งแขน ผมก็ใช้วิธีเดิมคือการให้กล้ามเนื้อไหล่กระแทกต้น
คอด้านซ้าย อาการเสียวฟันดังกล่าวก็หายไป

อาการอีกอย่างคือเหนื่อยง่าย ซึ่งผมได้กลั้นหายใจในขณะแกว่งแขน ประมาณ 30 รอบของการแกว่งแขน ทุกๆการแกว่งแขน 100 ครั้ง จากนั้นก็ปล่อยลมหายใจออกมา ผมรู้สึกความร้อนวิ่งจากต้นคอขึ้นไปทั่วสมอง นี่หรือเปล่าที่ทำให้เส้นเลือดในสมองได้มีโอกาส
ออกกำลังกายคือให้มีการยืดหยุ่น ทำให้รักษาความดันโลหิตสูง ขณะเดียวกัน อาการเหนื่อยง่ายของผมก็หายไป

ผมได้แชร์ประสบการณ์นี้ให้คุณพิชัย ซึ่งเขาเป็นโรคปัสสาวะไม่สุด และภรรยาเขา เป็นโรคนอนไม่หลับสนิทคือนอนได้ 2-3 ชั่วโมง แล้วก็ตื่น พอเขาไปแกว่งแขน 1,000 ครั้งต่อวัน สม่ำเสมอ

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ผมก็เจอคุณพิชัยอีก ผมก็ถามอาการปัสสาวะไม่สุดของเขาอีก ปรากฏว่าเขาลืมปัญหานี้ไปแล้ว เพราะมันหายไปตั้งแต่สองวันแรกที่เขา
แกว่งแขน ขณะเดียวกัน ภรรยาเขาก็นอนหลับ ได้สนิททุกคืน ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังคงแกว่งแขนวันละ 1,000 ครั้ง และคุณพิชัยได้ไปเหมาหนังสือนี้ ทั้งหมดที่สำนักพิมพ์ที่มีอยู่ เพื่อนำไปแจกเพื่อนๆ

อีกคนหนึ่งคือคุณธานี ซึ่งผมได้บอกเรื่องการแกว่งแขนให้เขาฟัง แล้วเขาก็เอาไปบอกให้พ่อเขาซึ่งมีอาการปวดเข่า หลังจากนั้นประมาณ 3 วัน พ่อเขาก็หายจาก อาการดังกล่าว เพราะการแกว่งแขน ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ บางครั้งคนเราอาจ จะอุปโลกขึ้นมาเพื่อหลอกตัวเองก็ได้

นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ไม่มีการเสริมแต่งใดๆ เพราะผมไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆจากการเผยแพร่
ประสบการณ์นี้ นอกจากการได้ช่วยให้ญาติมิตร หายจากการเป็นโรคต่างๆ โดยไม่ต้องกินยาของพวกฝรั่ง ที่มีผลข้างเคียงระยะยาว

วิธีการแกว่งแขน
ยืนแยกเท้าเท่าความกว้างของไหล่ ย่อเข่าเล็กน้อย แขนทั้งสองแนบลำตัว ปลายลิ้นแตะเพดานบน จากนั้นยกแขนทั้งสองไปข้างหน้า แล้วผลักแขนทั้งสองไปข้างหลัง แล้วให้แขนกลับมาเองโดยธรรมชาติ เหมือนกับลูกตุ้มนาฬิกา ไม่ช้า ไม่เร็วเกินไป บริเวณลำคอและไหล่ควรจะผ่อนคลาย หลับตาเพ่งสมาธิไปกับการนับจำนวนครั้งในการ
แกว่งแขน ทุกๆ 100 ครั้งของการแกว่ง ควรจะมีการกลั้นลมหายใจ จำนวน 30 ครั้ง ของการแกว่ง ควรจะแกว่งแขนต่อเนื่องกันวันละ 500 ครั้งสำหรับผู้ที่ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง และ 1,000 ครั้ง ต่อวัน สำหรับผู้มีโรคประจำตัว

เวลาในการแกว่งที่ดีที่สุดคือก่อนอาบน้ำตอนเย็น หลังการแกว่งทุกครั้ง ฝ่ามือทั้งสองจะมีพลังงาน สะสมอยู่ ให้เอาฝ่ามือทั้งสองถูกันให้เกิดความร้อน แล้วไปลูบบริเวณที่เราต้องการรักษา เช่น หัวใจ ท้อง หรือจมูกและคอเมื่อเป็นหวัด

จาก นายสามารถ ล.สกุล
โทร.02-987-5843 (บ้าน) , 081-173-0886 มือถือ

“ทีมแท้” หรือ “ทีมเทียม”?

“ทีมแท้” หรือ “ทีมเทียม”?

ทีมงาน มีความสำคัญ เป็นหัวใจของความสำเร็จ เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้แล้ว ใช่ไหม? การทำงานเป็นทีมทำให้มีพลัง สามารถ
ฟันฝ่าอุปสรรคใดๆ ไปได้ เรื่องนี้ก็รู้กันอยู่แล้วอีกเช่นกัน ทีมที่เราทำงานอยู่ด้วยนั้น เป็น “ทีมแท้” หรือ “ทีมเทียม”?
ทีมแท้ คือ การทำงานร่วมกัน ทุกๆ คนใช้จุดดีเสริมจุดด้อยของทีม ผลักดันทีมให้ประสบความสำเร็จ
ทีมเทียม คือ เหมือนจะทำงานร่วมกัน แต่แท้จริงแล้ว ทำกันอยู่ไม่กี่คน ส่วนคนที่เหลือไม่ได้ทำอะไร
ทีมแท้ ช่วยกันทำงาน แบ่งเบาภาระ แม้งานหนักก็กลายเป็นเบา
ทีมเทียม ทำงานไม่เต็มที่ คนที่รับภาระจะรู้สึกหนักและเหนื่อยมาก ส่วนคนที่เหลือรู้สึกว่างงาน เหมือนไม่มีอะไรทำ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดทีมแท้ และทีมเทียม มีหลายปัจจัย แต่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความ “แท้” หรือ “เทียม” ขึ้น หนีไม่พ้นตัวผู้นำ
คุณสมบัติข้อหนึ่งของผู้นำที่ทำให้ทีมเป็นทีมแท้ คือ ความอดทน
การอดทนรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นประโยชน์ต่องานที่ทำอยู่ก็เป็นได้ และการฟังข้อมูลทุกทิศทาง ทำให้เกิดการฟังความรอบด้าน การฟังความรอบด้านนำไปสู่มุมมองที่หลากหลาย เมื่อได้ฟังรอบด้านจะตัดสินใจอะไรก็รอบคอบ เมื่อได้ฟังมุมมองหลากหลาย โอกาสค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ ก็มีมากขึ้น
คนเราส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังเสียงท้วงติง เพราะทุกครั้งที่มีการท้วงติง คนที่ถูกท้วงจะรู้สึกเจ็บ เจ็บเพราะข้อท้วงติงนั้น จะกระทบถูกอีโก้ของเรา !
ดังนั้น คนที่จะเป็นผู้นำที่ดีจึงต้องมีความอดทนสูง ความอดทนรับฟังทำให้ทีมงานกล้าคิด กล้าพูด กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ทำให้ข้อมูลที่ได้รับรอบด้าน การตัดสินใจจะทำอะไรจึงรัดกุม
นอกจากนี้ การเปิดโอกาสให้คนได้ร่วมคิด ได้ร่วมพูด ย่อมส่งผลทำให้คนอยากทำงานร่วมกัน การร่วมคิดและร่วมทำนี่แหละที่เรียกว่า “ทีมแท้” ส่วน “ทีมเทียม” นั้นมีสภาพตรงกันข้ามคือ ไม่ร่วมคิด และไม่ร่วมทำ ทุกอย่างปล่อยไปตามยถากรรมที่เคยเป็นมา

เมื่อคุณเจอปัญหา ลองเปลี่ยนวิธีคิด

เมื่อคุณเจอปัญหา ลองเปลี่ยนวิธีคิด

เรื่องแรก
อเมริกาส่งนักบินไปในอวกาศเจอปัญหาปากกาเขียนไม่ออก
นักวิทยาศาสตร์ระดมปัญญาเพื่อประดิษฐ์ปากกา
ที่สามารถเขียนในภาวะไร้แรงโน้มถ่วงได้
ต้องทุ่มเงินหลายร้อยล้านเหรียญและใช้เวลาไปหลายปี
ในที่สุดได้ปากกาที่สามารถเขียนได้ทุกพื้นผิว
แม้ใต้น้ำก้อเขียนได้
ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
แต่นักบินอวกาศรัสเซีย ประสบปัญหาเดียวกัน
ใช้ดินสอเขียนแทนปากกา
*******************************
เรื่องที่สอง
โรงงานผลิตสบู่ในญี่ปุ่นประสบปัญหา
เมื่อส่งสินค้าไปแล้วลูกค้าบ่นเรื่องบางกล่องไม่มีสบู่ เป็นกล่องเปล่าๆ
ทางโรงงานติดตั้งเครื่อง X-Ray เพื่อตรวจสอบ
ใช้เงินลงทุนไปหลายล้านเยน กล่องไหนไม่มีสบู่ก้อตรวจจับได้
ทำให้สามารถส่งสบู่ที่ไม่มีกล่องเปล่าอีก
แต่โรงงานเล็กๆ อีกโรงประสบปัญหาเดียวกัน
ช่างคุมงานใช้พัดลมตัวใหญ่ๆ เป่าลมบนสายพาน
กล่องเปล่าก็ปลิวออกไป
******************************
คนเราเวลาประสบปัญหา ส่วนมากมักคิดแต่จะแก้ปัญหา
ทุ่มกำลังสติปัญญาและทุ่มเทเวลาเพื่อแก้ปัญหานั้น
ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นมองที่ทางออก
ปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายดูจะกลายเป็นเรื่องจ้อยไปเลย
******************************
เมื่อคุณเจอปัญหา ลองเปลี่ยนวิธีคิด
แล้วคุณจะประหลาดใจ

เงินเดือนไม่ขึ้นทำอย่างไรดี

เงินเดือนไม่ขึ้นทำอย่างไรดี
คุณเพิ่งได้รับข่าวร้าย บริษัทแจ้งผลประกอบการไม่ดี ไม่ถึงเป้า คุณจึงไม่ได้เงินเดือนขึ้น ทั้งที่คุณ
ทำงานอย่างตั้งใจ และมีผลงานดีมาตลอดปี หรือคุณอาจเพิ่งทราบว่าคนอื่น ๆ ได้เงินเดือนขึ้นแต่คุณกลับ
ไม่ได้ คุณจะทำอย่างไร
ความรู้สึกแรก คุณคงอยากลาออก เพราะไม่ได้รับความยุติธรรม
หากคุณกำลังตกที่นั่งลำบากเช่นนี้ ลองทบทวนตนเอง ว่าเหตุใดคุณจึงสมควรได้ขึ้นเงินเดือน
ทั้งในกรณีที่ไม่มีใครได้ เงินเดือนขึ้น และในกรณีที่คุณเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ไม่ได้เงินเดือนขึ้น

. คุณทำประโยชน์/ทำเงินให้กับบริษัทมากแค่ไหน คนส่วนมากขอขึ้น
เงินเดือน เพียงเพราะเห็นคนอื่นได้ และตัวเราไม่ได้ จึงเกิดความไม่พอใจ
โดยที่ไม่ได้มองว่าตนเองทำประโยชน์ให้แก่บริษัทมากแค่ไหน หากคุณ
มั่นใจว่าคุณสมควรจะได้ ก็ควรลิสต์รายการความสำเร็จในการทำงานของคุณ
ออกมา เพื่อพรีเซนต์เจ้านายว่าคุณทำประโยชน์ให้บริษัทมากแค่ไหน เมื่อ
เปรียบเทียบกับคนอื่น คุณเหนือกว่าอย่างไร
2. คุณช่วยบริษัทประหยัดเงินได้หรือเปล่า หากคุณมีผลงานในด้าน
การเสนอแนวทางประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัท ลดการใช้กระดาษ ลดการ
ใช้น้ำ-ไฟ หรือนำเสนอวิธีการอื่น ๆ ที่ช่วยให้บริษัทจ่ายเงินน้อยกว่า แต่ได้
ผลลัพธ์ที่มากกว่า หรือเท่ากันได้ ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่แสดงว่าคุณมี
คุณค่าต่อบริษัทเช่นกัน
3. คุณมีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่หาได้ยากหรือไม่ คุณเป็นคนเก่ง
และเจ๋งจริงหรือไม่ มีความสามารถทำงานที่คนอื่นในแผนกทำแทนคุณไม่ได้
หรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่แสดงว่าคุณเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าและหาได้ยาก สมควร
ที่จะได้รับการตอบแทนที่เหมาะสม
4. แม้ว่าการได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคุณ
สบายขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าเอาปัญหาการเงินของคนเป็นเหตุผลในการขอ
ขึ้นเงินเดือน เช่น คุณมีค่าใช้จ่ายมากชักหน้าไม่ถึงหลัง ค่าครองชีพสูง หรือ
ขอขึ้นเงินเดือนเพราะลูกต้องเข้าโรงเรียน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรนำมาใช้ขอขึ้นเงินเดือน
5. สิ่งที่คุณต้องการไม่ได้มาเพราะการนั่งรอ แต่มาจากการที่คุณกล้า
ร้องขอในสิ่งที่คุณสมควรจะได้ หากคุณมั่นใจแล้วว่าเป็นสิ่งที่คุณสมควร
จะได้รับ คุณมาเช้ากลับดึกทุกวัน ทำงาน 120% มากกว่าที่บริษัทคาดหวัง
งานในความรับผิดชอบคุณมี 10 อย่างคุณทำ 14 อย่าง แต่ไม่ได้รับผล
ตอบแทนที่เหมาะสม คุณก็ไม่ควรนิ่งเฉยอยู่ คนกล้าเท่านั้นที่จะได้
ในสิ่งที่ต้องการ
เมื่อคุณนัดเวลาคุยกับเจ้านายได้แล้ว จงมั่นใจในตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ควรรับฟังเหตุผลของเจ้านายด้วย คุณอาจ
ประสบความสำเร็จในการเจรจา หรืออาจพบเหตุผลบางประการที่คุณนึกไม่ถึง ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณต้องปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
อีกมากก็ได้ อย่างน้อยการได้เข้าไปพูดคุยก็ดีกว่าการอยู่เฉย ๆ กับความไม่เข้าใจต่อไป ขอให้คุณโชคดี

ถอดรหัสกุญแจ 9 ดอก เพื่อความสำเร็จในชีวิต

ถอดรหัสกุญแจ 9 ดอก เพื่อความสำเร็จในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นคนดังระดับโลกอย่าง สตีฟ จ็อบส์ หรือมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ที่คุณเห็นว่าเขาประสบความเร็จในหน้าที่การงานนั้น ต่างก็เคยผ่านความล้มเหลวกันมาแล้ว แต่พวกเขาก็สามารถใช้ความพากเพียร ต่อสู้ฝ่าฟัน จนผ่านอุปสรรคยาก ๆ มาได้ ซึ่งพวกเขาใช้กุญแจอะไรไขความสำเร็จกันบ้างนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำเฉลยมาฝากกันค่ะ

1. ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป

คนที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาไม่มีวันปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่ากันหรอก เพราะเขารู้ดีว่า เวลานั้นมีความสำคัญมากแค่ไหน ฉะนั้น ถ้าหากคุณรับงานมาทำแล้ว คุณก็ควรรีบลงมือทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วเอาเวลาที่เหลือทำงานชิ้นอื่นต่อไป ซึ่งถ้าหากในระหว่างนั้น งานของคุณมีปัญหา หรือมีส่วนขาดตกบกพร่องไป คุณก็ยังมีเวลาแก้ไขงานได้ทันนะ

2. ใส่ใจแค่คนที่คุณแคร์ก็พอ

คุณไม่ควรใส่ใจกับคำพูดหรือการกระทำของคนอื่นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือลูกค้าก็ตาม เพราะการกระทำหรือคำพูดนั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นสักนิด มีแต่จะบั่นทอนชีวิตเราให้แย่ลง ฉะนั้น อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานก็ควรปล่อยวางไปบ้าง แล้วน้อมรับเอาไว้เฉพาะคำตำหนิ และคำแนะนำที่เกี่ยวกับการทำงานเท่านั้นก็พอ

3. ไม่เอาอดีตมาตีกรอบอนาคต

การประสบความสำเร็จในอดีต ไม่ได้เป็นตัวการันตีความสำเร็จในอนาคต เพราะปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้เสมอถ้าคุณไม่วางแผนการทำงานไว้ก่อน ดังนั้น ก่อนลงมือทำงาน คุณควรเตรียมวิธีแก้ไขไว้ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน

4. ใช้ประสบการณ์เป็นบทเรียน

ประสบการณ์ไม่ได้เป็นตัววัดความสำเร็จอย่างที่ใคร ๆ เข้าใจหรอกนะคะ เพราะต่อให้คุณทำงานมา 10 ปีแล้ว แต่คุณไม่เคยปรับปรุงตัวเองเลย คุณก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ ฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะประสบความเร็จอย่างคนอื่น ๆ บ้าง คุณก็ควรทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานเล็กแค่ไหนก็ตาม

5. ความล้มเหลวคือเพื่อนที่ดี

พรสวรรค์ไม่ได้ทำให้คุณประสบความสำเร็จ แต่ความพยายามและความอดทนต่างหากที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จ ซึ่งถ้าหากคุณเดินผิดทางไปบ้าง ล้มกลางทางบ้าง ก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ ให้ลุกขึ้นมาแล้วเดินใหม่อีกครั้ง และใช้ความล้มเหลวนี่แหละ เป็นบันไดให้เราเรียนรู้ เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า

6. เปิดโอกาสให้ตัวเอง

ถ้ามีใครขอความช่วยเหลือ คุณควรอาสาทำเป็นคนแรก ถึงแม้งาน ๆ นั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเลยก็ตาม เพราะนี่ถือเป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิตที่จะได้และพัฒนาทักษะการทำงาน และได้สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กันด้วย

7. ความต้องการของลูกค้าคือสิ่งสำคัญ

นี่คือปัจจัยหลักของการทำธุรกิจ ฉะนั้น ถ้าลูกค้าขอร้องให้คุณช่วยงาน หรือทำงานอะไรเพิ่มเติมให้เขา คุณก็ควรจะตั้งใจทำงานนั้น ๆ ให้เต็มที่และทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะอย่าลืมว่าการทำธุรกิจก็เหมือนกับการแข่งขัน ถ้าคุณทำให้เขาไม่ได้ เขาก็สามารถจ้างบริษัทอื่น ๆ ที่สามารถทำงานให้เขาได้ มาแทนที่บริษัทคุณได้เหมือนกัน

8. รักทุกงานที่ทำ

ถึงแม้คุณจะได้ทำงานที่คุณไม่ชอบ แต่คุณก็ควรคิดไว้เสมอว่าอย่างน้อยคุณก็มีงานทำ เพราะไม่มีใครได้ดั่งใจไปหมดซะทุกอย่างหรอก ฉะนั้น แทนที่คุณจะบ่นเรื่องงานของตัวเอง ก็เอาเวลาไปพัฒนาฝีมือการทำงานของคุณดีกว่า แล้วค่อยเอาเวลาว่างไปทำงานที่ตัวเองชอบ

9. คิดนำคนอื่นหนึ่งก้าว

คุณควรก้าวให้เร็วกว่าคนอื่นเสมอ เพราะแค่เพียงหนึ่งก้าว ก็สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ ดังนั้น งานบางงานก็ไม่จำเป็นต้องรอฟังคำสั่งจากเจ้านายหรือลูกค้า ถ้าคุณเห็นว่าสมควรที่จะทำก็ลงมือทำไปเลย พวกเขาไม่ว่าคุณหรอกค่ะ มีแต่จะชื่นชมคุณด้วยซ้ำ ว่าคุณนี่แหละ เป็นคนทำงานมืออาชีพตัวจริง

คนที่มองเห็นโอกาสก่อน มักจะประสบความสำเร็จก่อนเสมอ ฉะนั้น ถ้าคุณมีโอกาสดี ๆ เข้ามาในชีวิตแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือไป รีบคว้าเอาไว้ก่อน แล้วลงมือทำให้สุดความสามารถไปเลย เพียงเท่านี้ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะค่ะ

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 44 ทำตามรอยพระยุคลบาท6 - โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul

ฟัง รายการ ในหลวงในดวงใจ Radio ตอน 44 ทำตามรอยพระยุคลบาท6   -  โดย Thida Weangsamoot & Maliwan Pukka Keewiriyakul
ในหลวงในดวงใจ44 ทำตามรอยพระยุคลบาท6
ช่วง"ในหลวงในดวงใจ" ตอน44 (ทำตามรอยพระยุคลบาท) ในรายการวิทยุรักพ่อ โดย ธิดา เวียงสมุทร (Thida Weangsamoot) และ มะลิวัลย์ กี้วิริยะกุล (Maliwan Pukka Keewiriyakul)
- เรื่องเล่าในหลวง, ขลุ่ยบรรเลงเพลงใกล้รุ่ง
- หลักธรรม ทำตามรอยพระยุคลบาท ตอน หลัก 10 ประการตามรอยพระยุคลบาท
- ๙ คำพ่อสอน
- บทกวีปิดท้าย
http://www.youtube.com/watch?v=JR6TX57MZCs



(๗) ฟ้าดินเดียวกัน: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร

(๗) ฟ้าดินเดียวกัน: สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระราชินี ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร
พระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ 7
สารคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิร?ิกิติ์ ๘๐ พรรษา ชุดพระเมตตาดั่งสายธาร ตอนที่ ๗ ฟ้าดินเดียวกัน
เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๕ พระราชินีทรงเล่าว่า "พระเจ้าอยู่หัวไม่ยอมให้ไปยืนค้ำหัว?ราษฎร ถ้ายิ่งเป็นเวลานาน ท่านต้องการให้นั่งลงพูดกับเขา ข้าพเจ้าก็คลานรับประชาชนตลอดเลย เป็นกิโลเลย ท่านมาดูหัวเข่าข้าพเจ้าเดี๋ยวนี้สิดำปี๋เ?ลย" นับเป็นบุญของคนไทยในรัชสมัยนี้ที่ฟ้าไม่ไ?ด้สูงเกินกว่าแผ่นดิน
http://www.youtube.com/watch?v=IrUwpl1ZtLo



วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เสี้ยวอารมณ์เหงาที่โคราช 24ธค2557

ค่ำแล้ว...
ที่ บขส.เก่าโคราช..
รถสองแถวที่แล่นมาจอด รับส่งคน วิ่งผ่านมา ผ่านไปเรื่อยๆ...
รถโดยสารที่แล่นไปยังอำเภอต่างๆ ทยอยแล่นออกจากสถานี...
บางคัน พึ่งเข้ามาถึง จอดส่งผู้โดยสารปลายทาง ที่นี่....
.. ค่ำแล้ว ถึงเวลากลับบ้าน...
.. หลายคน มีบ้านให้กลับ..
.. แต่หลายคน ไม่มีที่จะไป
.. ได้แต่เตร่ ร่อนเร่ หาที่นอนพักกาย ให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้
.
..ความเงียบสงบ ถูกเสียงจากลำโพงกระจายเสียง..
..เปิดเพลงชาติ ในเวลา 18.00น
.. ต้นชั่วโมง เป็นเวลาที่รถหลายคัน เริ่มต้นออกจากชานชลาสถานี...

หลายชีวิต ยังคงเดินไปตามเส้นทาง วงจรของตนเอง...
.. แต่อีกหลายชีวิตคน ที่เพียรพยายามฝืนธรรมชาติ
.. แล้วก็ต้อนรับความทุกข์ อยู่ร่ำไป...
.. ค่ำแล้ว...
.. กลับบ้านเถอะแก....
สวัสดี..

ต้นไม้แก่กับก้อนเมฆน้อย

ต้นไม้แก่ ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย
เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า

น้ำฝนมีอยู่น้อย
กลัวว่ามันคงจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

วันต่อมา
เมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม
มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้

เมฆก้อนน้อยจึงเดินทาง และพยายามสะสมฝน
เพื่อที่จะให้มันมากพอ พอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ

เมื่อมีปริมาณมากพอ
เมฆน้อยจึงกลับมา


แต่สิ่งที่พบข้างหน้า
มีเพียงซากต้นไม้แก่ที่ตายแล้ว

เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้แล้วถามว่าทำไม
ความพยายามของฉัน ไม่มีค่าเลยเหรอ

ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้จึงได้แหงนหน้า
แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า

" การที่เราจะให้อะไรแก่ใครสักคนที่เรารัก
มันไม่ต้องรอให้มากพอหรือรอความพร้อมอะไรหรอก
ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้
ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี
แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไขนะ

อย่าไปรอให้รวย ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
อย่าไปรอให้พร้อม ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอที่รอเรา "

แล้วก่อนที่ต้นไม้แก่จะจากไป
เขาฝากบอกเธอไว้ว่า ถ้าเห็นเธอผ่านมา
ให้บอกเธอว่า เขารักเธอ

เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นเม็ดฝนอย่างไม่ขาดสาย
ให้กับต้นไม้ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีกต่อไป ตลอดกาล

อ่านกี่ทีก็ชอบ..เพราะเตือนสติได้ดีมาก...ในสิ่งที่เรามองข้าม

บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย..

ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ

ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง

เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ ครอบครัวเรากลับเล็กลง

เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง

เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น

เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่า

แค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น

เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้วแต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง

เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง

เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง

ทุกวันนี้ ทุกบ้านมีคนหา รายได้ได้ถึง 2 คน แต่การ หย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นจากนี้ไปขอให้พวกเรา

อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้าง ว่าเพื่อโอกาสพิเศษ

เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิต อยู่คือโอกาสที่พิเศษสุดแล้ว

จงแสวงหา การหยั่งรู้

จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความอยาก

จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น

กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป

ชีวิตคือ โซ่ห่วงของนาที แห่งความสุข ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด

เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย

น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้

เอาคำพูดที่ว่า "สักวันหนึ่ง……" ออกไปเสียจากพจนานุกรม

บอกคนที่เรารักทุกคนว่า เรารักพวกเขาเหล่านั้น แค่ไหน

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตาม ที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น

ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมาย เราไม่รู้เลย ว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง

และเวลานี้….

ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่มีเวลา ที่จะ copy ข้อความนี้ ไป ให้คนที่คุณรักอ่าน แล้วคิด ว่า "สักวันหนึ่งค่อยส่ง"
คุณอาจไม่มีโอกาสมานั่ง ตรงนี้ เพื่อทำอย่างที่คุณ ต้องการอีกก็ได้

รักทุกคนครับ

เชิญร่วมงาน Thai Rotary Day + กิจกรรมปล่อยหนังสือ 26 ธค 2557

ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน
กิจกรรมปล่อยหนังสือ
ในงาน...
Thai Rotary Day
โรตารี มอบความสุขสู่ชุมชน

ฟรีตลอดงาน !!!!!!!!!!!!!!!!!!

-โซนจัดหางาน : มีบริษัท 103 บริษัท เปิดรับสมัครงานกว่า 6,500 อัตรา วุฒิตั้งแต่ปวส.ขึ้นไป

- โซนสุขภาพ : ทำฟัน คัดกรองตาต้อ ผ่าตัดแก้ไขนิ้วล็อค ตรวจโรค รับบริจาคโลหิต ตรวจวัดสายตา

-โซนบริการชุมชน เล่านิทาน แนะแนวการศึกษาต่อและแจกแบบบ้านพอเพียง จำลองทำนา สอนทำนา ตัดผม บรรยายความรู้มะนาวไร้ดิน วาดเซรามิคและมอบกลับบ้าน 300 ชิ้น แจกกล้วยตาก แจกแว่นตา 3,000 อัน หม้อก๋วยเตี๋ยวเก่าแลกหม้อใหม่ 100 ใบ การป้องกันโรคเบาหวาน/มะเร็งปากมดลูก อ่านพระธรรมใบไม้ในกำมือ แจกหนังสือทั่วไป จำลองห้องสมุดก่อนวัยเรียน สอนทำไม้มงคล กิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุ และอื่น ๆ

- โซนอาชีพและฝึกอบรม : สอนทำกระเป๋า สอนสานปลาตะเพียน สอนทำผ้าเช็ดเท้า สอนทำน้ำยาอเนกประสงค์ สอนวาดรูป สอนทำลูกปัด สอนทำอาหารญี่ปุ่น สอนเจียระไนพลอย สอนทำข้าวมันไก่ สอนแต่งหน้า สอนพับใบเตยหอม สอนทำโปรแกรมซอฟแวร์ สอนทำไก่ย่างนิตยา และอื่น ๆ

-โซนเยาวชน : การแข่งขันฟุตซอล กิจกรรมนักเรียนแลกเปลี่ยน การเล่นเกมส์ แจกรางวัล การประกวดภาพวาด ภาพถ่าย การประกวดร้องเพลงและเต้น และอื่น ๆ

- โซนเวที : พบกันกิจกรรมเพื่อชุมชนและการแสดงบันเทิงต่าง ๆ มากมาย

พบกัน 26 ธันวาคม 57 09:00-17:00 น. ณ สวนลุม กรุงเทพ

ความหมายของ 12 นักสัตว์ - นักษัตร

มีครั้งหนึ่ง ชาวจีนกลุ่มหนึ่งได้เข้าร่วมงานต้อนรับ ชาวยุโรปที่ล้วนเป็นขุนนาง รวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อเข้าร่วมทำกิจกรรม ในกลุ่มของพวกเขาเหล่านั้น โดยมากเป็นญาติใกล้ชิดกับเชื้อพระวงค์ มีการศึกษา และประสบความสำเร็จอย่างสูง ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาท ทว่า..เบื้องหลังความสำเร็จของพวกเขา แอบแฝงซ่อนเร้นความหยิ่งยะโส ในงานเลี้ยงสังสรรค์วันสุดท้าย อาจเป็นเพราะดื่มเหล้ามากไป ขุนนางเหล่านี้ ท่าทีและคำพูดคำจา ล้วนแปรเปลี่ยนไปจากปกติ ระหว่างงานเลี้ยง ขุนนางผู้หนึ่งลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า " ชาวจีนอย่างพวกคุณทำไมจึงใช้ปีเกิดเป็นหมูเอย หมาเอย หนูเอย ไม่เหมือนพวกผม เป็นราศีมังกร ราศีสิงห์ ราศีมีน ไม่รู้จริงๆว่า บรรพบุรุษของพวกคุณคิดได้ยังไง ?" ผู้ร่วมงานฟังแล้ว ล้วนหัวเราะเสียงดังกึกก้อง อีกทั้งชนแก้วร่วมกัน ความสง่า ความเป็นผู้ดีก่อนหน้า ไม่หลงเหลือให้เห็นอีกต่อไป พูดกันตามเหตุผลแล้ว คนอื่นกำลังด่าว่าบรรพบุรุษของเรา ถึงแม้นไม่สามารถคิดหาคำพูดเพื่อโต้ตอบกลับไป อย่างน้อยๆก็สามารถล้มโต๊ะได้ ทว่า..ชาวจีนที่อยู่ร่วมงาน ล้วนนิ่งเงียบ ไร้ปฏิกิริยาใดๆ หรืออาจเป็นไปได้ว่า สมองแล่นช้ายังไม่ทันเข้าใจ ทว่าคราวนี้ มีชาวจีนผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน ใช้น้ำเสียงปกติธรรมดาพูดว่า " ใช่แล้ว บรรพบุรุษของชาวจีนเน้นความเป็นจริง 12 นักษัตรของพวกเราจับกันเป็นคู่ๆ หกรอบไปกลับ สะท้อนถึงว่า บรรพบุรุษพวกเรา ตั้งความหวังและร้องขอบางอย่างจากพวกเรา " ตอนนี้..บรรยากาศในงานเลี้ยง ค่อยๆสงบลง ทว่า ใบหน้าของเหล่าขุนนางยังคง แสดงออกซึ่งความไม่แยแสสนใจใยดี ชาวจีนได้พูดต่อว่า " กลุ่มแรกคือ หนูกับวัว หนูเป็นตัวแทนของสติปัญญา วัวเป็นตัวแทน ของความขยันขันแข็ง สติปัญญาและขยันต้องอยู่รวมกันอย่างเหนียวแน่น หากมีแต่สติปัญญา ไม่ขยันขันแข็ง เช่นนั้นจะกลายเป็นฉลาดน้อย หากมีแต่ความขยันขันแข็งไม่ใช้มันสมอง เช่นนั้นจะกลายเป็นโง่เขลา สองสิ่งนี้ต้องรวมด้วยกัน นี่เป็นกลุ่มแรกที่บรรพบุรุษของพวกเราตั้งความหวังและร้องขอจากเรา อีกทั้งเป็นกลุ่มที่สำคัญที่สุด กลุ่มที่สอง คือเสือกับกระต่าย เสือเป็นตัวแทนของความกล้าหาญ กระต่ายเป็นตัวแทนของความระมัดระวัง ความกล้าหาญกับความระมัดระวัง ต้องอยู่รวมกันอย่าง เหนียวแน่น จึงจะได้ซึ่งความกล้า แต่ใจระมัดระวัง หากความกล้าหาญขาดความระมัดระวังไป ก็จะกลายเป็นความบ้าบิ่น หากไม่มีซึ่ง ความกล้าหาญ ก็จะกลายเป็นใจเสาะใจฝ่อขี้อาย กลุ่มนี้ก็สำคัญมากเช่นกัน ชาวจีนมองเหล่าขุนนางแล้วพูดต่อว่า ดังนั้น ยามที่พวกเราแสดงออกซึ่งความระมัด ระวัง ห้ามเด็ดขาดที่นึกคิดว่า ชาวจีนไม่มีด้านของความกล้าหาญ มองดูผู้คนล้วนอยู่ในห้วงครุ่นคิด ชาวจีนพูดต่อว่า " กลุ่มที่สาม คือมังกรกับงู มังกรเป็นตัวแทนของความดุร้าย งูเป็นตัวแทนความยืดหยุ่น ที่พูดกันว่า สิ่งที่แข็งแตกหักง่าย แข็งเกินไปหักง่าย ทว่า หากมีแต่ความยืดหยุ่นก็จะ สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ดังนั้น แข็งผสมผสานกับความยืดหยุ่น ก็เป็นคำสอนของบรรพบุรุษเรา ต่อไป..คือม้ากับแพะ ม้าเป็นตัวแทนของการมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความกล้า แพะ เป็นตัวแทนของความราบรื่น หากคนผู้หนึ่ง มุ่งตรงไปที่เป้าหมายตามลำพัง ไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบข้างกาย ก็ต้องชนกระแทกกระทั่ง กับสิ่งที่อยู่รอบข้างกายอย่างแน่นอน สุดท้ายแล้ว ก็ใช่ว่าจะไปถึงจุดเป้าหมาย ทว่า คนผู้หนึ่งมีเพียงแต่ความราบรื่น เขาอาจจะแม้แต่ทิศทางก็ไม่มี ดังนั้น นิสัยเฉพาะของการมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความกล้า ต้องรวมกันกับความราบรื่นอย่าง เหนียวแน่น นี่คือ ความหวังกลุ่มที่สี่ที่บรรพบุรุษคาดหวังจากพวกเรา ต่อไปอีกก็คือ ลิงกับไก่ ลิงเป็นตัวแทนความคล่องตัว ไก่ขันตรงตามเวลาเป็นตัวแทน ความคงที่ถาวร ความคล่องตัวกับความคงที่ถาวร ต้องรวมกันอย่างเหนียวแน่น หากมีเพียงความคล่องตัว ไม่มีความคงที่ถาวร นโยบายที่ดีเพียงใด ก็ยากที่จะมีผล เก็บเกี่ยว ด้านหนึ่งคือความมีเสถียรภาพ รักษาความสมานกลมเกลียวและคำสั่งของ ส่วนรวม อีกด้านหนึ่งสามารถรุกไปข้างหน้า ด้วยความคล่องตัว นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ของขั้นพื้นฐาน สุดท้ายคือ สุนัขและหมู สุนัขเป็นตัวแทนความจงรักภักดี หมูเป็นตัวแทนของความง่ายๆโอนอ่อนผ่อนตาม คนผู้หนึ่ง หากจงรักภักดีเกินไป ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม ก็จะขับไสไล่ส่งผู้อื่นที่ไม่ใช่นายตนเอง ตรงกันข้าม คนผู้หนึ่งโอนอ่อนผ่อนตามอย่างเดียว แต่ไร้ซึ่งความจงรักภักดี คนผู้นี้ก็จะสูญเสียชึ่งหลักการ ไม่ว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศชาติ หรือว่าจงรักภักดีต่ออุดมคติของตนเอง ล้วนต้อง รวมตัวกันกับความโอนอ่อนคล้อยตามอย่างเหนียวแน่น เช่นนี้แล้ว จึงง่ายต่อการรักษาส่วนลึกของหัวใจ ให้มีความสมดุล อธิบายจบ ชาวจีนพูดว่า " สุดท้าย ผมใคร่อยากรู้ว่า ราศีเมถุน ราศีตุลย์ และราศีอื่นๆของพวกท่าน สะท้อนถึงบรรพบุรุษพวกท่าน ตั้งความหวังและร้องขออะไรจากพวก ท่าน พวกเราใคร่ขอความคิดเห็นจากพวกท่านด้วย" บรรดาเหล่าขุนนาง นิ่งเงียบเนิ่นนาน ล้วนไม่พูดไม่จา ต่างนั่งเงียบกริบ 《 นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าใจความหมายของ 12 นักสัตว์~นักษัตร... แล้วคุณล่ะ ?????

เรื่องของการกิน กับเงื่อนไขความทุกข์ ของชีวิต

มีอย่างไรก็กินอย่างนั้น เน้นเรียบง่าย
"ถ้าคุณเงื่อนไขมาก ชีวิตก็ทุกข์มาก
ถ้าคุณเงื่อนไขน้อย ชีวิตก็ทุกข์น้อย"
(ราชบดินทร์ บุญไชโย)

นี่เป็นประโยคใจความสำคัญที่อ่านเจอในนิตยสาร เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย.. ได้มาจากการพลิกอ่านหนังสือ...

คุณเชื่อมั้ยว่า การอ่าน ทำให้ความทุกข์ของคนเราลดลงไปได้เช่นกัน แทนที่จะเอาแต่คิดเรื่องของตัวเอง ทุกข์กับเรื่องของตัวเอง เมื่อเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ก็ทำให้ลดทุกข์ได้เช่นกัน....

ชีวิต ไม่ได้มีไว้ท้อแท้

นั่นสิ ทำไม คนที่มีร่างกายครบ 32 เสือกมีแต่ความทดท้อวะ

แต่คนพิการ อวัยวะขาดหายไป ทำไมถึงมีจิตใจเข้มแข็ง มุ่งมั่น ไม่ย่อท้อล่ะ .... ทั้งๆที่ความเป็นจริง ควรจะเป็นคนที่ครบ 32 ที่มีจิตใจเข้มแข็ง มุ่งมั่น...

หรือว่า ความใจเสาะ มีในคนที่ครบ 32 มากกว่าคนพิการ...

"กูว่าน่าจะนิยามคำใหม่ ที่ว่าคนพิการน่ะ ต้องรวมไปถึง ใจพิการ จิตพิการด้วยนะ"
"จะให้นับจิตใจ เป็นอวัยวะอย่างนึงด้วยเหรอ"
"เพราะจิตใจ สำคัญมาก ใจจะขึ้น ใจจะลง จิตจะตก จิตจะขึ้น ก็มีผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกมาของคนเราด้วยนะ"

ถึงแม้ว่า จิตใจ จะไม่มีรูปร่างที่เป็นอวัยวะชัดเจน เหมือนหัวใจ มือ ตีน แขน จมูก ปาก แต่จิตใจก็มีอิทธิพลต่อการแสดงออกทุกอย่างของคนๆนั้น..

"ชีวิตไม่ได้มีไว้ท้อแท้ แต่ใจใครจะท้อแท้ ก็ช่วยไม่ได้ว่ะ"

นิสัยที่ดี ฝึกได้ไม่ยาก เริ่มต้นได้เลย 5 ข้อ

คุณอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของแลนด์แอนด์เฮาส์พูดดี 11 นาที ได้เนื้อหาและแรงบันดาลใจยิ่ง

ในขณะที่คนอื่น ๆ บอกว่าต้องเร่งยกระดับการศึกษาของชาติ แต่คุณอนันต์ ตั้งคำถามว่า คนที่ประสบความสำเร็จ
จะต้องเรียนเก่งจริงหรือไม่ ?
ประเทศไทยเน้นเรื่องการศึกษามาก จนลืมเรื่องความสำคัญของการฝึก "นิสัย" คนไทยควรจะมีนิสัยอย่างไร จึงจะเจริญก้าวหน้าในชีวิต

คนที่มีนิสัยดี เหมือนเรามีเครื่องจักรที่ดีในตัว ไม่ว่าไปทำอะไรก็จะดี

คุณอนันต์ เจ้าของแลนด์แอนด์เฮาส์ เล่าว่า เกิดมาในครอบครัวยากจน ในบ้านมีคนมากถึง 31 คน ถือเป็นสถานที่สำคัญฝึกนิสัยให้กับเขา จนทำให้มีวันนี้
นิสัยที่ดี ฝึกไม่ยาก เริ่มจากที่บ้านใน 5 ห้อง :

1. ห้องนอน :
ฝึกทำใจให้ว่าง ทำสมาธิ ล้างใจสะอาด นอนได้เต็มที่ และฝึกตื่นให้เป็นเวลา เก็บที่นอน เปิดหน้าต่างให้เคยชิน
"ถ้าเราเป็นคนไม่ตื่นตามเวลา ใช้ปุ่ม Snooze เพื่อที่จะตื่นมากด Snooze อีกที เราจะกลายเป็นคนที่ทำงานเสร็จนาทีสุดท้ายเสมอ"

2. ห้องน้ำ :
ฝึกการใช้น้ำอย่างประหยัด เกรงใจคนอื่น รักษาเวลา การฝึกล้างห้องน้ำให้เป็น จะช่วยฝึกให้เราไม่ดูถูกคน เป็นคนไม่เลือกงาน ไม่มีทิฐิ
"สมัยเด็ก บ้านผมไม่ได้มีฐานะ
แต่มีคนถึง 31 คน น้ำก็ต้องใช้ประหยัด เข้าห้องน้ำนานไม่ได้ เพราะคนอื่นก็ต้องใช้เหมือนกัน" "ผมล้างห้องน้ำมาจนโต ทำให้ทุกงานผม ห้องน้ำต้องสะอาด เสียอย่างเวลาขึ้นเครื่อง บางทีผมต้องเสีย 15 นาทีเช็ดห้องน้ำจนสะอาด" "คนว่าผมสร้างห้างมาให้คนเข้าห้องน้ำ
ทั้ง Terminal 21 หรือ Fashion ก็ยอมรับครับตอนนี้มีคนมาเข้าห้องน้ำห้างผม วันละเป็นแสน"

3. ห้องแต่งตัว :
ฝึกให้รู้จักตัดใจ เสื้อผ้าไม่ใส่ต้องทิ้ง เสียสละให้คนอื่น ใช้สิ่งของต่าง ๆ อย่างพอดีตัว "ไม่ใช่จะใช้ชีวิตแย่ ๆ แต่เท้ามีแค่สองข้าง จะมีรองเท้ามากมายทำไม อะไรไม่ได้ใส่เกิน 2 เดือน เอาไปบริจาคเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่"

4. ห้องกินข้าว :
ฝึกการทานอาหาร นั่งพร้อมหน้ากัน รู้จักแบ่งปัน ตักข้าวแล้วต้องกินให้หมด ดังนั้นต้องตักให้พอดีตัว และตักให้พ่อแม่หรือคนอื่นก่อน
"ไข่พะโล้ 2 ฟอง นั่งกัน 4 คน เราต้องแบ่งกันคนละครึ่งฟอง และตัดให้แม่ก่อน จนติดนิสัยให้คนอื่นก่อน เช่นเวลาเข้าออกลิฟต์"

5. ห้องทำงาน :
ฝึกจัดลำดับความสำคัญ อย่าให้มีอะไรรกบนโต๊ะทำงาน กระดาษที่กองเต็มโต๊ะ บอกนิสัยไม่ตัดสินใจ หรือไม่มั่นคงทางใจ กลัวไม่มีข้อมูล "เวลาผมเจอใครกระดาษกองเต็มโต๊ะ ผมคิดเลยว่าคนนี้ไม่กล้าตัดสินใจ หรือ Insecure กลัวขาดข้อมูล ทั้งที่มันมีในมือถือหมดแล้ว" "ห้องทำงานผมไม่มีกระดาษบนโต๊ะ ไม่มีโทรศัพท์เพราะใช้มือถือ ไม่มีคอมพ์เพราะใช้แท็บเล็ต ตอนนี้มีห้องไว้โชว์ว่าว่างเปล่า"

5 ห้องนี้จะฝึกให้เรา รักษาความสะอาด มีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา สุภาพ และฝึกสมาธิให้ใจสะอาด
"คนเรียนเก่งไม่ใช่คนเก่งเสมอไป แต่คนเก่งมักมีนิสัยสร้างความเจริญก้าวหน้าเรื่องนี้อย่าสอนแต่ในห้องเรียน เริ่มจากที่บ้าน"

"ทุกวันนี้โลกวุ่นวายไม่ใช่เพราะคนไม่มีการศึกษา แต่เพราะคนนิสัยไม่ดี และมีการศึกษาเยอะต่างหาก"

คุณอนันต์ ยังเล่าว่าในปี 40 เกือบล้มละลายขาดทุน 3-4 หมื่นล้าน เพราะกู้เป็นเงินดอลลาร์ แต่รายได้เป็นเงินบาท ต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้ ..ตอนเจรจากับเจ้าหนี้ คุณอนันต์ยังยิ้มได้ตลอด เพราะนึกถึงสมัยเด็กที่บ้านยากจน ต้องยืมของเล่นข้างบ้าน ซึ่งคนที่หน้าตาหมองเศร้าคือเด็กคนนั้น