++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การประเมินความสามารถเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิด

An Assessment of Mathematical Creativity in Open-ended Problem-solving Situation

วิภาพร สุทธิอัมพร (Wipaporn Suttiamporn)*

ดร.ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์ (Dr.Maitree Inprasitha)**

เอื้อจิตร พัฒนจักร (Auijit Phattanajak)***

บทคัดย่อ

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความสามารถเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ในสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิดโดยเน้นองค์ประกอบ 2 องค์ประกอบที่สำคัญคือความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์และเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยคือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกู่แก้ววิทยา กิ่งอำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548 จำนวน 2 ชั้นเรียน คือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 44 คน และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 จำนวน 44 คน

ขั้นตอนการดำเนินการวิจัยคือ 1) คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยพิจารณาจากชั้นเรียนคณิตศาสตร์ของครูที่สามารถเข้าร่วมกระบวนการพัฒนาแผนการสอนได้ 2) กำหนดเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาแผนการสอนที่ใช้สถานการณ์ปัญหาปลายเปิด จำนวน 5 หน่วยการเรียนรู้ 3) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยทำการบันทึกวีดิทัศน์ชั้นเรียนและบันทึกเสียงตลอดระยะเวลาที่มีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์ปัญหาปลายเปิดในชั้นเรียนกลุ่มเป้าหมาย โดยในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ใช้เวลาจัดการเรียนการสอน 120 นาที 4) วิเคราะห์ข้อมูลโดยนำผลงานการทำกิจกรรมของนักเรียน บันทึกหลังการสอนของครูผู้สอนและบันทึกภาคสนามของผู้ช่วยวิจัยมาทำการประเมินความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ รวมทั้งนาข้อมูลที่ได้จากการถอดเทปเสียงมาทำการวิเคราะห์โปรโตคอลร่วมกับการวิเคราะห์วีดิทัศน์ชั้นเรียนเพื่อทำการประเมินเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ของกลุ่มเป้าหมายตามกรอบการวิเคราะห์ของ Saito (2004)

ผลการวิจัยมีดังนี้ 1) จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณพบว่าความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนมีค่าคะแนนความคล่องและความเป็นตรรกะสูงส่งผลให้ค่าคะแนนความหลากหลายสูงด้วยแต่มีค่าคะแนนความยืดหยุ่นและความเป็นต้นแบบต่ำ โดยจากข้อมูลเชิงคุณภาพที่ได้จากการวิเคราะห์โปรโตคอลพบว่าชิ้นงานที่มีค่าคะแนนความยืดหยุ่นและความเป็นต้นแบบจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิดซึ่งเป็นช่วงก่อนที่นักเรียนจะออกมานำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน 2) เจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ที่เห็นได้ชัดเจนในชั้นเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิด ได้แก่ เจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ด้าน ก) ความสมเหตุสมผล ข) ความมีสมาธิและความอดทน ค) ความหลากหลาย และ ง) ความเป็นต้นแบบ โดยนักเรียนคำนึงถึงและให้คุณค่าการทำงานที่เน้นกระบวนการก่อนที่จะได้ผลลัพธ์มาและเกิดการตรวจสอบความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้มากขึ้น นอกจากนี้นักเรียนยังใช้ความพยายามในการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องและยาวนานเพื่อผลิตชิ้นงานให้มีความหลากหลายและโดดเด่นจากเพื่อนกลุ่มอื่นให้มากที่สุด โดยเจตคติเชิงสร้างสรรค์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกันในการแก้ปัญหาในกลุ่มย่อยและการนำเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน และ 3) ความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์และเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ส่งผลกระทบซึ่งกันและกันในสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิด กล่าวคือ ในสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิดแต่ละหน่วยการเรียนรู้ นักเรียนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมการแก้ปัญหาได้ด้วยศักยภาพที่มีอย่างเต็มที่ตามความแตกต่างของแต่ละบุคคลทำให้เกิดเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ โดยเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้นักเรียนแก้ปัญหาในสถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิดจนเกิดความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ ในลักษณะเดียวกันความคิดสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้นักเรียนเกิดเจตคติเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ต่อไป

ABSTRACT

The purpose of the present study was to analyze student’s creative ability in mathematical open-ended situations focusing on two essential aspects – mathematical creativity and attitude towards mathematical creativity. The target group was 2 classes of 8th grade of Kukaewwittaya School, Kukaew district, Udorntanee province during the first semester of the 2005 school year. There were 44 students in the first 8th grade class and 44 students in the second 8th grade class.

The research procedures were as follows:

1) Selecting the target classes which mathematics teacher of the classes are possible to participate in the entire process of developing lesson plans;

2) A research team consisting of the researcher and 4 co-researchers constructed 5 units of lesson plans under the advice of an expert in open-approach from the Center for Research in Mathematics Education;

3) Collecting data using audio-tape and video-tape recording of students’ problem solving for five 120-minute periods;

4) Analyzing the data based on Saito & Akita’s framework using students’ written works, after-teaching journalizing of the teacher, the co-researchers’ field notes, and protocols for the problem-solving session.

The findings are:


1) From quantitative data, students’ mathematical creativity in the classroom judging from the scores of flexibility and logic are higher than the scores of dynamic and originality. From qualitative data, students’ works which reflected in terms of scores on flexibility and originality occurred the final stage of problem-solving session before presenting the ideas to the whole class;

2) Attitude towards mathematical creativity obviously being observed when using open-ended problems are logic, concentration, perseverance, diversity and originality. The students value processes of working rather than products and verify the reasonability of the products. In addition, they keep trying to solve problem continuously in order to produce a variety of - and distinguished works. Attitude towards creativity emerged continuously in the small-group problem solving and presentation of the works to the whole class;

3) Mathematical creativity and attitude towards creativity are interrelated during students’ solving open-ended problems. It has been observed that each individual engages in problem-solving session with his/her fullest capacity and with according to individual difference. This helps developing positive attitude towards creativity which in turn determines the course of problem solving. The mathematical creativity will also improve student’s attitude towards creativity.

คำสำคัญ : ความสามารถเชิงสร้างสรรค์ทางคณิตศาสตร์ สถานการณ์การแก้ปัญหาปลายเปิด

Key words : Mathematical Creativity, Open-ended Problem-solving Situation

มหาบัณฑิต หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

∗∗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

∗∗∗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาคณิตศาสตรศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น


จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ยกย่องมะม่วงผลไม้บำรุงสายตาอุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ

จักษุแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญพบมะม่วง เป็นผลไม้วิเศษในการถนอมรักษาสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสายตาของผู้สูงอายุ ซึ่งมักจะเสื่อมโทรมลงตามวันเวลาที่ล่วง ไป จักษุแพทย์ของศูนย์แพทย์โรคตาในสหรัฐฯได้ระบุว่า มะม่วงเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงรักษาสายตาได้อย่างดียิ่งเสียกว่าหัวผัก กาดแดง เพราะมะม่วงอุดมไปด้วยวิตามิน ซี และ อี กับเบตา แครโรทีน อันเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระทั้งสิ้น สาร ทั้งสามอย่างจะช่วยต่อต้านตัวอนุมูลอิสระที่เป็นเหตุให้สายตาต้องเสื่อมเลวลง "เราได้รู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่า พวกอนุมุลอิสระ ยิ่งช่วยบ่อนทำลายสายตาที่เสื่อมลงเนื่องมาจากกล้ามเนื้อลูกตาอ่อนแรงให้หนักขึ้น"

เขายังแนะนำว่า หากไม่กินมะม่วง ก็อาจ จะเลือกกินผลกีวีก็ได้ เพราะลูกกีวีมีโปแตสเซียมสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญเสียสายตาของผู้สูงอายุที่มีอาการความดัน โลหิตสูงอยู่ด้วยได้.

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เมนูถั่วเขียวป้องกันซาร์ส!จากครัวคุณหรีด

หลังจากที่มีข่าวลือในกัมพูชาแพร่สะพัดไปทั่วว่า หากต้อง การอยู่รอดปลอดภัยจากโรคไข้หวัดมรณะ (ซาร์ส) ให้กินถั่วเขียวต้มน้ำตาลจะสามารถช่วยป้องกันได้ จนทำให้ราคาถั่วเขียวใน กัมพูชาพุ่งพรวดสูงขึ้น จากปกติถึงสิบเท่าตัว นอกจากนี้ยังสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบสื่อสาร ภายในประเทศ อีกด้วย เพราะทุกคนต่างโทร.บอกต่อแก่บุคคลผู้ใกล้ชิด จนคู่สายถูกใช้งานเต็มหมด ไม่สามารถโทร.ออกได้ แต่แล้วก็ได้มีการ ออกประกาศเตือนจากสถานีวิทยุของกัมพูชาว่า ข่าวดังกล่าวเป็นเพียงแค่ข่าวลือไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด!! สำหรับเรื่องถั่ว เขียวนั้นจะสามารถป้องกันไวรัสตัวร้าย (ซาร์ส) ได้จริงหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครยืนยัน แต่สำหรับนักคิดนักปรุงอย่าง รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ เร่งค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณของถั่วเขียวเป็นการใหญ่ จนพบว่าพืชตระกูลถั่วทุกชนิดอุดมไปด้วย โปรตีน ทั้งชาวจีน ชาวอินเดีย และแม้กระทั่งชาวจีนในบ้านเราก็มักนิยมทานอาหาร ที่ทำจากถั่วเหลืองเป็นประจำ อาทิ น้ำเต้าหู้ และเต้าฮวยน้ำขิง เป็นต้น แต่สำหรับถั่วเขียวนั้น มีสารที่มีภูมิคุ้มกันหรือต้านทานเชื้อไวรัสทุกชนิด เรียกว่าสาร phyto astrogen และด้วยสรรพคุณอันหลากหลายของถั่วเขียว คุณหรีดเธอเลยพยายามคิดหาเมนูจากถั่วเขียวขึ้นภายในชั่ววันเดียว เธอคิดเมนูจากถั่วเขียวได้ถึง 7 รายการ และเธอจะนำมาปรุงให้แฟนๆรายการ "ครัวคุณหรีด" ได้ชมเป็นพิเศษ ในวันพฤหัสฯที่ 22 พ.ค.นี้ทางช่อง 7 เวลา 16.15 น. เป็นการต้อนรับฉากและรูปแบบรายการใหม่ รวมทั้งพิธีกรหนุ่มผู้ช่วย "อั๋น-ภูวนาท คุ นผลิน" ด้วย

เมนูที่ว่า มีอาทิ ไอศกรีมถั่วเขียว, ซุปฝักทองถั่วเขียวผิวส้ม, เค้กถั่วเขียวกรอบอบน้ำผึ้ง, ปอเปี๊ยะ anti-SARS, ข้าวผัดสายรุ้ง, ซาลาเปาไส้ถั่วเขียว และบัวลอยถั่วเขียวน้ำขิง ซึ่งแต่ละเมนูนอกจากจะมีภูมิคุ้มกันโรคซาร์สแล้ว ยังรับประกันความอร่อยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งไอศกรีมถั่วเขียว ที่วิธีทำสุดแสนจะง่ายดาย แถมเป็นของว่าง ติดตู้เย็นประจำบ้านที่แสนอร่อยและทันสมัย คุณพ่อบ้านแม่บ้านที่ชื่นชอบของแปลกและอร่อยสามารถลองทำไอศกรีมถั่วเขียวทาน ที่บ้านกันได้.

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การพัฒนารูปแบบการสอนเรื่อง อุปกรณ์ทางไฟฟ้าประเภท ตัวต้านทาน ตัวเหนี่ยวนำ ตัวเก็บประจุ โดยใช้รูปแบบการเรียนแบบใช้ปัญหาเป็นหลัก

Development of Teaching form Electrical equipment ;Resistor, Inductor, Capacitor By Problem-based learning method

โกสิน ราชศิลา (Kosin Ratsila) *

หนึ่ง. สุมาลี จันทร์ชลอ (Dr. Sumalee Chanchalor) **

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ เพื่อพัฒนาวิธีการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นหลักสำหรับนักศึกษาช่างอุตสาหกรรม และศึกษาผลสัมฤทธิ์ของการเรียนการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นหลักสำหรับนักศึกษาช่างอุตสาหกรรม การวิจัยครั้งนี้ได้สร้างเครื่องมือทดลองได้แก่ แผนการสอนเรื่องอุปกรณ์ทางไฟฟ้าประเภท ตัวต้านทาน ตัวเหนี่ยวนำ ตัวเก็บประจุ โดยใช้การเรียนแบบการใช้ปัญหาเป็นหลัก และ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน กลุ่มตัวอย่าง นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ มหาวิทยาลัยนครพนม จำนวน 30 คน เมื่อเรียนจบแล้วทดสอบด้วยแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นหลักมีขั้นตอน ได้แก่ 1) แบ่งกลุ่มผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อย 2) ให้ผู้เรียนศึกษาเรื่อง/ปัญหาที่ให้ 3) ตั้งสมมติฐาน/ค้นคว้ารายละเอียดจากเอกสาร/สื่อคอมพิวเตอร์ (Internet) ความรู้พื้นฐานจากสมาชิกกลุ่ม 4) ให้ผู้เรียนเสนอประเด็นที่เลือกไว้ 5) ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนสมมติฐาน 6) ตรวจสอบข้อมูลและสรุปสาระในกลุ่ม 7) นำเสนอสาระการเรียนในกลุ่มใหญ่ 8) ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปข้อมูลที่ศึกษา 9) ผู้เรียนประเมินตนเอง/กลุ่ม ผลการเปรียบเทียบค่าที (t-test) พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาหลังการเรียนด้วยรูปแบบการใช้ปัญหาเป็นหลักสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ0.05

ABSTRACT

This research aimed 1) to develop a problem base learning method, 2) to study achievement of a problem base learning method for students in industrial field. Instruments used in this research were 1) Lesson plan base on problem base learning method which was about electrical equipment ; Resistor, Inductor, Capacitor, 2) achievement test. Sampling group was 30 students who was studying in the first year of vocational certificate, in the field of Technology of Electronics at Nakhon Panom university.

The results showed that development of teaching form by problem base learning method consisted of nine procedures : 1) dividing student is a small group 2) providing the problems 3) formulate hypothesis/search for internet/issues 4) select the problem topics 5) search for more information 6) data audit in group 7) presentation in classroom 8) conclude summarize what to learn 9) self evaluation. t-test showed that post-test score was higher significant than pre-test score at a level of 0.05

คำสำคัญ : การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นหลัก อุปกรณ์ทางไฟฟ้า รูปแบบการสอน

Key words : problem base learning method , electrical equipment , teaching model

*นักศึกษาหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

**รองศาสตราจารย์ ภาควิชาครุศาสตร์ไฟฟ้า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การลดความเสื่อมโทรมของดินภายหลังการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จากการทำไร่อ้อยเป็นการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิดบนพื้นที่ลาดเอียง

การลดความเสื่อมโทรมของดินภายหลังการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน จากการทำไร่อ้อยเป็นการปลูกไม้ยืนต้นหลากชนิดบนพื้นที่ลาดเอียง

Reducing soil Degradation after Changing land use: from sugarcane plantation to different species of tree plantation on sloping land

รัฐกร สืบคำ (Ratgon Suebkam )*

ดร.บุปผา โตภาคงาม (Dr. Bupha Topark-Ngarm )**

วิทยา ตรีโลเกศ (Vidhaya Trelo-ges)**

ดร.เอนก โตภาคงาม ( Dr. Anake Topark-Ngarm)***

สมศักดิ์ สุขจันทร์ (Somsak Sukchan)****

บทคัดย่อ

ในงานทดลองนี้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางกายภาพบางประการของดินในแปลงปลูกไม้ยืนต้นเป็นเวลา 1 ปี (แปลงปลูกไม้ยืนต้นที่มีอายุ 2ปี -3ปี ) พบว่าการเติบโตของไม้ยืนต้นบนพื้นที่ลาดเอียงเป็นเวลา 1 ปี ทำให้ความหนาแน่นรวมของดินลดลงและดินมีสัมประสิทธิ์การนำน้ำที่เพิ่มขึ้นและเนื่องจากการปลูกไม้ยืนต้นทำให้มีปริมาณอินทรียวัตถุเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการเพิ่มขนาดของเม็ดดินและความเสถียรภาพของเม็ดดิน นอกจากนี้การปลูกไม้ยืนต้นยังมีส่วนช่วยลดแรงกระทบของน้ำต่อผิวดินโดยตรง ซึ่งมีผลทำให้การไหลบ่าของน้ำที่ผิวดินลดลง และเป็นการช่วยลดปริมาณตะกอนดินที่สูญเสียจากพื้นที่ลาดเอียงและลดความเสื่อมโทรมของดินได้เป็นอย่างดี

ABSTRACT

In an experiment to study the changes of some soil physical properties in tree plantation for one year period (from 2 to 3 year old tree plantation), It was found that tree growing on sloping land for one year could result in decreased soil bulk density and increased soil saturated hydraulic conductivity. Since the tree growing resulted in the increase of organic matters, which in turn caused increase size and aggregate stability of soil particle. In addition, the tree plantation could also help reducing the direct impact force of rainfall on soil surface which resulted in the reduced water runoff, loss of soil sediments and soil degradation on sloping land.


คำสำคัญ
: คุณสมบัติทางกายภาพของดิน การปลูกไม้ยืนต้น ความเสื่อมโทรมของดิน

Key words: soil physical properties, tree plantation, soil degradation

* มหาบัณฑิต หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาปฐพีศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

** รองศาสตราจารย์ ภาควิชาทรัพยากรที่ดินและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอนแก่น

*** รองศาสตราจารย์ ภาควิชาพืชไร่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอนแก่น

**** นักวิจัย กรมพัฒนาที่ดิน เขต 4 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอนแก่น 40000.

จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ผ่ากระบอกไม้ไผ่ เพื่อพ่อ.... ที่กาฬสินธุ์




นักเรียนใน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ กำลังผ่ากระบอกไม้ไผ่ ที่ใช้ออมเงินออกมา เพื่อนำไปฝากธนาคาร
เป็นการออม และนำไปสู่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงต่อไป


มีบางอย่างที่น่าคิด
เมื่อพูดถึงความพอเพียง ทำไมภาพในทีวี ถึงมีแต่คนในชนบท ชาวนา เกษตรกร ยืนถือรูปในหลวง

แต่ไม่ค่อยเห็น ผู้มีฐานะ ผู้มีเศรษฐกิจดี ถือรูปในหลวงประกอบโฆษณา และสารคดี ที่พูดเรื่องความพอเพียงบ้าง

มิน่าล่ะ เศรษฐีทั้งหลาย จึงไม่รู้จักพอเพียงเสียที






14 ธันวาคม 2550 เวลา : 9:13:00


ความคิดเห็นที่ 1
วันนี้ออก ASTV ก็ขอให้สนุกนะครับ ;)
โดย kooyik เมื่อ 14 ธันวาคม 2550 เวลา : 10:05

ความคิดเห็นที่ 2
เก๋มากค่ะ :)
โดย sazzie เมื่อ 14 ธันวาคม 2550 เวลา : 11:21

ความคิดเห็นที่ 3
...อ.นามน มัทไม่เคยไปเลยค่ะ รู้แต่ว่าอยู่ใกล้ๆกับหนองฟ้าเลื่อน ..;-)))
โดย tomorrow เมื่อ 14 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:53

ความคิดเห็นที่ 4
ม ุมมองน่าคิดค่ะ เชื่อว่าเขาก็พอเพียงเหมือนกัน แต่เนื่องจากมีตังค์เยอะ ความพอเพียงก็เลยมี band ที่กว้าง ถ้าเอามาโฆษณา ก็จะไม่เห็นเป็นรูปธรรมค่ะ :)
โดย nelumbo เมื่อ 15 ธันวาคม 2550 เวลา : 9:42

ความคิดเห็นที่ 5
แ วะมาอ่านblogคุณบอลคะ ยินดีที่ได้รู้จัก นึกออกแล้วว่าเคยเข้ามาอ่านคะ ตอนนั้นsearchหารายการ only the lonely ก็เจอblogนี้พอดี ตอนแรกนึกว่าเป็นของทางรายการทำซะอีก ยกนิ้วให้เลยคะ เผื่อวันไหนพลาดไม่ได้ดูรายการจะได้ตามมาดูย้อนหลังที่นี่คะ
โดย eeh http://pinkkitty.bloggang.com/ เมื่อ 15 ธันวาคม 2550 เวลา : 11:20

ความคิดเห็นที่ 6
สนุกและประทับใจมากครับคุณ kooyik
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:12

ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณครับ sazzie
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:12

ความคิดเห็นที่ 8
กลับบ้านตอนไหน เดี๋ยวพามัทไปเที่ยวเด้อ
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:13

ความคิดเห็นที่ 9
คงไม่เกินมันสมองและความสามารถของครีเอทีฟไปได้หรอกนะครับคุณ nelumbo แต่อาจจะไม่มีใครคิดมากกว่า
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:13

ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณครับคุณ eeh ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนและทักทายในรายการ คุยกันน้อยไปจริงๆด้วย อิอิ รีบมาอยู่ mblog ไวๆนะครับ
โดย บอน sata1msu เมื่อ 16 ธันวาคม 2550 เวลา : 13:14

ความคิดเห็นที่ 11
เห็นแล้วนึกถึงตัวเอง ว่าเคยหยอดเงินใส่กระบอกสำรอกกิเลสของพระพยอมค่ะ
โดย พี่ปุ้ย/บางมด เมื่อ 17 ธันวาคม 2550 เวลา : 16:34

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เกาหลีแดงปรุงชานักคอมพิวเตอร์ ด้วยผลไม้กลิ่นหอมรสเปรี้ยวหวาน

แหล่งข่าวจากกรุงโซล ประเทศเกาหลี ใต้ รายงานว่า เกาหลีเหนือ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ได้ออกมาประกาศว่า ตนเองคิดค้นเครื่องดื่มที่จะ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ได้เป็นผลสำเร็จ ทางเกาหลีเหนือได้ระบุว่า ปัจจุบันนี้ ผู้คนใช้ คอมพิวเตอร์มากขึ้น และคนจำนวนมากก็ต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แม้ว่าขณะนี้เกาหลีเหนือเองจะยังมีความก้าวหน้า ทางด้านอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ไม่มากนัก แต่ ในอนาคต เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นที่นิยมมากขึ้น สำหรับปัจจุบันนี้ การใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศดังกล่าว ยังเป็นไปอย่างมีข้อจำกัด โดยอินเตอร์เน็ตนั้นจะมีให้ใช้เฉพาะในโรงแรมใหญ่ๆ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวง คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยวเท่านั้น ในส่วนของ เครื่องดื่มสำหรับนักคอมพิวเตอร์ สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ ของเกาหลี เหนือ แจ้งว่า เป็นเครื่องดื่มที่สถาบันวิจัยพืช ได้นำออกมา เปิดตัวและได้นำไปทดสอบกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งผลปรากฏว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว จะมีความปวดล้า กล้ามเนื้อตาน้อยลง เครียดน้อยลง โดยเครื่องดื่มดังกล่าวนั้น มีส่วนผสมของผลไม้และต้นไม้ มีกลิ่นหอม รสเปรี้ยว และหวาน.

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ การคิดวิเคราะห์ และเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและการเรียนรู้แบบสืบ

การเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ การคิดวิเคราะห์ และเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้

เรื่องปฏิกิริยาเคมี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

The Comparison of Integrated Science Process Skills Analytical Thinking and Scientific Attitude Between Using Project Learning Approach and Scientific Inquiry Approach of Mathayomsuksa Four Students on

Chemical Reaction Topic in Science Subject

ไชยยันต์ จรูญเสาวภากิจ (Chaiyan Jarunsawapagit)*

ดร.นิราศ จันทรจิตร ( Dr. Nirat Jantarajit )**

จีระพรรณ สุขศรีงาม (Jeeraphan Suksringarm )***

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ การคิดวิเคราะหและเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 80 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2549 โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่มๆละ 40 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบโครงงาน และการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ เรื่องปฏิกิริยาเคมี จำนวนๆละ 6 แผน แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ แบบวัดการคิดวิเคราะห์ และแบบวัดเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบสมมติฐานใช้ t – test และ One Way ANCOVA ผลการวิจัยพบว่าแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.83 / 77.50 และ 80.17 / 76.13 ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 75 / 75 มีค่าดัชนี ประสิทธิผลของการเรียนเท่ากับ 0.6920 และ 0.6735 ตามลำดับ และนักเรียนที่เรียนโดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานและการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้มีคะแนนเฉลี่ยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรขั้นบูรณาการ การคิดวิเคราะห์ และเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์หลังเรียนแตกต่างกันมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยสรุปนักเรียนที่เรียนโดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบโครงงานมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นบูรณาการ การคิดวิเคราะหและเจตคติเชิงวิทยาศาสตร์มากกว่านักเรียนที่เรียนโดยกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ จึงสมควรแนะนำให้ครูนำไปใช้ในการสอนวิทยาศาสตร์ต่อไป

คำสำคัญ : การสอนแบบโครงงาน การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้

ey words : Project learning approach , Scientific Inquiry Approach

K

* นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

** อาจารย์ ภาควิชาหลักสูตรและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

***อาจารย์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม


ABSTRACT

The research aims were to compare the integrated science process skills, analytical thinking and scientific attitude of mathayomsuksa four students learning form project learning approach and scientific inquiry approach. The sample consisted of 80 Mathayomsuksa four students, studying in the first semester of 2006 academic year at Ratchasima witthayalai School. The sample were devided into two groups of 40 students. The sample were selected by the use of the cluster random sampling technique. The research tools consisted of 6 learning plans on chemical reaction topic in science subject for the experimental group ; the test on integrated science process skills ; the test on analytical thinking ; the test on scientific attitudes. The collected data were analyzed by the uses of a percentage, a mean, standard deviation, a t - test, and an One Way ANCOVA. The major finds of the research were as follows: The project learning approach and the scientific inquiry approach which plan up had capacity of 82.83 / 77.50 and 80.17 / 76.13 as following , which was higher than the standard of 75 / 75 and had more capacity of effectiveness index 69.20 % and 67.35 % as following. The experimental group students taught by the project learning approach and the experimental group students taught by the scientific inquiry approach as whole as gains in mean scores of integrated science process skills, analytical thinking and scientific attitude were different at the .05 level of significance. In conclusion, the students learnt basic science using the project learning approach indicate more integrated science process skills, analytical thinking and scientific attitude than the scientific inquiry approach. Science teachers should be encouraged to implement this method of teaching in their classes.

จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครูโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต 2

พิชิต อ่วมจันทร์
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

วัตถุประสงค์
- เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของค รูโรงเรียนมัธยมศึกษา จำแนกตามประสบการณ์ในการสอน ประสบการณ์ในการอบรม และขนาดโรงเรียน

วิธีการวิจัย
- ขั้นตอนการศึกษาเริ่มจากการรวบรวมข้อมูลกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูปฏิบัติการส อนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรี เขต 2 จำนวน 201 คน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื้อมั่นเท่ากับ 0.99 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test ANOVA และเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ด้วยวิธีเชฟเฟ

ผลการศึกษา
การจัดก ารเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญในด้านการเตรียมการสอน การสอนและการประเมินผล แตกต่างกัน และครูที่มีประสบการณ์ในการอบรม หรือปฏิบัติงานในโรงเรียนที่มีขนาดต่างกัน มีผลต่อการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

สรุป
- ผลการศึกษาแสดงว่า การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้านการสอน การเตรียมการสอน และการประเมินผล อยู่ในระดับมากตามลำดับ ส่วนครูที่มีประสบการณ์ในการอบรมมากสามารถจัดการเรียนการสอนได้ดีกว่าครูที่ มีประสบการณ์ในการอบรมน้อย และครูที่ปฏิบัติการสอนในโรงเรียนขนาดใหญ่สามารถจัดการเรียนการสอนได้ดีกว่า ครูที่ปฏิบัติการสอนในโรงเรียนขนาดกลางและขนาดเล็ก


จากการประชุมวิชาการ เสนอผลงานวิจัยบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 1
เรื่อง บัณฑิตศึกษาเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
30-31 มกราคม 2550 ณ อาคารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การสร้างบทเรียนเรื่องความน่าจะเป็นสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้สถานการณ์จำลองที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

The Construction of Probability Lessons for Mathayom Suksa III Students

by Using Simulation to Enhance Mathematics Problem Solving Abilities.

อรอุมา กลิ่นโลกัย (Onuma Klinlokai)*

อดิศักดิ์ พงษ์พูลผลศักดิ์ (Adisak pongpullponsak )**

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของบทเรียนเรื่องความน่าจะเป็นและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์โดยการเรียนการสอนแบบปกติกับการใช้สถานการณ์จำลองที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ โดยใช้วิธีจำแนกกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อน โดยฝึกการแก้ปัญหาผ่านสถานการณ์จำลองที่กำหนดให้ สำหรับเครื่องมือวัดที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินพฤติกรรม และแบบสอบถามวัดแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ จากการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากบทเรียนที่ใช้สถานการณ์จำลองที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์มีค่าสูงกว่าบทเรียนแบบปกติ และ การเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จำลองที่ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การประเมินพฤติกรรม และแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ของผู้เรียนในกลุ่มเก่ง กลุ่มปานกลาง และกลุ่มอ่อนสูงกว่าการเรียนการสอนแบบปกติ

ABSTRACT

The purpose of this research is to establish and determine efficiency of learning probability lessons and to compare the learning effectiveness of mathematics teaching between conventional method and simulation to enhance mathematics problem solving abilities. Students were separated by ability into three groups including excellent, medium and low levels by using simulation to enhance mathematics problem solving. The data collecting tools were learning effectiveness evaluation from achievement tests, behavior assessment from motivation to success in learning mathematics evaluation. The research results indicated that the efficiency and learning effectiveness in using simulation to enhance mathematics problem solving abilities was higher than those of conventional methods. We found that the simulation to enhance mathematics problem solving abilities yielded a good learning effectiveness, behavior assessment of those who were excellent, medium and low levels, were higher than those with the conventional method.

คำสำคัญ : เรื่องความน่าจะเป็น สถานการณ์จำลอง การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์

Key words : Probability Lesson, Simulation, Mathematics Problem Solving

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

**รองศาสตราจารย์ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการและการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

Integrated Marketing Communication Customer Relationship Management of

Hotel and Resort in Pakchong district Nakhonratchasima Province

อนุสสรา สมใจเพ็ง (Anussara Somjaipang)*

ดร.บุษยา วงษ์ชวลิตกุล (Dr.Busaya Vongchavalitkul)**

วิรัช สงวนวงศ์วาน (Wirat Saguanwongwan)***

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงประเภทการใช้เครื่องมือการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) และศึกษาระดับการใช้การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผลการวิจัยพบว่า ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ในเขตอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา มีการใช้เครื่องมือการสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ในด้านการโฆษณาทางแผ่นพับ การเป็นสปอนเซอร์ให้กับกิจกรรมต่างๆ การจัดทำเว็บไซต์เกี่ยวการให้บริการของธุรกิจ และยังเน้นการให้บริการและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็ว และมการใช้การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ในด้านการสร้างความแตกต่างทางธุรกิจ โดยเลือกการตั้งราคาที่พักให้มีความแตกต่างกัน และมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการที่แปลกใหม่ อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในอนาคตได้ ซึ่งการพัฒนารูปแบบของธุรกิจมาจากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการต่างๆของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม ตลอดจนเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของลูกค้าในการใช้

บริการด้านต่างๆ

ABSTRACT

The objectives of the research are to study the Integrated Marketing Communication (IMC) and Customer Relationship Management (CRM) tools practiced by selected hotels and resorts located in Pakchong district, Nakornratchasima province. The research found resort and hotel industry is using integrated marketing communication in forms of flyers, sponsorship and website promotion. The IMC tool is focusing on providing customer’s solution to their need and delivers the service right on time. Also, CRM is practiced to make market differentiation through out setting levels of room rates available to different types of targets. Business development is guided by gathering customer’s behavior and service satisfaction data in every types of target.

คำสำคัญ : ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท การสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการ การบริหารลูกค้าสัมพันธ์

Key words : IMC, CRM, Hotel and Resort

* นักศึกษาหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

** คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

*** รองศาสตราจารย์ หลักสูตรบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การหาแนวทางบริหารจัดการขยะ กรณีศึกษาชุมชนหินตั้งและชุมชนแก่นนคร อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา

A Suitable Solid Waste Disposal Management Case Study : Hintung Munity , Keannakhon Community in Sugnern District At Nakhonratchasime Province

อนุชาติ มากกลาง (Anuchat Makklang)

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สงวน วงษ์ชวลิตกุล (Dr.Sanguan Vongchavalitkul)∗∗

ดร.มานพ ศรีตุลยโชติ (Dr.Manop Sritulyachot)∗∗∗

บทคัดย่อ

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะหาแนวทางบริหารจัดการขยะในทั้งหมด 4 รูปแบบ ซึ่งได้แก่ โครงการจัดตั้งโรงงานคัดแยกขยะเพื่อการคัดแยก โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพและโครงการจัดทำพื้นที่ฝังกลบขยะมูลฝอย

การดำเนินการศึกษาจะกระทำโดยศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่กรณีศึกษา 2 พื้นที่คือพื้นที่ชุมชนหินตั้งและพื้นที่ชุมชนแก่นนคร อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา โดยพื้นที่กรณีศึกษาทั้ง 2 พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในแต่ละวันจะมีจำนวนของปริมาณขยะไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับปริมาณของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ จึงมีความจำเป็นต้องทำการจำลองสถานการณ์ของปริมาณขยะที่มีขึ้นต่อความไม่แน่นอนของนักท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการขยะตามสี่แนวทางข้างต้น ในลักษณะของการวิเคราะห์โครงการหาผลตอบแทนการลงทุน

ผลการศึกษาพบว่าโครงการผลิตปุ๋ยชีวภาพ ฝังกลบมีอัตราผลตอบแทนทางการลงทุนสูงกว่าการจัดการขยะในแบบอื่น

ABSTRACT

The objectives of this study are to compare the projects cost and their benefits in finding a suitable solid waste disposal management for 4 projects system. The 4 projects systems are following as the recycling factory, the composted fertile factory, the organic fertile factory and the sanitary landfill. The two sites in Hintung and Kaennakorn community on Sungnuen District at Nakornrachasima are used as case studies in this study. The case study areas are famous for tourisms, so they are a lot of tourist come to visit. Amount of solid waste disposal in each day could not be estimate. Then, the simulation is needed to predict amount of solid waste disposal for finding a suitable solid waste disposal management. The result of this study indicated that the organic fertile factory and the sanitary landfill are given high Internal Rate of Return.

คำสำคัญ: โรงงานคัดแยกขยะ โรงงานปุ๋ยอินทรีย์ พื้นที่ฝังกลบขยะมูลฝอย

Key words: Recycling factory, Composted fertile factory, Sanitary landfill

นักศึกษาบัณฑิตวิทยาลัย สาขาวิชาการจัดการงานวิศวกรรม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จ.นครราชสีมา 30000

∗∗ อาจารย์ประจำ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จ.นครราชสีมา 30000

∗∗∗อาจารย์ประจำ สาขาวิชาการจัดการงานวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล จ.นครราชสีมา 30000



จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

gift for dekrakpa มอบจากหัวใจถึงหัวใจ ไม่เน้นปริมาณ สู่เด็กรักป่า

หากในบ้าน, หอพักของคุณใน กทม. มีสิ่งของ, หนังสือ,
เสื้อผ้าเก่าๆที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาใช้เลย
หลายท่านอยากที่จะบริจาคสิ่งของเหล่านี้ให้ผู้ด้อยโอกาสในชนบทแต่ไม่มีโอกาสเสียที
และสิ่งที่อยากจะมอบให้ ก็มีเพียงน้อยนิด ดูไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ค่าขนส่ง
ค่าไปรษณีย์  แต่ตอนนี้ มีโอกาสที่จะได้มอบสิ่งของที่คุณไม่ใช้แล้ว
อย่างสะดวกกว่าที่คิด



    

     ชมรมศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูล โดยคุณนิด ขนิษฐา ศิริพล
ได้จัด
โครงการผ้าป่าหนังสือเพื่อเด็กรักป่า  ในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย.51
ที่ศูนย์ศึกษาศิลปะธรรมชาติเด็กรักป่า ต.สำโรง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 

โดยมอบหนังสือและสิ่งของต่างๆให้เด็กๆ ใน 3 โรงเรียน ( รร.แสลงพันธ์, รร.บ้านสำโรง,
รร.บ้านทัพกระบือ) และ 4 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน


 


        จากการสำรวจพื้นที่
พบว่าในพื้นที่ยังมีความต้องการสิ่งของต่างๆมากมาย


 


           หากในบ้าน หรือหอพักของคุณ
มีสิ่งของเหล่านี้


           
- หนังสือเก่าๆ



            -
เสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้หยิบมาใส่เลย เก็บไว้เฉยๆ



            - ของเล่น,
ตุ๊กตาที่ไม่ได้เล่นแล้ว หรือมีเยอะจนเกินไป



            -
อุปกรณ์กีฬาที่ไม่ได้ใช้แล้ว



            -
สิ่งของที่อยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ หรือชำรุดบ้างแล้ว
แต่พอที่จะซ่อมแซมกลับมาใช้ใหม่ได้



            - ฯลฯ



 


           
สิ่งของต่างๆเหล่านี้ แม้จะมีเพียง 1 ชิ้น หรือ 2 ชิ้น
หากเป็นสิ่งที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ เก็บไว้ให้เก่าไปเรื่อยๆ จนดูไร้ค่าลงไปทุกวัน
สามารถส่งมอบไปให้เด็กรักป่า และเยาวชนด้อยโอกาสในจังหวัดสุรินทร์ได้ทันที


 





 



ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนเด็กรักป่า บ้านแสลงพันธุ์

 


 

Clip video บรรยากาศการสำรวจห้องสมุดโรงเรียนบ้านสำโรง เมื่อ 9
มิ.ย.2551


คลิปวิดีโอการสำรวจพื้นที่โครงการฯ
ที่ห้องสมุด รร.แสลงพันธุ์ จ.สุรินทร์



           


           
20-21 มิ.ย.2551 นี้ เชิญชาว Mblog และผู้สนใจ ร่วมทำบุญ
ส่งมอบสิ่งของจากใจที่ท่านเคยใช้แล้ว มอบผ่านทางคุณนิด ซึ่งอยู่ใน กทม.
เพื่อนำไปมอบให้เด็กๆในชนบท




จะติดต่อได้ที่ไหน


        ติดต่อสอบถาม
นัดหมายคุณนิดได้ทาง



           kssister@gmail.com


 


       โทรสายตรง. 086-8796058 (ช่วงวันศุกร์-เสาร์
ติดต่อทางโทรศัพท์เท่านั้นนะครับ)





จะมอบสิ่งของให้ได้อย่างไร


        โทรติดต่อสอบถามที่เบอร์ 086-8796058 หากท่านแวะผ่านมาแถวๆศาลาว่าการ กทม.
สามารถติดต่อแวะมามอบสิ่งของได้ หรือแจ้งว่า ท่านอยู่ละแวกไหน
อาจพบกันในบริเวณใกล้เคียงกันได้ ซึ่งท่านอาจจะนำมามอบให้ด้วยตัวเอง
หรืออาจรวบรวม+ฝากใครมามอบให้ได้ ตามสะดวก เพื่อเป็นการประหยัดเวลา


จะติดตาม
ตรวจสอบได้อย่างไร


       
มีการบันทึกคลิปวิดีโอ กิจกรรมที่เกิดขึ้นมาเผยแพร่ต่อไป และในช่วงเย็นวันที่ 27
มิ.ย.2551 สามารถติดตามฟังวิทยุชุมชนออนไลน์ทาง Internet รับฟังการสัมภาษณ์ อ.วิทยากร เชียงกูล ประธานอำนวยการโครงการผ้าป่าหนังสือ
ให้สัมภาษณ์สดๆ     ทาง วิทยุชุมชนเด็กรักป่า
http://www.surin108.com/radio/



 


 


 




 


กำหนดการวันทอดผ้าป่าหนังสือเพื่อเด็กรักป่า



ศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2551




ช่วงเย็น




1.อ.วิทยากร เชียงกูล พูดคุยกับทีมเด็กรักป่าในรายการของวิทยุชุมชนเคลื่อน 96.75



http://www.surin108.com/radio/


2.จัดงานวัด+เปิดงาน เพื่อต้อนรับคณะผ้าป่าฯ โดย อ.วิทยากร


3.แจกคูปอง (ใบไม้) เพื่อจับจ่ายซื้ออาหาร ข้าวของต่างในบริเวณงานวัด



-เกมการละเล่นในงานวัด อาทิ โยนห่วง ปาเป้า และรับของรางวัล


-รับประทานอาหารร่วมกัน




ประมาณ 19.30 น.


1.การแสดงละครเวที เรื่อง ตูมกา และ ละครใบ้ โดย กลุ่มเด็กรักป่า





รูปแบบละครเวที




2.ประชุมปรึกษาหารือในคณะผ้าป่า






เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2551




7.30 น. รับประทานอาหารเช้า


เดินป่าทัศนะศึกษาเส้นทางธรรมชาติ


9.00น. ทอดผ้าป่าหนังสือ+มอบทุนการศึกษา (โดยอ.วิทยากร )


11.00 น. ถวายภัตตราหารแด่พระสงฆ์ รับพร


บายศรีสู่ขวัญ


รับประทานอาหารร่วมกัน



 




 


 

ผลงาน 96 วาดภาพของนักเรียนในตำบลสำโรง อ.เมือง จ.สุรินทร์

ตัวอย่าง เรียงความเรื่อง ความรัก ความผูกพัน ชุมชนของฉัน


 


 


           
สำหรับผู้สนใจร่วมทำบุญครั้งนี้ โทรสอบถามที่คุณนิด 086-8796058  นายบอน
กาฬสินธุ์ ก็ตามไปด้วย แวะมาพบปะพูดคุย เจอกันตัวเป็นๆ ด้วยความจริงใจนะครับ



 





คลิปแนะนำ คณะทำงานส่วนหนึ่ง

 




         
 
อย่าลืมกลับไปดูสิ่งของที่บ้าน, หอพัก สิ่งของที่เป็นของท่าน
เคยหยิบจับใช้งานมาแล้ว เพื่อให้เด็กในชนบทได้สัมผัสหัวใจของท่าน

จากสิ่งของที่เป็นของท่านมาแล้ว


 


       
นี่คือ ของขวัญจากหัวใจที่มีความหมายยิ่งใหญ่ แม้จะเพียงไม่กี่ชิ้นก็ตาม


การสร้างแรงจูงใจนักศึกษาด้วยการเขียนเพื่อลงพิมพ์ในเว็ปไซต์

Enhancing Students’ Motivation though Web Publishing


Sorachai Chavangklang (สรชัย ชะวางกลาง)*

Dr. Jitpanat Suwanthep (ดร.จิตพนัส สุวรรณเทพ)**

Dr. Sanooch Segkhoonthod (ดร.สานุช เสกขุนทด)***

Dr. Thai Tipsuwannakul (ดร.ไทย ทิพยสุวรรณกุล)****

ABSTRACT

The purpose of the present study were 1) to investigate whether Web publishing enhances students to write; 2) to determine how Web publishing affect motivation to write of students with different proficiency levels, genders and fields of study. The participants were 239 first year students who enrolled the English 1 in the first semester of academic year 2005 at Nakhonrachasima College. Participants wrote two essays during their English course, one was published on a website, the other was not. Results from the t-test analysis have shown that there is no significant difference between the length and the score of published essay and unpublished essays. However, mean number of drafts were found to be significantly different at 0.05 level with essays written by low proficiency female participants. It has also been found that in many occasions published essays gain better results over the unpublished ones, mostly from the low proficiency group, especially female. Moreover, some positive results for published essays also occur with computer related groups.

บทคัดย่อ

จุดประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้ คือ 1) เพื่อศึกษาว่าการเขียนเพื่อลงพิมพ์ในเว็ปไซต์มีผลต่อการสร้างแรงจูงในของนักศึกษาหรือไม่ และ 2) เพื่อศึกษาว่าการเขียนเพื่อลงพิมพ์ในเว็ปไซต์มีผลต่อการสร้างแรงจูงในของนักศึกษาอย่างไร เมื่อเปรียบเทียบตามกลุ่มสาขาวิชา เพศ และความสามารถด้านภาษาอังกฤษของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาปี 1 ของวิทยาลัยนครราชสีมา ที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548 ในการเรียนรายวิชาภาษาอังกฤษ 1 นักศึกษาเขียน Essay 2 เรื่อง โดยมีหนึ่งเรื่องนำไปลงเว็ปไซต์ของวิทยาลัย ผลการศึกษาพบว่านึกศึกษาเขียน Essay ทั้งสองเรื่องไม่แตกต่างกันทางสถิติทั้งด้านจำนวนร่าง ความยาวของเรื่อง และคะแนนที่ได้ อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างด้านค่าเฉลี่ยที่พบว่า Published essay มีจำนวนร่าง ความยาว และคะแนน สูงกว่าUnpublished essay ในกลุ่มนักศึกษาหญิงที่มีระดับความสามารถภาษาอังกฤษต่ำ และนักศึกษาที่เรียนสาขาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์

Key words : Motivation, Web publishing

คำสำคัญ : แรงจูงใจ การลงพิมพ์ในเว็ปไซต์

* นักศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สำนักวิชาเทคโนโลยีสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

** อาจารย์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สำนักวิชาเทคโนโลยีสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

*** อาจารย์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สำนักวิชาเทคโนโลยีสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

**** รองศาสตราจารย์ ฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑืตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007


วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

บำรุงสุขภาพด้วยกระเทียม 12 กลีบเป็นสมุนไพรมีสารพัดประโยชน์

รศ.พร้อมจิตต์ ศรลัมภ์ รองคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า กระเทียมเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ที่คนไทยคุ้นเคยกันมานาน ในหัวกระเทียม มีสารเป็นประโยชน์ต่อร่างกายคือ น้ำมันหอมระเหย วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก แมงกานีส แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งน้ำมันหอมระเหยมีสารที่มีซัลเฟอร์ เป็นองค์ประกอบอยู่หลายชนิด ทำให้กระเทียมมีกลิ่นรุนแรง ส่วนสารสำคัญ ในกระเทียมคือ อาลิอิน ถ้าหากหั่นกระเทียม ความร้อนหรืออากาศ จะทำให้เอนไซม์ในกระเทียมจะย่อยสลายอาลิอินให้เป็นอา ลิซิน เป็นสารที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโรคหวัด อาการไอ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่าง กายให้เพิ่มขึ้น รองคณบดีคณะเภสัชศาสตร์กล่าวต่อว่า นับว่าเป็นสิ่งที่ดีที่มีกระเทียมอยู่ในจานอาหาร ช่วยแต่งกลิ่น แต่งรส ซึ่งการรับประทานกระเทียมสด จะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก เช่น อาจซอยกระเทียมใส่ในยำ หรือในน้ำปลาพริก โดยให้รับประทานวันละ 7-12 กลีบ เนื่องจากรับประทานมากอาจจะระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะคนที่แพ้ บางคน ไวต่อสารในกระเทียม อาจมีอาการปวดท้องได้ รศ.พร้อมจิตต์แนะให้รับประทานฝรั่งระงับกลิ่นปากหลังรับประทานกระเทียม น้ำมันหอมระเหยในฝรั่งจะไปกลบกลิ่นกระเทียม.

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

หลักเกณฑ์เลือกเลขาของนายจ้างดีเด่น\'สมภารต้องไม่กินไก่วัด

อดีตนายจ้างดีเด่นหลายๆ สมัย มาร่วม แสดงความยินดีและร่วมรับเลี้ยง จากเจ้าสัวซี.พี. "วัลลภ เจียรวนนท์" ที่ได้รับเลือก เป็นนายจ้างดีเด่น ประจำปี 2546 ของ สมาคมเลขานุการฯ ที่ปาร์ค สวนพลู ของกรรณิกา ศิริกันตราภรณ์ อดีตนายจ้างดีเด่นของปี 2545 ภายในงานเจ้าภาพสั่งการเอง ขอของตกแต่งเป็นของซี.พี.ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพืช ผัก ดอกไม้ แม้แต่ของชำร่วย ก็เป็นพระที่ทางซี.พี.จัดทำขึ้น รวมทั้ง อาหารบางจานด้วย มาถึงความสนุกสนานรื่นเริงที่ทาง ซี.พี.จัดอีกเช่นกัน เป็นการร่วมร้องคาราโอเกะ ที่เนื้อร้องเป็นโฉนดแผ่น ใหญ่ สำหรับบรรดาบิ๊กบอสและเลขาฯรุ่นใหญ่ทั้งหลาย โดยเป็นทีวีจอยักษ์ ซึ่งขึ้นเนื้อร้องที่ล้วนแต่เป็นเพลงโอลดี้สมวัยผู้ร้อง อย่างบัวขาว ร่มมลุลี จึงเป็นที่สนุกสนานเพลิดเพลินสมวัย!!! พร้อมกันนี้ยังมีเคล็ดลับการเลือกเลขาฯในแบบของบอสออ ฟเดอะเยียร์ทั้งเก่าและใหม่มาฝากด้วย สำหรับบอสอย่าง เจ้าสัววัลลภ ซึ่งออกตัวว่า เป็นคนดาวน์ ทู เอิร์ธ หรือเรียกง่ายๆ ว่า ติดดิน เลขาฯของคุณวัลลภจึงเน้นไปที่มีมารยาท มีความซื่อสัตย์ สามารถเข้ากับทุกคนได้ ความรู้สูงก็ไม่ใช่คุณสมบัติที่น่า เลือก ส่วนบอสบางคนที่มักจะเลือกเลขาฯประเภทขาวสวยหมวยเอ็กซ์นั้น คุณวัลลภบอกว่า ไม่ใช่สเปกแน่นอน!! แต่บางคนอาจจะต้องไปออกงานกับเจ้านาย ก็คงจำเป็น แต่สำหรับตัวเองแล้วอยู่แต่ในสำนักงาน หรือถ้าออกงานก็เป็นงาน แบบการกุศลและรับใช้เบื้องพระยุคลบาท จึงต้องเป็นคนที่มีมารยาท ไม่ใช่แต่งตัวชะวิบชะวับ แต่เข้ากับใครไม่ได้ก็คงจะเมิน โอกาสนี้คุณวัลลภยังเตือนสติแถมท้ายอีกว่า หาก บอสคนใดที่ชอบกินไก่วัดก็จะเสียการปกครอง และอยากจะเตือน เลขาฯหลายคนที่ชอบแต่งตัวโป๊ๆ ใส่เสื้อคอลึกอยู่ตลอดนั้น เลขาฯก็เป็นอาชีพที่มีเกียรติ อย่าทำเพื่อสนองอารมณ์ของตัวเอง หรือใครบางคนเท่านั้น ส่วนบอสออฟเดอะเยียร์ปีที่แล้ว นางกรรณิกา ศิริกันตราภรณ์ เจ้าของปาร์คสวนพลู ให้ทรรศนะว่า เป็นผู้หญิงเหมือนกันคุยกันได้หมดใจ และเป็นคนที่ดูแลลูกน้อง แบบคนในครอบครัว เป็นพี่เป็นน้องกัน ทำงานด้วยกันก็ ให้เขารู้สึกอบอุ่น ไม่ได้วางใจเป็นเจ้าใหญ่นายโต ส่วนสเปกเลขาฯนั้น ขอเพียงแค่ให้ทำงานเข้ากันได้ และมีความรู้ความ สามารถ ส่วนความสวยไม่สำคัญ เพราะไม่สวยแต่เขาอาจดูดีได้ ท้ายสุดเป็นสเปกเลขาฯจากบอสดีเด่นปี 44 เกรียงศักดิ์ ศรี ศิลปวงศ์ เล่าถึงสเปกพร้อมชี้ให้ดูเลขาฯไปด้วยว่า เลขาฯผมเน้นเข้ากันได้ กิริยา ท่าทาง น้ำเสียงให้ความเป็นกันเอง และพูด คุยภาษาเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสวย แต่ดูแล้วสบายตา สบายใจก็พอ ส่วนประเภท "สมภารกินไก่วัด"ผมว่า บอสคนไหนเจ้าชู้ มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เราทำงานต้องให้เกียรติกัน หากมีเรื่องแบบนี้ ผมว่าระบบการปกครองในบริษัทเสียหมด สำหรับผมแล้วเมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานบริหาร ผมก็ทำให้ดีที่สุด ไม่ได้แสดงว่าผมอยู่เหนือใคร ส่วนเลขาฯก็ต้องทำ หน้าที่ของเขาให้ดี รู้จักขอบเขตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนายหรือเลขาฯ ทำงานให้ดีเป็นพอแล้ว.

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เทคนิคเสริมสวยแผนใหม่ไม่ใช้มีดขจัดผิวหนังเหี่ยวย่นลบรอยตีนกา

ผู้หญิงจะสามารถรักษาความสวยงามให้ยืนนาน ด้วยวิทยาการแผนใหม่ โดยไม่ต้องเจ็บตัวกับมีดหมอผ่าตัด แต่สามารถขจัดรอยเหี่ยวย่นตีนกา และรักษาผิวหนังให้คงเต่งตึงได้ วิทยาการเสริมสวยแผนใหม่ เรียกว่าวิธี "เธอเมจ" ใช้คลื่นความถี่วิทยุเป็นเครื่องมือ อบหรือดึงผิวหนังบริเวณแถว ตาและหน้าผากให้กลับตึง องค์การอาหารและยารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติมาแต่ปลายปีที่แล้ว ดร. แรนดอลล์เรินนิก แห่งสถาน พยาบาลเมโยอันมีชื่อเสียงกล่าวว่า "มันไม่ใช่ถึงกับใช้แทนศัลยกรรมตกแต่งหน้าให้ดูอ่อนวัยเสียทีเดียว เหมาะกับผู้ที่อยู่ในวัย กลางคนไปจนถึงวัยห้าสิบ ซึ่งผิวหนังชักจะเริ่มเหี่ยวย่นลง" หมอศัลยกรรมตกแต่งจะใช้การปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ ลงไปอบข้างใต้ผิวหนังบริเวณส่วนที่ต้องการให้กลับเต่งตึงขึ้นใหม่ เพื่อให้โปรตีนเส้นใยส่วนประกอบสำคัญของหนังและเอ็นหดตัว ถึงจะไม่มีการใช้ยาชา แต่คนไข้ก็เผยว่ารู้สึกร้อนๆ และเจ็บเหมือนถูกหยิกเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาด้วยวิทยาการ ใหม่นี้ ไม่ทำให้เห็นผลทันตา จะต้องอดใจรอดูไปเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน นอกจากนั้นหมอโรคผิวหนังยังได้เตือนว่า "อย่าไปคิดหวังผลเลิศไว้สูงนัก อาจจะแค่เพียงสมหวังสัก 30% อย่างเช่นผู้ที่หวังจะไปลบเหนียงตรงคอหรือลบรอยย่นที่หน้าผากมากตั้ง 4 มม. หากมันหายหมดไปแค่สัก 1-2 มม. ก็น่าจะพอใจแล้ว".

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551

บันทึกรัก ฯ - ขอโทษนะ

คุณจ๋า รักฉันเหมือนเดิมมั้ย ขอโทษนะที่บางครั้งทำให้เสียใจ




รักษาความดันโลหิตสูงด้วยอาหาร ได้ผลไม่แพ้กับใช้ยาขับปัสสาวะ

นักวิจัยสองชาติศึกษาพบว่า การหันมากินอาหาร ควบคุมที่ไขมันต่ำ มีผักผลไม้เป็นหลัก สามารถรักษาความดันโลหิตให้ลดต่ำลงได้ ไม่แพ้กับการกินยาขับปัสสาวะ สมาคมโรคหัวใจและรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เคยบอกแนะนำมาก่อนหลายปีแล้ว ให้ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง เปลี่ยนมาควบคุม อาหารการกินเสียใหม่ เพื่อลดความดันโลหิตลงง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ยา เพียงแต่ว่ายังไม่เข้าใจว่า เหตุใดความดันโลหิตถึงลด ลงได้ แต่บัดนี้ นักวิจัยกล่าวว่า ได้ศึกษาพบว่า อาหารที่ควบคุมจะมีแร่ธาตุโปแตสเซียมและแคลเซียมสูง จึง ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายเกลือที่ตกค้างออกมาได้มาก ไม่น้อยกว่าจากการกินยา ดร.เกนจิโร คิมูรา แห่งบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนาโกยาของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การกินอาหารที่ควบคุม ยังอาจป้องกันโรคได้ด้วย หากเรากินอาหารแบบนี้กันมาตั้งแต่เด็ก "ผมคิดว่า โตขึ้นเราก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมัน แม้จะยังไม่มีข้อมูลยืนยันอันนี้".

วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ความลับ ของบ้านผีสิง

ในประเทศอังกฤษ บ้านผีสิงเป็นสิ่ง ที่หาง่าย เหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะไม่ว่าจะเป็นปราสาทเก่าแก่ หรือคฤหาสน์อายุ หลายร้อยปี ซึ่งมีอยู่เป็นอันมากใน ประเทศอันเก่าแก่ แห่งนี้ เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ มีนิยายเกี่ยวกับ ภูตผีปิศาจสิง สู่อยู่ด้วยทั้งนั้น

ดังเช่นคฤหาสน์หลังที่ ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงาน ต่วย\'ตูน จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ความน่าสะพรึงกลัวของมัน ไม่ใช่นำมาแต่ ความ หวาดหวั่นขวัญสยองเท่านั้น ยังนำมาซึ่ง ความตายอีกด้วย เหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 1852 ณ คฤหาสน์อันโอ่อ่า หลังที่เห็นอยู่ในรูป นั่นแหละครับ ซึ่งตระหง่านงาม อยู่ที่ปีเตอร์บอโร ในนอร์ธแธมป์ตันเชอร์ กล่าวกันว่า บุตรีสาวสวยของเจ้าของคฤหาสน์ ดูเหมือนจะไม่สมหวังในความรัก จึง ฆ่าตัวตาย แต่ทางบ้านปิดข่าวเงียบ เปิดเผยให้คนอื่นรู้กันเพียงว่า มาจอรี่ ฮอกินส์ ธิดาสาวสวยของท่าน เซอร์จอห์น ฮอกินส์ เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ ป่วยเป็นลมปัจจุบันเสียชีวิตเท่านั้น เวลาผ่านไปประมาณปีเศษ ญาติห่างๆคนหนึ่งของ ท่านเซอร์ก็เดินทางมาพักแรมอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ เป็นการพักผ่อนหย่อนใจหลังจากเหน็ดเหนื่อยกับงานในเมืองหลวงมานานครัน เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อสาวใช้นำถาดอาหารเข้าไปให้ มาสเตอร์เฮนรี่ ฮาร์ด ในห้องนอน เจ้าหล่อนก็ต้องหวีดร้อง สุดเสียง ปล่อย ถาดอาหารตกกระจายเกลื่อนพื้น แล้วหันหลังวิ่งแน่บไปจากที่นั่น ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า

“มาสเตอร์ฮาร์ด ! พระเจ้า ! มาดูมาสเตอร์ฮาร์ดกันเดี๋ยวนี้ น่ากลัวเหลือเกิน !”

ผู้ที่ได้ยินเสียงสาวใช้ ต่างก็วิ่งมาที่ ห้องพักของญาติเจ้าของบ้านโดยเร็ว ภาพที่เห็นเล่นเอาตกตะลึงจังงังกันไปหมดทุกคน เฮนรี่ ฮาร์ด แขวนคอตายกับขื่อกลาง ห้อง ใบหน้าของเขาน่ากลัวสุดพรรณนา นัยน์ตาโปนถลน ปากอ้า ลิ้นแลบออกมายาวเฟื้อย กล้ามเนื้อที่หน้าตึง เขม็งกลายเป็นสีเทา ไปเพราะขาดเลือดหล่อเลี้ยงมาหลายชั่วโมง ไม่มีหลักฐานแห่งความตายอันน่าสยดสยองของเฮนรี่ ฮาร์ด จึงได้แต่ลงความเห็นกันเพียงว่า เป็นการฆ่าตัวตายเท่านั้น เรื่องนี้คงจะเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้ที่ได้ยิน หากว่าอีกไม่กี่เดือนต่อมา เพื่อนสนิทของเฮนรี่ จะไม่เดินทาง ไปค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความตาย ของเพื่อนเกลอ ณ คฤหาสน์ฮอกินส์แห่งนี้ ลอร์ด ฮาร์วีย์ คัธเบิร์ท คือชายหนุ่มคนนั้น เขาเพิ่งได้รับบรรดาศักดิ์สืบต่อจากบิดา นับว่า เป็นคนหนุ่มที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยว แต่ก็สุภาพอ่อนโยน เหนือสิ่งอื่นใด เขามีความรักเพื่อนอย่างจริงจัง คัธเบิร์ทไม่เชื่อว่าคนอย่าง เฮนรี่ ฮาร์ด เพื่อนของเขา จะฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ เขารู้จักเพื่อนเกลอดีว่า ผู้ชายชอบสนุกร่าเริงและไม่มีปัญหาใดๆในใจ เลยอย่างฮาร์ด ไม่มีวันทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นเป็นอันขาด บิดาผู้ล่วงลับของเขารู้จักกับเซอร์ฮอกินส์เป็นอันดี เมื่อท่านลอร์ดคนใหม่แจ้งความจำนง ขอมาพักอยู่ที่คฤหาสน์ฮอกินส์สักพัก

เจ้าของบ้านจึงยินดีและเต็มใจ ต้อนรับอย่างยิ่ง มารู้สึกไม่ชอบมาพากลก็ตอนที่คัธเบิร์ทบอกว่า จะขอพักในห้องเดียวกับเฮนรี่ ฮาร์ด เพื่อนผู้ล่วงลับของเขานั่น เอง

“ลุงว่าอย่าดีกว่า หลาน-” เซอร์ฮอกินส์ปรามอย่างไม่สู้สบายใจนัก “-ลุงสั่งปิดตายห้องนั้นแล้ว ไม่ต้องการจะเห็น หรือพูดถึงมันให้ สะเทือนใจอีก”

“แต่ผมอยากจะใช้เวลาสักคืนอยู่ในที่ที่เฮนรี่เคยอยู่น่ะครับ คุณลุง” คัธเบิร์ทบอกอย่างเด็ดเดี่ยว แต่สุภาพนอบน้อม

“-อยากรู้ว่าในห้องนั้นมีบรรยากาศอย่างไร เพื่อนผมจึงทำเรื่องที่เขาไม่เคยคิดจะทำนี้ขึ้น”

“อย่าดีกว่าน่า ห้องอื่นสบายกว่าถมไป” เจ้าของคฤหาสน์ พยายามห้ามปรามด้วยสีหน้าไม่สบายใจหนักขึ้น

แต่ลอร์ดหนุ่มตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเสียแล้ว เจ้าของบ้านจึงไม่มี ทางเลือก นอกจากสั่งคนรับใช้ให้ทำความสะอาด ห้องที่ปิดตายมาหลายเดือน พร้อมทั้งจัดให้เป็นที่พักของลอร์ดหนุ่มผู้รักเพื่อน คืนนั้น ลอร์ดคัธเบิร์ทเข้านอนเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง เขาไม่สำเหนียกวี่แววความแปลกประหลาดในห้องนั้นเลย ไม่มีความรู้สึกหนาวเย็นเยือก ไม่มีเสียงผิดปกติให้ได้ยิน และก็ไม่มีกลิ่น หรืออะไรอื่นอันอาจมาจากโลกหนึ่งซึ่งเร้นลับเกินสาย ตาเห็น ขุนนางหนุ่มเดินไปเปิดหน้าต่างออก ลมหนาวเย็น พัดกรูเกรียวเข้ามาทันใด แต่เขาไม่สนใจไยดี ชะโงกตัวออกไปข้าง นอก แล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน ตอนนี้แหละถึงไม่ใช่คนกลัวและมีประสาทแข็งปานใดก็ตาม ชายหนุ่มก็อด เสียวสันหลังวาบไม่ได้ เพราะเหนือขึ้นไปจากหน้าต่างห้องที่เขาชะโงกอยู่ คือหน้าต่างห้องนอนของมาจอรี่ ฮอกินส์ ธิดาสาว สวยของเจ้าของบ้าน ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยวิธีใดไม่แจ้ง หน้าต่างห้องเจ้าหล่อนอยู่ตรงกับห้องเขาพอดิบพอดี “หวังว่ามาจอรี่คงไม่ลงมาหาเราในคืนนี้...” ลอร์ดหนุ่มนึกเล่นๆ แต่ก็อดขนลุกไม่ได้ ตามปกติ เขาเป็นคนชอบอากาศโปร่ง สบาย คัธเบิร์ทจึงไม่ปิดหน้าต่าง แต่เปิดไว้ให้แสงเดือนละไมส่องเข้ามาพร้อมกับลมดึกอันเย็นเยือก แล้วก็ม่อยหลับไปในไม่กี่ นาทีต่อมา หลังจากเอนหลังบนเตียงนอนอันแสนสบาย เมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีนั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว เสียงแผ่วเบาที่นอกหน้าต่าง ทำให้เขารู้สึกตัวตื่นจากนิทราอันแสนสุข ลอร์ดคัธเบิร์ทเบิกตามองไปยังหน้า ต่างที่เปิดกว้าง แสงจันทร์ส่องเข้ามากระจ่าง มองเห็นทุกอย่างถนัด เขาเห็นปลายเชือกหรือผ้าชิ้นยาวสีขาวๆ แกว่งกระทบขอบหน้าต่าง เกิดเสียงดังเบาๆ ในความเงียบสงบสงัด ขุนนางหนุ่มเกือบลุกขึ้นไปดูเสียแล้ว แต่ก็ยั้งใจได้ทัน เพราะในขณะนั้นมีอะไร บางอย่างปรากฏ ลงมาพร้อมกับปลายเชือกด้วย มันเป็นชายกระโปรงอันยาวพองบานพลิ้วของสตรี และท่ามกลางการจ้อง มองอย่างตะลึงงันนั่นเอง คัธเบิร์ทก็เห็นร่างหนึ่งโรยตัวรูดลงมาตามเชือกอย่างคล่องแคล่ว ปลายเท้าเหยียบขอบหน้าต่างของ เขา ส่งตัวเองเข้ามาในห้องอย่างง่ายดาย ร่างนั้นหันหน้ามาทางเขาเต็มที่ เปิดยิ้มอย่างเย้ายวนชวนให้เคลิ้มฝัน ขุนนางหนุ่มตกตะลึงจังงังเหมือนเป็นท่อนไม้ เบิกตาเพ่งดูหน้าอันงามและรอยยิ้มเย้ายวนชวนพิสมัยนั้นพลางอุทานเสียงแผ่วเครือ “มาจอรี่...” ร่างนั้นทำอาการคล้ายสะดุ้ง จ้องมองดูเขาเขม็ง และคัธเบิร์ทแทบเป็นลม ไปด้วยความหวาดหวั่นเมื่อ เห็นนัยน์ตา ทั้งคู่โปนออกนอกเบ้าจนถลนแทบหลุดพลัดออกมา ปากแสยะบิดเบี้ยว และลิ้นค่อยๆ แลบออกมาจุกปาก ! มันเป็นใบหน้าของคนที่แขวนคอตายชัดๆ “มาจอรี่...โอ ! พระเจ้าช่วย” ชายหนุ่มครางอีกครั้ง รู้สึกเหมือนจะตายไป ณ บัดนั้นด้วยความตระหนกตกใจ หญิงสาวผู้น่าสะพรึงกลัวหันกลับ คว้าปลายเชือกหรือผ้าชิ้นยาวๆ ชิ้นเดิมไว้แน่น แล้วส่ง ตัวเองด้วยวิธีเดิม สาวกลับไปข้างนอก หายลับไปจากหน้าต่างอย่างรวดเร็ว กว่าลอร์ดคัธเบิร์ทจะรู้สึกตัวก็เป็นเวลานาน เขาผุดลุกขึ้นวิ่งออกจากห้อง ตรงไปเคาะประตูห้องนอนเจ้าของบ้านอย่างร้อนรน แล้วเล่าเรื่องที่พบพานมาให้ฟัง เซอร์ฮอกินส์และคุณหญิง มีสีหน้าเศร้าหมอง แต่ไม่แสดงความประหลาดใจอย่างใด ท่านเซอร์บอกว่า “ลุงรู้แล้วละหลาน มาจอรี่เขายังอยู่กับเราตลอดเวลา ลุงจึงไม่อยากให้ใครไปนอนห้องนั้น เพราะเชื่อว่ามาจอรี่จะต้องออกมาให้เห็น คิดว่าเฮนรี่ก็คงเจอเข้าเหมือนกัน แต่มาจอรี่ไม่เคยเห็นหน้าเฮนรี่มาก่อน เธอจึงหลอกเขาจนกระทั่งต้องผูกคอตายตามไป” “แต่กับผม ทำไมเธอรีบหนีไปทันทีที่เรียกชื่อล่ะครับ คุณลุง?” ลอร์ดคัธเบิร์ทถามเสียงสั่น “คิดว่าคงเป็นเพราะมาจอรี่กับ หลานรู้จักกันน่ะซี เธอคงอายหลานจึงรีบหลบไป ถ้าหลานไม่รู้จักมาจอรี่ก่อน ป่านนี้อาจประสบชะตากรรมแบบเดียวกับเฮนรี่ไป แล้ว” ลอร์ดคัธเบิร์ทกลืนนํ้าลาย แล้วถาม “มาจอรี่เป็นอะไรตายครับ?” “ผูกคอตายกับขอบหน้าต่าง ร่างของเธอหลุดออกไปแกว่งโตงเตงอยู่นอกหน้าต่างเป็นนาน จนเย็นเหมือนนํ้าแข็ง ลุงคิดว่าเธอคงพยายามทำให้คนอื่นตาย ไปด้วยอาการแบบเดียวกัน คือแขวนคอตาย” “คุณลุงปิดเป็นความลับเงียบทีเดียวเรื่องความตายของมาจอรี่ ผม คิดว่าเธอเป็นลมตายเสียอีก” ลอร์ดหนุ่มพูดเหมือนต่อว่า เซอร์ฮอกินส์หน้าเศร้าลงไปอีก “ลุงอายคนอื่น จึงไม่บอกความจริงกับ ใครๆ หลานคิดดูเถอะ ฮาร์วีย์ มันน่าขายหน้าน้อยไปหรือที่ลูกสาวแขวนคอตายด้วยอาการสยดสยองขนาดนี้ ลุงก็เลยตัดสินใจ ไม่บอกความจริง” ลอร์ดฮาร์วีย์ คัธเบิร์ท ลากลับจากคฤหาสน์ ของเซอร์ฮอกินส์ในวันนั้นเอง เขาได้รับคำตอบ ที่มาค้นหาเรียบร้อยแล้ว มาจอรี่ ฮอกินส์ คงจะโหนเชือกที่เธอใช้ผูกคอตายเส้นนั้นลงมาหาเฮนรี่ผู้เคราะห์ร้าย แล้วเย้ายวนเขาด้วยประการต่างๆ จนเคลิบเคลิ้มทำตามคำพูดของเธอแล้ว ไปสู่จุดอันน่าสยองขวัญเช่นเดียวกัน... เรื่องนี้ฟังเหมือนเรื่องโกหก แต่เป็นเรื่องจริงจากบันทึกของลอร์ดคัธเบิร์ท ซึ่ง มาร์กาเร็ต นอร์แมน นำมาเขียนไว้ในหนังสือชื่อ “Haunted Houses” ฉบับพิมพ์ เมื่อปี 1964 ครับ.

ทีมงาน ต่วย\'ตูน และ กระดึง กังสดาล

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เตือนแม่"เวลาให้นมลูกอย่าสูบ\'\'ทำให้ลูกเสี่ยงกับเป็นหืดตอนโต

สาธารณสุขเตือนไม่ควรอุ้มเด็กขณะสูบบุหรี่ เนื่อง จากมีผลกระทบ ทำให้เด็กเล็กเสี่ยงป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่นปอดบวม โรคหอบหืด โรคหลอดลมอักเสบง่ายขึ้น โดยเฉพาะแม่สูบบุหรี่ขณะให้นมลูก มีโอกาสจะเป็นโรคดังกล่าวสูงถึง 95% โฆษกกระทรวงสาธารณสุข นางนิตยา จันทร์เรืองมหาผล เปิดเผยถึงอันตรายของบุหรี่ว่า นอกจากพิษจากควันบุหรี่จะทำลายสุขภาพคนสูบเองแล้ว ยัง มีผลต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีงานวิจัยในต่างประเทศ พบว่าทารกที่พ่อหรือแม่สูบบุหรี่ และอยู่ในห้อง เดียวกัน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ ในช่วงอายุขวบปีแรกสูง งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงพิษภัยควันหลงของบุหรี่ อย่างชัดเจน นักวิจัยพบว่า ยิ่งเด็กอยู่ใกล้ๆกับแม่ที่สูบบุหรี่มากเท่าใด จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคทางระบบทางเดินหายใจสูงมาก ขึ้น "โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในห้องที่แม่สูบบุหรี่ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ จนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล สูงกว่าแม่ที่สูบบุหรี่นอกห้อง สูงถึง 56% หากสูบบุหรี่ขณะอุ้มลูก จะมีความเสี่ยงร้อยละ 72 แต่หากสูบบุหรี่ขณะให้ลูกดูดนม ด้วยแล้ว ความเสี่ยงจะเพิ่มเป็น 95% ถ้าเทียบกับกลุ่มที่สูบบุหรี่นอกห้อง".

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คุมเข้มฟาร์ม-โรงฆ่าสัตว์แนะใช้สมุนไพรรักษาโรค

นายสัตวแพทย์ยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดพิธีทำสัตยาบันเลิกเกี่ยวข้องกับสารเร่งเนื้อแดงหรือสารกลุ่มเบตาอะโกนิสต์ไปแล้ว ทางกรมปศุสัตว์ ได้วางมาตรการคุมเข้มห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง โดยสั่งการให้ สารวัตรปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่สำนักงานปศุสัตว์ จังหวัด เข้าตรวจสอบในระดับฟาร์มเลี้ยงสุกรและโรงฆ่าสัตว์ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ต้องควบคุม กำกับดูแล และตรวจสอบการผลิตสินค้าปศุสัตว์ให้คุณภาพตามมาตรฐานกำหนด ตรวจ สอบการใช้ยาและสารเคมีภัณฑ์ในการเลี้ยงสัตว์ จนถึงการตรวจสอบสารตกค้างในเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย โดยมีการเก็บตัวอย่างปัสสาวะสุกร อาหารสัตว์ ยาสัตว์ สารเคมีภัณฑ์ จากฟาร์มและโรงฆ่าสัตว์เพื่อมาตรวจวิเคราะห์ ด้านนายสุภาพ ธีรานุวัฒน์ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุกรสามพรานฟาร์ม เปิดเผยว่า ทางสามพรานฟาร์มได้ดำเนินการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกรมปศุสัตว์ เกี่ยวกับทำให้ เนื้อสุกรปลอดสารปนเปื้อนและสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเรื่องนี้ตรงกับเจตนารมณ์ของสามพรานฟาร์มที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานานแล้ว โดยการไม่ใช้สารเคมีภัณฑ์ในการเลี้ยงสุกร ทั้งนี้ การดูแลสุกรในสามพรานฟาร์ม ได้ศึกษาค้นคว้าและนำความรู้ เกี่ยวกับพืชสมุนไพรเข้ามาใช้รักษาโรคและเพิ่มคุณภาพเนื้อสุกร ทั้งการให้สุกรบริโภคพืชสมุนไพรสดและการแปรรูปเป็นแคปซูลผสมอาหาร โดยทางฟาร์มคำนึงถึงสิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงสุกร คือการรักษาความสะอาดภายในฟาร์มให้ปลอดจากเชื้อโรค จึงทำให้เนื้อสุกรมีคุณภาพดีและปลอดภัยแก่ผู้บริโภค.

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การวิเคราะห์รูปแบบการจัดการความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน งานศิลปหัตถกรรมโลหะ ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เขตกรุงรัตนโกสินทร์

The Model Analysis on Safety, Occupational Health, and Working Environmental Management for Local Wisdom Handicraft Work Metal in Bangkok Metropolitan

วิทยา เมฆขำ ( Witthaya Mekhum ) *

รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา อยู่สุข ( Asso.Prof.Dr.Witaya Yoosook )**

ศาสตราจารย์ ดร.สิน พันธุ์พินิจ (Prof.Dr. Sint Punpiinj )***

ดร.ละอองทิพย์ มัทธุรศ ( Dr.Laongtip Mathurasa )****

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจวิถีชีวิตชุมชนและวิเคราะห์รูปแบบการจัดการความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน งานศิลปหัตถกรรมโลหะที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เขตกรุงรัตนโกสินทร์

ประชากรที่ใช้ โดยคัดเลือกเฉพาะกลุ่มที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตงานศิลปหัตถกรรมได้ทั้งหมด 12 ชุมชน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นงานโลหะได้จำนวน 5 ชุมชนได้แก่ ชุมชนบ้านบาตร บ้านตีทอง บ้านบาตรบ้านบุ บ้านช่างทอง บ้านเนิน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 6 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 แบบสอบถาม ตอนที่2 แบบสำรวจ ตอนที่ 3 แบบสัมภาษณ์ ตอนที่ 4 รูปแบบวิเคราะห์การชี้บ่งอันตรายและการประเมินความเสี่ยง (มอก.18001) ตอนที่ 5 รูปแบบการวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย (JSA) และตอนที่ 6 รูปแบบวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practices) การสร้างเครื่องมือกำหนดกรอบแนวคิดนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและนำไปทดลองใช้ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างและนำมาประเมินหาความเที่ยงตรงของเครื่องมือก่อนนำไปใช้จริง

ผลการวิจัยจากการประเมินความเสี่ยงพบว่า

1. การผลิตงานชุมชนบ้านตีทอง ที่ทำการผลิตทองคำเปลว ในการทำงานไม่มีสิ่งที่เป็นอันตรายเพราะในการผลิตงานนั้นไม่ได้ใช้เครื่องจักรหรือความร้อนใดๆ ทั้งสิ้นในการทำงานจะมีก็ท่านั่ง ก้ม เงย ที่ทำให้ปวดเมื่อย เป็นบางครั้ง

2. การผลิตงานชุมชนบ้านบาตร ที่ทำการผลิตบาตรพระสงฆ์ ขั้นตอนการนำแผ่นเหล็กมาตัดปลายให้เป็นฟันปลาเพื่อนำมาเชื่อมติดกันโดยใช้ไฟ ไม่มีการใช้อุปกรณ์ในการป้องกันการเชื่อม เช่น แว่นตาป้องกันแสง ถุงมือป้องกันความร้อน

คำสำคัญ : การจัดการความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

Key word : Safety Occupational Health and Working Environmental Management

* นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

** รองศาสตราจารย์ ภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

*** ศาสตราจารย์ สาขาวิชาการจัดการเทคโนโลยี คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

**** อาจารย์ สาขาวิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร


3. การผลิตงานชุมชนบ้านบุ ที่ทำการผลิตขันลงหิน มีขั้นตอนในการหลอมและเทโลหะลงแบบพิมพ์เพื่อทำการตีขึ้นรูป ไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันความร้อน

4. การผลิตงานชุมชนบ้านช่างทอง ที่ทำการผลิตทองรูปพรรณสมัยโบราณ ไม่มีขั้นตอนในการที่เป็นอันตราย

5. ผลิตงานชุมชนบ้านช่างเนิน ที่ทำการผลิตลูกฆ้องเครื่องดนตรีไทย มีขั้นตอนในการทำงานที่นำมาลูกฆ้องมากลึงให้ได้รูปทรง ไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันฝุ่นละอองและเครื่องมือไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน

จากการสำรวจและวิเคราะห์รูปแบบการจัดการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานในกลุ่มพื้นบ้านที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตงานศิลปหัตถกรรมโลหะกรุงรัตนโกสินทร์นี้ ได้พบความเสี่ยงอันตรายจากการทำงาน และผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการวิจัยดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการวางพื้นฐานด้านความปลอดภัยให้กับงานช่างกลุ่มพื้นบ้านที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผลิตงานศิลปหัตถกรรมโลหะกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะเป็นการอนุรักษ์ฝีมือช่างไทยได้ในอนาคตต่อไป

ABSTRACT

This research is to study the way of life and analyze Occupational Health, Safety and Working Environment for Local Wisdom Handicraft Work Metal in Bangkok Metropolitan.

The subjects were chosen with the focus on local wisdom workers whose works are of metal handicraft. Five out of 12 communities were chosen as subjects of the research, which are Baan Bart, Baan Tee thong, Baan Bu, Baan Chang Thong, and Baan Nern Communities. The research tools comprised of six parts, questionnaires, survey forms, interviews, risk assessment, job safety analysis and best practices. These tools were created based on thought control framework which were examined by experts, tested on samples and analyzed for accuracy prior to the research implementation.

The study shows risk assessment as follows:

1. Production in Baan Thong Community involves making liquid gold in the working process which is not dangerous because there is no machinery or heat used to do so. However, ergonomically, the sitting and getting up often could cause fatigue at times.

2. Production in Baan Bart produces alms bowls for the Thai monks. The process involves cutting iron sheets with zigzag edges. These zigzag edges are then welded with torches held by the local workers who currently do not wear any heat protective gears such as welding goggles or welding gloves.

3. Production in Baan Bu produces inline bowls. This involves hot, molten metal and casting in molds to be shaped by workers who currently have not heat protective gears.

4. Production in Baan Chang Thong which produces traditional gold handicrafts involves no occupational safety and health hazard.

5. Production in Baan Chang Nern produces gongs, Thai traditional musical instrument. The production involves shaping metal into a gong using heavy machinery that, in turn, produces dust and debris without any protective gears for the workers.


The survey and result of this analytical research of the occupational safety, health and environment of the local wisdom metal handicraft workers shows that there is still risk of hazardous environment involved in their work place and process, which could affect the workers health. The result of this research should more or less contribute to the development of the foundation of occupational safety, health and environment for the local wisdom workers for metal handicrafts in Bangkok Metropolitan, which will also be part of the effort to preserve the Thai traditional artists and handicraft workers.



จากการประชุมทางวิชาการ เสนอผลงานวิจัย ระดับบัณฑิตศึกษา ครั้งที่ 9
วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
The 9th Symposium on Graduate Research, KKU. 19 January 2007