++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2548

หนุ่มกลัวสาวจริงเรอะเปล่า?

          คุณเคยทำให้ดาร์ลิ่งข้างกายเกิด อาการผวาบ้างไหม? ถ้าไม่ เพราะไม่เคยมีแฟนมาก่อน...ก็แล้วไป แต่ส่วนใหญ่เชื่อดิว่าเคยแหงแก๋ เพียงแต่ฝ่ายหญิง ที่เคยผ่านมือชาย มาแล้ว... เอ้ย...มีแฟนมาก่อน อาจไม่รู้ก็ได้ว่า พวกผู้ชายน่ะ เค้ากลัวผู้หญิงจะ ตายชัก แต่ที่ว่ากลัว หรือยำเกรงอะไรเนี่ย ไม่ได้กลัวแบบ เด็กกลัวผู้ใหญ่อะไรหรอกนะ แต่กลัวด้วยสาเหตุ อื่นมากกว่า ส่วนเป็นเพราะอะไร ในทำไมผู้ชายถึง กลัวผู้หญิงด้วยนะ (Why Men Fear Women) เค้าเล่าไว้อย่างนี้จ้ะ ท่านว่า ในชีวิตของผู้ชายทุกคนเนี่ย มักเกี่ยว ข้องกับผู้หญิงซึ่งมีบุคลิก 2 ลักษณะอยู่ในตัว บุคลิก นึงนั้นสวย, เซ็กซี่, มีเสน่ห์และทั้งหลายนี่แหละที่ทำให้เขาตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ส่วนอีก บุคลิกนี่สิ โอ๊ะโอน่าหวั่นใจยามอยู่ใกล้ด้วยชะมัด แต่โหยอย่าคิดนะว่า มีแต่ฝ่ายหญิงเท่านั้นที่มีทั้งดี และร้าย อยู่ภายในคนเดียวกัน เพราะผู้ชายเองก็ คุ้มดีคุ้มร้ายไม่ต่างกันหรอก แต่สัปดาห์นี้ขอเปิดโปง สิ่งที่ผู้ชายหวั่นวิตกว่าผู้หญิงของเขา จะมีอาการดังต่อไปนี้ ให้ฟัง จะได้หูตาสว่างกว้างไกลไงตัว มีตั้งแต่...

1. เกรงว่าเซ็กซ์จะสะดุดหยุดกึ๊กนะเซ่ ในส่วนลึก หนุ่มๆล้วนกังวลทั้งนั้นแหละว่า จะถูกผู้หญิงบอกปัดการมีความเพศสัมพันธ์ ถ้าเผื่อเขาอยากแต่เธอไม่ เขาก็อารมณ์ค้างน่ะสิ...ถามได้ อีกประการ ผู้ชายน่ะเกรงว่า จะถูกแฟนสาวใช้เซ็กซ์เป็นข้ออ้างเพื่อกำหนดเงื่อนไขหรือ ข้อเรียกร้องทั้งหลายทั้งปวงไม่ยอมหยุด เช่น ถ้าไม่ซื้อรถให้... นี่แค่สมมติให้เว่อ เข้าไว้เท่านั้นนะ.. .ก็อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉันเลย หรือถ้าไม่เคยสัญญิงสัญญาว่าจะช่วยกัน เลี้ยงลูกก็อย่ามาคะยั้น คะยอขอหลับนอนซะให้ยาก เพราะขืนท้องป่องแล้ว ใครจะรับผิดชอบล่ะ! เงื่อนไขอะไรราวๆนี่แหละที่ทำให้ผู้ชาย ป.ส.ด. มานักต่อนักแล้ว

2. ผู้ชายกลัวว่า แฟนสาวจะปล่อยเนื้อ ปล่อยตัว จากที่เคยสวยเช้ง หรือน่ารักน่าจุ๊บสมัย แรกรัก แต่พอคบกันไปนานๆ เอ๊ะ ทำไมจากนางฟ้า ดันกลายเป็นนางนาค หรือนางยักษ์ไปซะได้ แปลกไหมล่ะเนี่ย มิน่า คลินิกศัลยกรรมทำสวยจึงผุดเป็นดอกเห็ด เสียตังค์แล้วยังยอมเจ็บตัว ถึงปานนี้ แหม้เกิดเป็นหญิง แท้จริงแสนลำบากจริงน้อ น้องเอ๋ย

3. กลัวว่า ไหงเป็นแฟนกันอยู่ดีๆ เธอกลับ อยากเป็นญาติผู้ใหญ่ขึ้นมาได้ไงวุ้ย ตอนหวานรักกันแรกๆ ก็เห็นแฟนสาวอยู่ในโอวาทดีนี่นา แต่ระยะหลังๆ อ้าวไหง เธอเปลี่ยนมา ให้โอวาทซะเองแล้วล่ะ โอ้มายก็อด เอ๊ะเราเป็นแฟนหรือเป็นอะไรกันแน่จ๊ะ

4. กลัวว่า ฝ่ายหญิงจะพยายามเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเขา ให้เป็นอย่างใจที่เธอชอบน่ะสิ ถ้าหากเธอซื้อเสื้อผ้าให้ เขาเนื่องในวันเกิดยังพอรับได้ ว่าอ๋อเธอใสซื่อปรารถนา ดีจริงๆ แต่ถ้าวันใด เธอเริ่ม รื้อตู้เสื้อ ผ้าแล้วเทกระจาด ทิ้งเสื้อผ้าชุดเก่งที่อีกฝ่ายชอบไปซะหมด แล้วจัดแจงหาชุดใหม่มาเปลี่ยน อย่างงี้ถึงพอเรียกได้ว่าอาการหนัก แถมบางคนไม่แค่นี้ซะด้วยนะ ชอบกดดันถึงขนาดอยากให้คู่ครองมีหน้าที่การงานดีๆ อันที่จริงเธอก็หวังดีนั่นแหละ เพียงแต่ไม่รู้ตัวแฮะว่า ยิ่งผลักดันเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขา วิตกกังวลมากเท่านั้น ใครว่าเป็นช้างเท้าหน้าสบาย ก็ลองเป็น ดูบ้างเด้

ส่วน Lisa Magazine เค้าเข้าใจ เปรียบผู้ชายกับผลไม้ ได้น่าทึ่งมาก นัยว่า ถ้าเปรียบผู้ชายเป็นผลไม้ แล้วล่ะก็ จะเปรียบได้กับชนิดใดกันบ้าง? เฉลยให้ฟังก็ได้ว่า สำหรับหนุ่มวัย 17 ถือเป็นรุ่นกระเตาะ งั้นเปรียบให้เป็นแตงโมที่หวานฉ่ำชื่นใจละกัน แตงโม วัยเนี้ย หากได้กินเมื่อไหร่รับรองหายเหนื่อย (แต่หายเมื่อยด้วยหรือเปล่าข่าวไม่ได้แจ้ง) เป็นปลิดทิ้ง เรียกว่า หย่อยอย่าให้เซด เขยิบขึ้นมาหน่อย เป็นหนุ่มวัย 22-23 เริ่ม เป็นหนุ่มเต็มวัย แต่ยังดูสดใส เปรียบได้กับ สับปะรด เพราะยังมีความหวานสดฉ่ำ ขณะเดียวกันก็อมเปรี้ยวเล็กน้อย กินแล้วอร่อยไปอีกแบบ หนุ่มวัย 30 เป็นหนุ่มฉกรรจ์เต็มที่ เริ่มผ่าน ประสบการณ์อะไรต่อมิอะไรมาบ้างแล้ว เปรียบได้กับ ส้ม ซึ่งรสชาติแตกต่างกันไปในแต่ละลูก บางทีก็เปรี้ยวซะ บางลูกก็หวานเจี๊ยบ แถมเวลาทานเสร็จยังต้องคายกากทิ้ง เรียกว่า คบกับเขาไม่ใช่ เรื่องง่ายๆก็แล้วกัน ส่วนหนุ่มใหญ่วัย 40 ปูนนี้แล้ว ความเป็นหนุ่มเหือดหายไปเยอะ จะเหลือก็แต่ความเป็นผู้ใหญ่ ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาพอสมควร ไม่ต่างอะไรกับ ทุเรียน ที่ใครชอบก็ดีไป แต่ถ้าใครไม่ชอบ แม้แต่กลิ่นก็ยังทนไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ แล้วสังเกตดูเหอะ ใช่ว่าคนเราจะพูดคำว่า รักให้กันง่ายๆซะที่ไหน บางคนนะให้ด่ายังง่ายกว่า บอกรักด้วยซ้ำ นัยว่าการเอ่ยคำว่ารักใครงี้ โอ้ย เขินตายชัก งั้นเอางี้แล้วกันนะ ใช้วิธีอื่นแทนคำว่า ฉันรักคุณ ก็ได้เช่น

1. คว้าแขนของคนรักมาจูบตรงจุดชีพจรของ ข้อมือดูดิ

2. ทำเครื่องหมาย วันแห่งความรัก (Loving Days) เฉพาะที่คุณทั้งคู่รู้ความหมาย ของมันดีลงบนปฏิทิน แล้วบอกปัดหรือเลื่อนนัดที่ไม่เกี่ยวกับกิจกรรมรักในวันนั้นออกไปให้หมด

3. โอ๋ด้วยการผลัดกันป้อนอาหารอันโอชะให้กันและกันจนอิ่มแปล้

4. โทรศัพท์ไปยังสถานีวิทยุเพื่อขอเพลงมอบให้สุดที่รักสักเพลง สองเพลงดูดิ โรแมนติกม้าก มากขอบอก.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น