++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2548

งู-งู กับ เริม-เริม

ถ้าจะถามว่า งู-งู-งู ซึ่งคือ งูสวัด และต้องสู้กับงูมา หลายอาทิตย์แล้วนั้น จบหรือยัง ตอบกันอย่างอ้อมๆแอ้มๆ ก็ว่าจบแล้ว แต่เจ้าพิษของงูตัวนี้ยังไม่หมด ยังจะติดต่อมาถึงงูตัวอื่นอีก

งูตัวอื่นๆก็คือ เริมนั่นเอง

ทำไมจึงว่าเริมเกี่ยวกับงู ก็เพราะเริมซึ่งตรงกับคำว่า HERPES นั้น ต้นศัพท์เป็นภาษากรีก แปลว่า เลื้อยคลาน ก็พวกเลื้อยคลานนั้นที่เห็นชัดๆ ก็คือพวกงูนั่นแหละ ใช่ไหมครับ

งูสวัดที่เราคุยกันมาหลายอาทิตย์นั้น ก็มาจาก HERPES เหมือนกัน แต่เป็น HERPES ZOSTER ส่วน เริม เราจะคุยกันต่อไปนี้ คือ HERPES SIMPLEX และก็แบ่งออกเป็น HERPES SIMPLEX I ซึ่งหมายถึงเริมซึ่งเกิดที่บริเวณริมฝีปากหรือหน้า ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือ HERPES SIMPLEX หมายถึงเริมที่เกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ถ้าจะคุยกันเป็นภาษาแพทย์และแบ่งกลุ่มชัดๆ เราจะเรียกกลุ่มแรกว่า HSVI และ HSVII หมายถึงเริมที่เกิดที่ริมฝีปาก และเริมที่เกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ ตามลำดับ

เริมสองกลุ่มนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ข้อเสียของมันมีอยู่ว่า เมื่อเราเป็นขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว มันก็จะอยู่กับเราตลอดชีวิต

เวลาที่เราจะเริ่มเป็น อาการของมันก็เหมือนงู คือ จะเริ่มเลื้อยคลานมาตามบริเวณผิวหนังจะแสบๆร้อนๆก่อน แล้วก็มีตุ่มเล็กขึ้นเป็นกลุ่มหรือเป็นหย่อมๆ หลังจากนั้น ก็จะแตกเป็นเม็ดใส มีน้ำเหลืองออก บางคน (มีเป็นจำนวนน้อย) ก็ติดเชื้อแตกออกเป็นหนอง พวกที่มีอาการมากๆถึงกับมีไข้อ่อนๆก็มี

ทั้งสองกลุ่มคือ HSV1 และ HSV2 นี้มีสภาพและอาการคล้ายๆกัน คนจึงเหมาเอาว่าเป็นเชื้อไวรัสอย่างเดียวกัน ชนิดเดียวกัน ตระกูลเดียวกัน

มาภายหลังเมื่อค้นพบว่าต้นเหตุคือไวรัสประเภท HERPES SIMPLEX และได้พบต่อไปว่า เมื่อใครจะติดเชื้อไวรัสนี้เข้าครั้งแรก เชื้อจะเข้าไปหลบอยู่ที่ปุ่มประสาท และด้วยกลไกเกี่ยวกับ IMMUNE SYSTEM ซึ่งขณะนั้นผู้ป่วยจะมีภูมิชีวิตต่ำมาก เจ้าไวรัสสามารถจะสั่งให้ DNA ของเซลล์ประสาทของผู้ป่วย ให้เป็นผู้สร้างเชื้อไวรัสพวกนี้เพิ่มขึ้นเองเป็นหลายพันหลายหมื่นเท่า

และตอนนี้แหละถ้าภูมิชีวิตของผู้ป่วยอ่อนแอมากๆ เชื้อ HSV ก็จะออกมาอาละวาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นความสงสัยว่า ทำไมเราถึงได้เป็นเริมอยู่บ่อยๆไม่มีวันหายสักที

นอกจากนักวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีวเคมีจะค้นพบวงจรชีวิตของไวรัสเหล่านี้ ว่ามันสามารถอาศัยอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยอยู่ได้ตลอดชีวิตแล้ว ยังได้พบอีกว่ามันติดต่อกันง่ายเหลือเกิน

สมมติว่าเด็กน้อยๆน่ารักคนหนึ่งติดเชื้อไวรัสเป็นเริมที่ริมฝีปาก ผู้ใหญ่บางคนอุ้มเด็กและจะหอมหรือจูบตามนิสัยรักเด็ก ก็จะติดไวรัสจากเด็กได้ในทันที

และในตอนหลังมีแพทย์บางคนค้นพบเชื้อตัวนี้ในอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรี และบังเอิญสตรีผู้นั้นก็เกิดเป็นมะเร็งมดลูก แพทย์บางคน (ขอเน้นนะครับว่า บางคน) ไม่ใช่ทุกคน เพราะยังพิสูจน์ 100% ไม่ได้ ก็ให้ข้อสังเกตว่า HSV อาจจะ เป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งได้

ตอนนั้นยังไม่มีการแยกกันออกมาว่า HERPES SIMPLEX มี 2 ชนิด คือ HSV1 และ HSV2

เท่านั้นแหละครับ เกิดการตื่นตระหนกกันเป็นการใหญ่ว่า เพียงแค่เริมเท่านั้น ก็สามารถกลายเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิตได้

ที่กลัวกันมากที่สุดคือ พวกฝรั่ง

ขอเล่าเรื่องจริงที่ผมประสบมาด้วยตนเอง

สมัยเมื่อยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยประมาณ 50 กว่าปีมาแล้ว ตอนถึงซัมเมอร์เราก็ไปหางานทำที่โรงงานตอนหยุดภาคฤดูร้อน งานที่เราชอบไปทำกันในฤดูร้อนคือโรงงานกระป๋องผลไม้ ที่โรงงานก็ชอบอ้างพวกเรา เพราะเป็นเด็กมหาวิทยาลัย เชื่อใจและไว้ใจได้

ที่โรงงานภาคฤดูร้อน มีทั้งชายหญิงจากมหาวิทยาลัยไปทำงานกันเต็ม

เจ้าหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่ง เป็นดาราดังของมหาวิทยาลัย เวลาไปทำงานด้วยกันจะมีแฟนผู้หญิงนับเป็นสิบๆคน เป็นสิบๆคนจริงๆครับ พวกผู้หญิงไม่มีใครรังเกียจ ถือว่าได้หน้าได้ตาถ้าได้เดทกับเจ้าหนุ่มคนนี้สักครั้งสองครั้ง

อยู่ๆวันหนึ่ง เจ้าหนุ่มคนนี้ก็เกิดเป็นเริมที่ริมฝีปาก (ภาษาชาวบ้านฝรั่งเรียกว่า COLD SORE และของไทยดู เหมือนจะเรียกว่าปากนกกระจอก-ถ้าเรียกผิด ขอโทษด้วย ท่านผู้รู้กรุณาแจ้งให้ทราบ จะเป็นพระคุณอย่างสูง)

เพียงเท่านั้นแหละครับ กลุ่มคุณหนูแฟนเจ้าหนุ่มรูปหล่อ ก็เกิดอาการแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง ไม่มีใครยอมเข้าใกล้เจ้าหนุ่มคนนั้น แม้แต่เวลาเข้าห้องน้ำ เพื่อนผู้ชายด้วยกันก็ยังไม่ยอมเข้าห้องน้ำพร้อมกัน เพราะกลัวกันว่า จะติดเชื้อ

พวกฝรั่งเวลาจะกลัวอะไรนี่ยิ่งกว่ากลัวผีหลายเท่า และเป็นการกลัวอย่างฝังใจ ไม่ใช่ กลัวแบบลมๆแล้งๆ ไม่มีเหตุผล พวกนี้มีความรู้ดี การศึกษาดี แต่เวลาเรื่องเชื้อโรคจะแพร่หลาย จะรู้อะไรมาอย่างถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ขอกลัวไว้ก่อน เพราะฝรั่งกลัวตายเรื่องติดเชื้อนี้มาก

บางคนกลัวมากๆถึงกับไปฟ้องผู้จัดการฝ่ายบุคคลว่า เจ้ารูปหล่อนี่เป็นอันตราย อาจจะแพร่เชื้อไปถึงคนหมู่มากได้ ขอให้พิจารณาไล่ออก

นี่เป็นผลจากความแตกตื่น รู้อะไรก็ไม่รู้ จริง ทำให้คนเดือดร้อน เสียหายหมดอนาคตไปก็มี

ที่ผมพูดอย่างนี้ ก็เพราะเป็นห่วงสังคมของเรา ฝรั่งชอบอะไร กลัวอะไร เห่ออะไร คนไทยก็มักจะตามอย่าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น