++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2548

เทคโนโลยีเสริมความงามอันเร้นลับของจีน

ประวัติศาสตร์ การเสริมสวยของหญิงจีนนั้น ย้อนยุคกลับไปหลายพันปีในอดีต โดยก่อนยุคประวัติศาสตร์ (prehistoric age) คนจีนพบโดยบังเอิญว่า ถ้าหากเกิดล้มป่วยจะสามารถบำบัดเยียวยาได้ด้วยการนำเอาหินมาถูตัว หรือจะใช้มือเปล่าๆถูนวดตามตัวก็ได้ อาการป่วยจะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด เทคนิคนี้ต่อมาเรียกกันว่า กัวซ่า ซึ่งในสมัยราชวงศ์หมิง (ช่วงศตวรรษที่ 14 ถึง 17) นั้น เป็นที่นิยมแพร่หลายมาก

เหนือกว่านั้นก็คือ การถูด้วยหินจนทั่วเรือนร่างแดงกํ่า ยังเป็นการสร้างความสดชื่นดุจกลับคืนสู่ความเยาว์วัยได้อีกด้วย!

การถูตัวเชื่อกันว่า ได้ขับไล่สารพิษออกจากร่างกายของเรา แต่ถ้าหากถูตัวแล้วแทนที่จะแดง ผิวกลับบวมดำ นั่นแปลว่าร่างกายของคุณสะสมพิษร้ายไว้เยอะแยะ และจะต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

ความคิดนี้ ได้รับการยอมรับในวงการเสริมสวย ของหญิงจีนยุคทันสมัย แม้แต่ในวงการแพทย์ก็เช่นกัน

ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อคุณถูตัว แรงที่กดลงไปนั้นจะขยายช่องว่างระหว่างเซลล์ ทำให้สารพิษที่ค้างอยู่ภายในหลุดออกมา และถูกขับทิ้งไปด้วยกระบวนการไหลหมุนเวียนของโลหิต

แต่อุปกรณ์ในยุคนี้ไม่ใช่ก้อนหินครับ หากเป็นแผ่นที่ตัดมาจากเขาควาย ว่ากันว่ามันมีคุณสมบัติขับพิษร้ายได้ดีกว่าอย่างอื่น

"แรกเริ่มเราจะวางแผ่นเขาควายนี้ บนหน้าท้อง แล้วค่อยๆ กดไล่ไขมันออกไปทางเอวด้านหลัง ทั้งนี้เพราะบริเวณหน้าท้อง และรอบเอวนั้นล้วนแล้วแต่มีไขมัน และไขมันก็ประกอบด้วยนํ้า เราจะต้องไล่นํ้าให้ออกไปจากเซลล์"

เมื่อนํ้าไหลไปแล้ว กระบวนการสันดาปจะเพิ่มขึ้น ไขมันจะถูกเผาผลาญ ไม่สะสมดังที่เคยเป็น หุ่นของเราก็จะสเลนเดอร์เหมือนสาวๆ ไงครับ

ไล่ไขมันหน้าท้องและเอวได้แล้ว คราวนี้ก็มาลบรอยย่นบนใบหน้ากันบ้าง

เริ่มจากบริเวณดวงตา ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด

เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณกระแสโลหิตที่มาเลี้ยงบริเวณตาจะน้อยลง แต่มีนํ้ามาคั่งอยู่ แทน ทำให้เกิดถุงนํ้าขึ้น ทว่าไม่ต้องตกใจครับ การถูด้วยแผ่นเขาควาย จะทำให้ถุงย่นๆนี้หดหายไปได้

"ค่อนข้างเจ็บหน่อยนะคะ แม้ว่าจะค่อยๆถูอย่างเบาที่สุดแล้วก็ตาม" ผู้ชำนาญการกัวซ่ากล่าว

จากนั้นก็มาถึงกระดูกแก้ม การใช้เทคนิคกัวซ่าในบริเวณนี้จะเป็นการกระตุ้นปลายประสาทที่ผิวหน้า มีการหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น ทำให้ ออกซิเจนและธาตุอาหารเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดความยืดหยุ่นและเนียนเรียบ แก้มของคุณจะเต่งตึงอย่างลูกท้อ

แล้วก็ลงมาถูที่บริเวณปาก ต่อไปถึงบริเวณลำคอ ซึ่งมีรอยย่นเป็นชั้นๆ ซึ่งก็จะพลันหดหายไปเช่นกัน

เมื่อสิ้นสุดกระบวนการนี้ มิสซิสจาง สาวใหญ่วัยสี่สิบกว่า กล่าวว่า มีคนทักว่าเธออยู่ในวัยยี่สิบกว่า อะไรจะแฮปปี้ปานนั้น!

แต่จะให้ดูสาวยิ่งขึ้นไปอีก ก็ต้องบำบัดด้วยนํ้าเลือด (plasma) ที่ได้จากลูกวัวในท้องแม่!

หญิงจีนโบราณนำเอาพลาสมาจากตัวอ่อน ของวัวมาทาไล้ตามใบหน้าและผิวหนัง ซึ่งถ้าหากปฏิบัติดังนี้เป็นประจำ รอยย่นแม้แต่รอยเดียว จะไม่มีปรากฏให้เห็นเลยเชียวครับ

ทั้งนี้ วงการแพทย์ทันสมัยแห่งปักกิ่ง ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับนํ้าเลือดของตัวอ่อนวัว ดังกล่าวแล้ว ซึ่งได้ผลว่า

"เนื่องจากนํ้าเลือดของตัวอ่อนวัวนั้นมีปริมาณ DNA (deoxyribon-ucleicacid) เป็นปริมาณ มหาศาล ซึ่งมันช่วยป้องกันมิให้ เซลล์ของคุณเสื่อมอายุลงอย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง"

ซึ่งมิสซิสจางที่กล่าวถึงนั้น เธอไปทาหน้าด้วยนํ้าเลือดพลาสมาลูกวัวเป็นประจำสัปดาห์ละครั้งครับ แม้ว่าการไปเสริมสาวดังกล่าวนี้ จะต้องจ่ายราว 2,400 บาท ในแต่ละครั้ง แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว...คุ้มครับ

เมื่อคุณย่างเข้าสู่วัยกลางคน ใบหน้าของคุณเริ่มมีจุดดำๆ หรือรอยตกกระ แพทย์สมัยใหม่ แก้ไขด้วยการยิงเลเซอร์ ซึ่งแพงและเสี่ยง

แต่โรงพยาบาลหัวซานในเซี่ยงไฮ้ นำเอาวิธีการแผนโบราณมาใช้ โดยอาศัยหลักการของซินแสยุคอดีตที่กล่าวว่า

"การเอาโลหิตออกจากใบหู เป็นการขจัดการผิดปกติของฮอร์โมน และปรับความสมดุลของหยินและหยาง"

มีตำแหน่งบนใบหู 90 จุดที่เชื่อมโยงกับอวัยวะส่วนอื่นๆ โดย ติ่งหู จะสัมพันธ์กับส่วนต่างๆของใบหน้า รวมทั้งฟันและลิ้น ใบหู จะมีความสัมพันธ์กับอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ปอด และกระเพาะอาหาร ส่วนบนของหูสัมพันธ์กับแขนขา

โดยทั่วไปซินแสจีนจะเจาะเอาโลหิตออกที่ปลายติ่งหู เพราะเป็นตำแหน่ง ที่มีเลือดอยู่คับคั่งกว่าส่วนอื่น แต่ก็มีบางจุด เช่น ที่ด้านในของใบหู จุดนี้สัมพันธ์กับตับและม้าม เมื่อเอาโลหิตตรงจุดนี้ออก พิษร้ายก็จะถูกขจัดออกจากร่าง และมีผลยิ่งในการกำจัดสิวและกระ

แต่ละครั้งซินแสจะเจาะเลือดออกเพียง 2-3 หยด ซึ่งหลังจากบำบัดราว 10 ครั้ง จุดต่างๆบนใบหน้าก็จะเลือนหายไปหมด

อีกวิธีการหนึ่งซึ่งแพทย์โรงพยาบาลหัวซาน นำเทคนิคโบราณมาใช้คือ การกำจัดถุงใต้ตาด้วยการฝังเข็มรอบบริเวณตา เนื่องจากจุดต่างๆที่ฝังเข็มลงไปนั้น เชื่อมโยงกับประสาทตา การฝังเข็มจึงเป็นการกระตุ้นให้โลหิตมีการหมุนเวียนรอบๆตา และเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แพทย์จะปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ขนาด 9 โวลต์ ผ่านเข็มลงไปด้วย

"นอกจากกระตุ้นโลหิตให้หมุนเวียนดีขึ้นแล้ว ยังกระตุ้นกล้ามเนื้อตาและทำให้ผิวตึงขึ้น รอยย่นจะหาย" แพทย์ผู้ชำนาญการชี้แจง

การกำจัดถุงใต้ตานี้จะต้องทำราว 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 20 นาที แต่ทั้งคอร์สจะเสียค่าใช้จ่ายเพียง 1,200 บาทเท่านั้น

การฝังเข็มตามตำแหน่งอื่น เช่น ที่ท้อง จะช่วยกระตุ้นลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารดำเนินไปได้ดี ลดไขมัน ทำให้ผอมลงได้

วิธีฝังเข็มนี้เป็นที่นิยมมากครับ เพราะทำได้ง่าย เพียงแค่คุณนอนลงบนเตียง ราว 20-30 นาที ก็เสร็จ ไม่ต้องเหนื่อยให้เสียเหงื่อแม้สักหยด

กว่า 2,000 ปีมาแล้ว ที่ซินแสจีนใช้กระบวนการฝังเข็มรักษาคนไข้ ทั้งนี้ร่างกายมนุษย์นั้นจะมีจุดฝังเข็มอยู่ทั้งสิ้น 360 ตำแหน่ง ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับอวัยวะภายใน การฝังเข็มที่จุดเหล่านี้ จะช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะเหล่านั้นให้ดีขึ้น

โดยเฉพาะจุดบนใบหน้าจะเป็นตำแหน่งที่ฝังเข็มได้ผลที่สุด เนื่องจากเป็นจุดกระแสโลหิตผกผันวกกลับ ใบหน้าจึงเปรียบเสมือนกระจกเงาที่บอกให้รู้ว่า เจ้าของมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับอวัยวะภายในหรือไม่ เช่นว่า

ถ้าเกิดสิวที่หน้าผาก อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับไตของคุณ

สิวเกิดที่ใบหน้าด้านใดด้านหนึ่ง ตับกับดีของคุณอาจเกิดผิดปกติ

สิวเกิดที่ข้างจมูก ปอดมักมีปัญหา

สิวเกิดบริเวณรอบปาก ม้ามมักมีปัญหา

เข็มที่แพทย์สมัยใหม่ใช้ฝังนั้น เรียกว่า เข็มไมโคร (micro needle) มีขนาดเล็กกว่าเข็มของซินแสโบราณมากครับ คือยาวเพียง 2.8 เซนติเมตรเท่านั้น ทำจากเหล็กไร้สนิม ประกอบกับการใช้กระแสไฟฟ้าโวลต์ตํ่าๆ

คนไข้หลายคนทนทุกข์อยู่กับสิวมานานหลายปี เมื่อหมอพบว่าสิวของเธอเกิดจากตับและม้ามมีปัญหา หมอก็ฝังเข็มตรงตำแหน่งที่สัมพันธ์ กับอวัยวะภายในดังกล่าวนั้น และเพียงสี่เดือนแห่งการบำบัด เธอก็สามารถเดินเงยหน้าเผชิญกับสายตาผู้คนได้อย่างมั่นใจกว่าเดิม สิวของเธอหายไปสิ้น หน้าของเธอขาวผ่องเป็นนวลใย

ครับ ถ้าหากจะให้จาระไนจนเกลี้ยงเกลา ถึงการเสริมสวยของสตรีละก็ เห็นทีเขียนเป็นเล่มๆก็คงไม่หมด จึงขออนุญาตหยุดอยู่เพียงแค่นี้

"ทีมงาน ต่วย'ตูน
และ ไอแสค อาศิระ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น