++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2548

โรคสมัยใหม่

ขอเรียนให้บรรดาแฟนๆคอลัมน์ “ปั้นชีวิต” นี้ทราบล่วงหน้าไว้ก่อนนะครับว่า “อย่าเพิ่งงง” เพราะหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ของเราชักจะ มีชื่อแปลกๆ มากขึ้นทุกที เดี๋ยว “โรค น่ารำคาญ” บ้าง “โรคเก่า” บ้าง คราวนี้ก็เป็น เรื่อง “โรคสมัยใหม่” หลายคนคงจะสงสัยว่า นี่มันอะไรกันแน่

ตั้งหัวข้อให้ฟังดูแปลกๆ แต่ความจริงแล้ว เป็นโรคเล็กน้อยก็จริง แต่ถ้าไม่ระวังตัว ก็จะลาม กลายเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิตได้ จึงเขียนเตือนไว้ก่อน นั่นเป็นเหตุผลข้อหนึ่งล่ะ

เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ โรคต่างๆซึ่งพูดกันในหัวข้อ ซึ่งดูเล็กน้อยนี้ ปรากฏว่าผู้ที่ป่วย หรือมีอาการแบบที่เขียนเล่ามานั้น มีมากเหลือเกิน อย่างเรื่องโรคสมัยใหม่ที่จะเริ่มด้วย HYPOGLYCEMIA หรือน้ำตาลในเลือดต่ำนั้น มีคนเป็นกันมาก เฉพาะในสหรัฐอเมริกา คนมีอาการแบบน้ำตาลในเลือดต่ำ มีไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน

สำหรับคนไทยเรา ซึ่งใช้ชีวิตแบบคนสมัย ใหม่ และอยู่ในสังคมสมัยใหม่นั้น มีคนป่วยมากมาย นับไม่ถ้วน ผมไม่สามารถจะยืนยันตัวเลข แน่นอนได้ เพราะไม่เคยทราบว่าสถิติต่างๆที่แน่นอน ของเมืองไทยนั้นเชื่อได้มากน้อยสักเพียงไหน

แต่จากประสบการณ์ที่ผมได้แพร่ความรู้ เรื่อง “ชีวจิต” มาตลอดเวลา 20 ปี ผสมกับการ ที่ได้ร่วมทำงานกับคณะแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง รวมทั้งการที่ได้ร่วมจัดคอร์ส สุขภาพกับสถาบันต่างๆ ได้พบปะกับคนไข้ทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 20,000 คน ในจำนวนนี้ จะมีคนไข้ที่มีอาการทาง HYPOGLYCEMIA กว่า 50% นั่น ก็คือ ได้พบคนไข้แบบนี้ มาร่วมหมื่นคนแล้ว

HYPOGLYCEMIA แปลว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ น้ำตาลในที่นี้ไม่ได้หมายถึงน้ำตาลที่เราใส่ใน ขนมหรือเครื่องดื่ม นั่นเป็นน้ำตาลชื่อทางเคมีว่า SUCROSE หรือบางคนก็เรียกภาษา ชาวบ้านว่า น้ำตาลประจำโต๊ะ (TABLE SUGAR)

ส่วนน้ำตาลในเลือดนั้น ชื่อทางเคมีว่า GLUCOSE ซึ่งเป็นน้ำตาลในเลือด และเป็นน้ำตาลที่ให้ พลังแก่ร่างกาย และเราจะมีเรี่ยวมีแรงเคลื่อนไหวได้ และทำงานอะไรได้ ก็เพราะมีน้ำตาล กลูโคสเช่นว่านี้อยู่ในร่างกายในระดับ พอดีๆ

ต้องขอทำความ เข้าในขั้นแรกกับแพทย์โรคเบาหวานเสียก่อนว่า HYPOGLYCEMIA ในที่นี้ เป็นคนละเรื่องกับน้ำตาลในเลือดต่ำของเบาหวาน ซึ่งอาการแบบนี้ของผู้ป่วยเป็นเบาหวานนั้น เกิดมาจากการที่ให้ ฮอร์โมนอินซูลิน แก่ผู้ป่วยเบาหวานมากจนเกินขนาด หรืออาจจะเกิดได้ตาม ปกติเมื่อคนไข้ เบาหวานไม่ได้ กินอาหารเพียงพอ ทำให้ตับอ่อนขับอินซูลินออกมามากจนกินไป อาการของน้ำตาลในเลือดต่ำของผู้ป่วยเบาหวานเช่นนี้ จะมีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย ตาลายมืดมัว รู้สึกหิวจนจะเป็นลม กล้ามเนื้ออ่อนแรง หน้ามืด มือสั่น ใจสั่น และถ้าไม่ได้รับ การรักษาทันท่วงที อาจจะทำให้เกิดโคม่า และถึงแก่เสียชีวิตได้

ฉะนั้นเมื่อเอ่ยถึง HYPOGLYCEMIA ซึ่งไม่ได้ เกี่ยวกับเบาหวานขึ้นมา ก็มักจะถูกแพทย์ ทางเบาหวานโจมตี หาว่าไปพูดเรื่องเบาหวานผิดๆ และทำให้คนเข้าใจผิด

ผมเองเมื่อหลายๆ ปีมาแล้ว เคยถูกสถานีวิทยุแห่งหนึ่งสัมภาษณ์ เรื่องน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งไม่ เกี่ยวกับเบาหวาน ขณะที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่ดีๆ ก็ถูกแพทย์ทางเบาหวานผู้หนึ่งโทรศัพท์ เข้ามาตำหนิอย่างแรงว่า ผมทำตัวเป็นหมอเถื่อนเอาเรื่องของการป่วยเบาหวาน ซึ่งเป็นเรื่อง การป่วยอย่างร้ายแรงไปอธิบายอย่างผิดๆ

ผมพยายามอธิบายให้แพทย์ผู้นั้นฟังว่า HYPOGLYCEMIA ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ ไม่ใช่เรื่อง ของเบาหวาน แต่ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายเบาหวาน ขณะที่น้ำตาลในเลือดต่ำ คล้ายๆคนเป็น เบาหวาน ความแตกต่างที่สำคัญมีอยู่ว่า ผู้เป็น HYPOGLYCEMIA แบบนี้ไม่ใช่คนเป็น เบาหวาน และยังมีอาการอื่นๆอีกมากมายหลายอาการบวกเข้ามา ด้วย และอาการอื่นๆเหล่านี้ คนที่เป็นเบาหวานจริงๆ จะไม่มีอาการอื่นๆอย่างนั้นเลย

เหตุการณ์ทำนองทะเลาะกันนี้ ไม่ได้เกิดขึ้น แต่กับกรณีของผมคนเดียวเท่านั้น ในสหรัฐอเมริกา เองก็มีการทะเลาะกันระหว่างแพทย์สองกลุ่ม แพทย์กลุ่มที่รักษาคนไข้เบาหวานอย่างเดียวก็จะ กล่าวหาว่า ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยว่า มีอาการ HYPOGLYCEMIA หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ สำหรับ ผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นเบาหวาน ส่วนกลุ่มแพทย์ที่ศึกษามาทางด้านการแพทย์แบบผสม ผสานและถูกโจมตีอย่างหนักนั้น ก็จะอธิบายให้ทราบว่า ผู้ป่วยมีอาการ HYPOGLYCEMIA แบบนี้ ไม่ใช่ผู้ป่วยเบาหวานเลย และผู้ป่วยอย่างนี้ยังจะมีอาการป่วยอื่นๆ นอกเหนือไปจากป่วย เป็นเบาหวานอีกมากมาย หลายอาการด้วย

และเพื่อป้องกันการถูกโจมตี และการทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ระหว่างแพทย์สอง กลุ่ม แพทย์กลุ่มหลังนี้จึงได้ร่วมประชุมกัน และให้เรียก อาการหลายๆอย่างนี้ว่า CHRONIC FATI-GUE SYNDROME หรือชื่อว่า CFS.

และแพทย์กลุ่มหลังนี้ก็ได้ตั้งสมาคมทางการแพทย์ด้าน CHRONIC FATIGUE SYNDROME ขึ้นที่มลรัฐฟลอริดา และขณะนี้ CHRONIC FATI- GUE SYNDROME ASSOCIATION มีสาขาทั่วสหรัฐอเมริกาอยู่หลายร้อยแห่ง

ผมได้ศึกษาเรื่อง CFS อยู่กับกลุ่มแพทย์ผสม ผสานนี้เป็นเวลาหลายปี และเมื่อกลับมาเมืองไทย ก็ได้ใช้ความรู้ในด้านนี้ช่วยเหลือคนไข้จำนวนมากมาย

ก่อนจะพูดถึงอาการโดยละเอียด รวมไปถึงการ รักษาตัวเองนั้น ผมขออนุญาตระบุถึงอาการรวม ต่างๆของ CFS หรือ HYPOGLYCEMIA ซึ่งไม่ใช่ ของผู้ป่วยเป็นเบาหวานไว้ 40 อาการดังนี้ คือ

กลุ่มความผิดปกติทางร่างกาย 1. อ่อน เพลียไม่มีแรง 2. ปวดหัว-เวียนศีรษะ 3. นอนไม่หลับ 4. เหงื่อแตกบ่อยๆ 5. มือสั่น 6. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง 7. เป็นตะคริวบ่อย 8. เกิดการชักกระตุก 9. คันตามผิวหนัง 10. หน้าร้อนผ่าวบ่อยๆ 11. มีอาการภูมิแพ้ 12. มือเย็นเท้าเย็น 13. เนื้อตัวชาบางครั้ง 14. การทรงตัวไม่ดี

กลุ่มความผิดปกติของระบบต่างๆ

15. ท้องอืด ท้องเฟ้อ 16. ปากแห้งคอแห้ง 17. เบื่ออาหาร 18. อยากกินของหวานๆ 19. หิวอย่างรุนแรงก่อนถึงเวลากินอาหาร 20. ถ่ายอุจจาระผิดปกติ 21. ถ่ายปัสสาวะผิดปกติ 22. หายใจไม่ค่อยออก 23. ปากและลมหายใจมีกลิ่นแปลกๆ 24. หัวใจเต้นผิดปกติ 25. เป็นลมบ่อยๆ 26. อ้วน-น้ำหนักเกิน 27. กามตายด้าน

กลุ่มความผิดปกติทางจิตใจ/ระบบประสาท

28. รู้สึกเบื่อหน่าย-ซึมเศร้า 29. ฟุ้งซ่านขาดสมาธิ 30. วิตกกังวลโดยง่าย 31. ลังเลตัดสินใจไม่ได้ 32. รู้สึกสับสนปั่นป่วน 33. ทนเสียงอึกทึกและแสงจ้าๆไม่ได้ 34. เบื่อการพบปะเพื่อนฝูง ไม่ชอบเข้าสังคม 35. การประสานงานส่วนต่างๆของร่างกายเลวลง 36. โมโหง่าย 37. ฝ’นร้ายบ่อย 38. ความจำเสื่อม 39. มีอาการทางประสาท 40. อยากฆ่าตัวตาย

โปรดจำอาการต่างๆเหล่านี้ไว้นะครับ คราวหน้าเราจะพูดกันต่อ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น