++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2548

ทำอย่างไรให้เท้าสวย

โดย พัชรา อร่ามศรี
24 มิถุนายน 2547 08:55 น.
คราวที่แล้วสัญญากันไว้ว่าจะนำวิธีดูแลรักษาเท้ามาฝากกัน หลังจากแนะนำวิธีดูแลรักษามือไปแล้ว เพราะน้อยคนนักที่ตระหนักว่า เท้าของคนเรานั้นต้องทำงานหนักขนาดไหน ดังนั้น เราจึงควรดูแลอวัยวะส่วนนี้เป็นอย่างดี เพื่อที่เท้าจะได้สวย แข็งแรง มีสุขภาพดี และสามารถรองรับน้ำหนักตัวเราไปอีกนาน

อย่างที่บอกกันไว้แล้วว่า เท้านั้นแม้จะเป็นส่วนต่ำที่สุดของร่างกาย แต่คนโบราณถือว่าเท้าคนเรานั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นส่วนที่ได้สัมผัสพื้นผิวโลก และมนุษย์เราก็สามารถดึงดูดพลังจากพื้นโลกเข้ามาเพิ่มพูนสมรรถนะแก่ร่างกาย ได้โดยผ่านเท้านั่นเอง คนโบราณเขาจึงนิยมเดินเท้าเปล่าเพื่อเท้าจะได้สัมผัสผิวโลก

แม้คนยุคนี้จะไม่นิยมเดินเท้าเปล่า แต่ก็ใช่ว่าเท้าของเราจะไม่ต้องการการถนอมรักษา และการถนอมเท้านั้นสิ่งที่ช่วยได้มากที่สุดและดีที่สุดก็คือ “น้ำมันมะพร้าว” นั่นเอง คนโบราณจึงนิยมนำน้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อยมาถูทาเท้าก่อนเข้านอน เพื่อช่วยให้เท้านุ่มเนียนขึ้น เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการบำรุงและช่วยให้เกิดความอ่อนนุ่ม

ตำรับอายุรเวทบอกไว้ว่า แป้งถั่วที่ผสมน้ำกะทิ ถือเป็นครีมขัดผิวเท้าดีที่สุด ซึ่งส่วนผสมของสูตรนี้ก็คือ น้ำกะทิสด 3 ช้อนโต๊ะ และแป้งถั่ว 1 ช้อนชา ให้นำ 2 สิ่งนี้มาผสมจนเข้ากันดี จึงค่อยนำครีมที่ได้มาทาตรงส้นเท้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก

สำหรับคนที่มีปัญหาเป็น “หูด” หรือ “ตาปลา” ที่เท้านั้น ขอให้ลองนำตำรับอายุรเวทนี้ไปลองใช้ดู นั่นคือ ให้ฝานกระเทียมสดเป็นชิ้นหนาๆ แล้วนำมาถูตรงหูด-ตาปลา ที่เป็นอยู่ หากเป็นไปได้ก็ให้เอากระเทียมสดนั้นแปะเข้าไปตรงหูด-ตาปลา แล้วเอาปลาสเตอร์ติดไว้ก่อนเข้านอน

น้ำกระเทียมสดจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และยังช่วยรักษาอาการที่เป็นอยู่ให้หายเร็วขึ้น หากใครไม่สามารถทนกลิ่นฉุนเฉียวของกระเทียมได้ ก็ให้ฝานมันฝรั่ง หรือใช้สับปะรด มาตัดแปะไว้ที่หูด-ตาปลา ก็จะช่วยรักษาให้อาการเหล่านี้หายเร็วขึ้นได้เช่นกัน

วิธีรักษาหูด-ตาปลา อีกตำรับหนึ่งที่ยังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ก็คือ ให้นำผ้าสำลีเนื้อนุ่ม หรือ ผ้าขาวบาง ไปชุบน้ำมันสนแล้วแปะไว้บริเวณที่เป็นหูด-ตาปลาช่วงก่อนนอน หรือจะใช้ยารักษาหูด-ตาปลาตามสูตรนี้ก็ได้

ส่วนผสมก็คือ น้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วยตวง น้ำมันการบูร 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันสน 1 ช้อนโต๊ะ หากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขให้นำมาอุ่นจนละลายก่อน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำมันอีก 2 ชนิดตามสูตร กวนให้เข้ากันแล้วเทใส่ขวดแก้วเก็บไว้ ใช้ทาลงบนหูด-ตาปลาวันละ 2 ครั้ง

ส่วนปัญหา “ส้นเท้าแตก” ที่คนไทยเราเป็นกันมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบสวมรองเท้าแตะนั้น ตำราบอกไว้ว่า การแช่เท้าในน้ำอุ่นที่ผสมเกลือและน้ำมันกานพลู จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ส่วนผสมของสูตร นี้ก็มี เกลือทะเล 1 กำมือ น้ำมันกานพลู 5 หยด และน้ำมันละหุ่ง 1 ช้อนโต๊ะ เอาส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในน้ำอุ่นจัด ที่กะพอให้ท่วมเท้า แล้วแช่เท้าลงไปจนกว่าน้ำจะเย็น

อีกสูตรหนึ่งที่จะช่วยรักษาส้นเท้าแตกได้ก็คือ ให้นำ น้ำมันมะพร้าวครึ่งถ้วยตวง กลีเซอรีน 1 ช้อนชา และน้ำกุหลาบ 2 ช้อนโต๊ะ มาเทลงในขวดฝาเกลียว แล้วเขย่าจนเป็นเนื้อเดียวกันและใช้ทาก่อนนอน เมื่อน้ำมันซึมเข้าไปในผิวหนังสนิทแล้ว ก็ให้สวมถุงเท้าทับอีกชั้นหนึ่งเพื่อจะทำให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

ส่วนคนที่มีอาการ “เท้าเจ็บ” ให้ลองใช้สูตรนี้คือ โยเกิร์ตแบบธรรมดา 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา ผสมเข้าด้วยกันแล้วทาลงบริเวณที่เจ็บ แบคทีเรียในโยเกิร์ตจะไปช่วยบำบัดอาการเจ็บเท้าได้อย่างดี

นอกจากสูตรต่างๆ ที่นำมาใช้รักษาอาการต่างๆ ของเท้าแล้ว ก็ขอแถมท่าบริหารเท้าเป็นการทิ้งท้าย เพราะการบำรุงรักษาเท้าที่ดีนั้น จะต้องรู้จักวิธีบริหารเท้าอย่างเหมาะสมด้วย โดยวิธีที่จะแนะนำต่อไปนี้ ควรทำซ้ำๆ ท่าละ 5 ครั้ง

1. เหยียดนิ้วเท้าให้สุดแล้วหดฝ่าเท้าเข้าหาตัว

2. หมุนข้อเท้า โดยหมุนตามและทวนเข็มนาฬิกาสลับกันไป

3. ดึงปลายนิ้วแต่ละนิ้วเบาๆ แล้วบีบนิ้วเท้าแต่ละข้างเข้าหากัน ทำซ้ำข้างละ 2 ครั้ง

4. เดินโหย่งด้วยปลายเท้าพร้อมนับ 1 ถึง 10 สลับไปด้วยการเดินโหย่งด้วยส้นเท้าและนับ 1 ถึง 10

5. หากวันใดเราเดินมากเกินไป ก็ให้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าด้วยการนวดทั้งฝ่าเท้าและช่วงขา กะพอประมาณไม่ให้เบา หรือแรงเกินไป

การดูแลรักษาเท้าตามอาการที่ถูกต้องและการบริหารเท้าเป็นประจำทุกวัน เพียงแค่นี้ก็จะทำให้เราเป็นคนที่มีสุขภาพเท้าดีได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น