++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

เปิดประวัติวัยเยาว์ : “ไอ้หมาใหญ่” ธิดา ถาวรเศรษฐ




ศูนย์ข่าวภาคใต้
     
       ประวัติชีวิตของ ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.ที่เผยแพร่อยู่ในเวลานี้ ส่วนใหญ่จะนำเสนอชีวิตช่วงหลังการเรียนจบ และเข้าป่าร่วมกับ พคท. แทบไม่ได้กล่าวถึงประวัติชีวิตวัยเยาว์ และครอบครัวแบบครบถ้วนเลย ขนาดประวัติชีวิตที่เผยแพร่ผ่านสารานุกรมเสรีทางอินเทอร์เน็ตยังกล่าวแค่เพียงว่าเป็นชาวสุราษฎร์ธานีแค่สั้นๆ แล้วก็ข้ามไปช่วงชีวิตหลังเรียนจบไปแล้ว



ธิดา ถาวรเศรษฐ ในวัยกำดัดขณะกลับจากกรุงเทพฯ ไปเยี่ยมญาติที่บ้านเกิด
       เคยมีการเผยแพร่ความทำนองว่า ธิดา ถาวรเศรษฐ เป็นคุณหนูในตระกูลถาวรเศรษฐ เป็นตระกูลใหญ่เศรษฐีเมืองสุราษฎร์ฯ ที่แหกคอกเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ แต่แท้จริงแล้ว ตระกูลถาวรเศรษฐ หาได้จัดในระดับคหบดีแต่อย่างใด ก๋ง คือ ทวดของธิดามาจากไหหลำ ตั้งรกรากใกล้พุมเรียง อำเภอไชยา อยู่ในตระกูลแซ่ด่าน พ่อของธิดา เดิมชื่อเฮ้ง ชื่อไทย บัญชา ซึ่งต่อมา เข้ามาเรียนหนังสือต่อในเมืองสุราษฎร์ฯ และเคยไปเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ระยะหนึ่งแต่ไม่จบ กลับมาทำงานเป็นลูกจ้างในบริษัทขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ญาติผู้ให้ข้อมูลบอกว่า นายบัญชาทำงานกับบริษัทที่ขายสบู่ซันไลต์ (น่าจะเป็นลีเวอร์บราเธอร์) แล้วก็เปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่ด่าน” เป็น “ถาวรเศรษฐ” ในเวลาต่อมา
     
       ทางสายแม่ก็เป็นคนเชื้อสายจีนไหหลำเช่นเดียวกัน แม่ชื่อ ยิหวา สอนภาษาจีนจึงมีบ้านในตัวเมืองสุราษฎร์ฯ หรือที่เรียกกันว่า “บ้านดอน” ข้างๆ ศาลเจ้าไหหลำ ตลาดล่าง ซึ่งคนยุคนั้นเรียกกันติดปากว่า “โรงพระไหหลำ” ปัจจุบัน ญาติฝ่ายแม่ใช้นามสกุลสุทธิสุวรรณ ดังนั้น ฐานะครอบครัวนี้จึงไม่น่าจะอยู่ในระดับคหบดีดังที่เคยมีข่าวสารเผยแพร่ออกมาก่อนหน้า น่าจะอยู่ระดับพอมีอันจะกินในระดับกลางที่สามารถส่งเสียลูกจบการศึกษาชั้นสูงในยุคนั้นได้
     
       บัญชา (เฮ้ง) และ ยิหวา ถาวรเศรษฐ มีลูก 6 คน ธิดาเป็นลูกคนโต มีน้องสาว 2 น้องชาย 3 บ้านนี้ลูกสาวเรียนจบทางด้านเภสัชศาสตร์ทุกคน ขณะที่ฝ่ายลูกชายรับราชการทหารยศพลเอกทหารบกคนหนึ่ง ค้าขายทำร้านสเต๊ก และเรียนจบวิศวกรรมศาสตร์อีกคนหนึ่ง
     
       ด้วยความที่เป็นหลานคนโตของสายพ่อบัญชา (เฮ้ง) ทำให้ปู่ย่าที่อยู่ไชยารักเอ็นดูมาก ญาติผู้ใหญ่ที่ให้ข้อมูลเล่าว่า ญาติเรียกชื่อธิดาว่าธิดาแต่เล็กไม่มีชื่อเล่น แต่ก๋งเรียกอย่างเอ็นดูติดปากว่า “ไอ้หมาใหญ่”
     
       ธิดาไม่ได้อยู่ไชยา เพราะพ่อแม่มาอยู่บ้านดอนจึงเป็นเด็กบ้านดอนในตัวเมืองสุราษฎร์ฯ มาตั้งแต่เกิด เรียนประถมที่โรงเรียนมานิตานุเคราะห์ ต่อจากนั้น ก็เรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนสตรีสุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสุราษฎร์พิทยา) เป็นคนเรียนดี และกล้าแสดงออก ได้เป็นหัวหน้าชั้นตั้งแต่สมัยเรียน แต่ด้วยพ่อทำงานกับบริษัทค้าขายต้องย้ายที่อยู่ เช่น ไปอยู่ทุ่งสง ซึ่งเป็นชุมทางรถไฟสำคัญเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชระยะหนึ่ง และต่อมา ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ธิดาจึงย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่สาธิตประสานมิตรในช่วงมัธยมปลาย และเรียนต่อทางด้านเภสัชศาสตร์ตามประวัติที่ทราบกันมาก่อน
     
       ญาติทางสุราษฎร์ฯ อธิบายเหตุที่ครอบครัวของธิดามีฐานะค่อนข้างดีในปัจจุบัน เพราะหลังจากออกจากป่าได้มีอาชีพเป็นนายหน้าค้าที่ดินในยุคที่ดินบูม จึงไม่น่าแปลกที่บัญชีทรัพย์สินของ นพ.เหวง โตจิราการ ระบุว่า ครอบครัวนี้มีที่ดินในครอบครองมากกว่า 100 ไร่ นอกจากการเป็นนายหน้าที่ดินยังพบว่า ธิดาพยายามจะประกอบอาชีพอีกหลายอย่าง เช่น เคยหาซื้อสวนแถวอำเภอบ้านนาสาร สุราษฎร์ธานี และยังเคยพยายามทำบ่อเลี้ยงกุ้งที่ อ.ท่าชนะ สุราษฎร์ธานี แต่ไม่สำเร็จ
     
       ข่าวสารที่สำนักข่าวอิศราเคยสืบค้นว่าตระกูลถาวรเศรษฐประกอบธุรกิจเรื่อง “เปิดขุมทรัพย์ “ธิดา” ประธาน นปช. ชังอำมาตย์-คู่ค้า ม.มหิดล ฟัน 380 ล้าน” โดยตระกูลนี้มีมีธุรกิจอย่างน้อย 2 แห่งคือ บริษัท เฟอร์โน่ จำกัด และ บริษัท สเพรด บิสซิเนส จำกัด (http://www.isranews.org/investigate/71-investigate/5476--380-.html) แท้จริงเป็นกิจการของน้องสาวคนรองซึ่งมีฐานะที่ดีที่สุดในบรรดาพี่น้อง และได้นำชื่อพ่อ (ปัจจุบันเสียชีวิต) และพี่น้องไปร่วมถือหุ้นด้วย จึงปรากฏมีชื่อของธิดา ถือหุ้นในกิจการดังกล่าว
     
       ญาติผู้ใหญ่ที่ให้ข้อมูลระบุว่า ไม่เฉพาะแค่พี่น้องท้องเดียวกันเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเมืองแบบเสื้อแดง เพราะขนาดลูกสาวคนโตคือ น.ส.มัชฌิมา โตจิราการ ซึ่งเรียนอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ปัจจุบัน เรียนต่อปริญญาเอกที่ญี่ปุ่นเองก็ไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ในฐานะญาติเมื่อพบปะกันก็จะเลี่ยงไม่พูดเรื่องการเมือง นี่จึงเป็นความสัมพันธ์กันแบบพี่น้องแบบคนละขั้ว
     
       สำหรับภาพถ่ายธิดา ถาวรเศรษฐ วัยประมาณ 15-16 ปี ระหว่างเรียนมัธยมปลายที่ได้มา เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อธิดาไปอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องที่สุราษฎร์ธานี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น