ยะลาจัดเต็ม “วันกล้วยหิน” พืชเศรษฐกิจของดีบันนังสตา

ยะลา - อำเภอบันนังสตา จ.ยะลา จัดงานวันกล้วยหินของดี อำเภอบันนังสตา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และครบรอบ 105 ปี อำเภอบันนังสตา ด้านเกษตรอำเภอระบุ กล้วยหินกำลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตลาดกำลังต้องการ

วันนี้ (6 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียนบันนังสตาอินทรฉัตร อ.บันนังสตา จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วย นายเมธี กาญจนะพังคะ นายอำเภอบันนังสตา หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ จำนวนกว่า 2,000 คน ได้เข้าร่วมงานมหกรรมวันกล้วยหินอำเภอบันนังสตา ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา เทิดพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และครบรอบ 105 ปีอำเภอบันนังสตา และยังเป็นการส่งเสริมพืชท้องถิ่นที่มีคุณค่า และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่

นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกกล้วยหินมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กล้วยหินนับเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวอำเภอบันนังสตา และสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่พื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการจัดงานวันกล้วยหินบันนังสตาในครั้งนี้ นอกจากจะส่งเสริมพืชเกษตรที่สำคัญในพื้นที่อำเภอบันนังสตาแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมความรักความสามัคคีของประชาชนที่ใช้ชีวิตร่วมกันท่ามกลางความหลากหลายทางวัฒนธรรม ตามแนวทางวัฒนธรรมดับไฟใต้

ด้านนายชำนาญ ปิยัง เกษตรอำเภอบันนังสตา เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ ในพื้นที่อำเภอบันนังสตา มีการปลูกกล้วยหินกันมากถึง 4,000 ไร่ โดยเป็นการปลูกแซมในพื้นที่ที่มีอยู่ เช่น ในสวนยางพารา สวนผลไม้ ทุเรียน ลองกอง และที่ผ่านมา หลังจากผลไม้อย่างลองกองไม่ได้ผลผลิตตามฤดูกาล ก็ทำให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาให้ความสำคัญกับการปลูกกล้วยหินเพื่อเสริมรายได้ อีกทั้งขณะนี้กล้วยหินของอำเภอบันนังสตากำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อถึงในสวน และนำส่งออกไปยังพื้นที่ต่างๆ สร้างรายได้เสริมให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี

เกษตรอำเภอบันนังสตา ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ทางเกษตรอำเภอบันนังสตาได้ลงพื้นที่สำรวจ และทำการรวมกลุ่มชาวบ้าน เป็นกลุ่มแม่บ้านในการแปรรูปกล้วยหินเป็นผลิตภัณฑ์โอทอปประจำพื้นที่ ซึ่งมี กล้วยหินฉาบ ที่ขึ้นชื่อของอำเภอบันนังสตา โดยสามารถสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มแม่บ้านได้ถึงคนละ 6,000 บาทต่อเดือน ถือเป็นรายได้เสริมที่ ดีและมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก