++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

มหาสารคามบูรณาการ 3 กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ



by สำนักสารนิเทศ
มหาสารคามบูรณาการ 3 กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถ รพ.มหาสารคาม จัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อใช้สิทธิค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ที่ห้องประชุมตักสิลา ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมหาสารคาม ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อใช้สิทธิค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ, สมาคมประกันวินาศภัย , บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้บูรณาการความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาจากการเบิกค่ารักษาพยาบาลของกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ โดยมีนายแพทย์สุรกิจ ยศพล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิด นายแพทย์สุรกิจ ยศพล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นการรวบรวมหน่วยงานภาคีทั้งหมดที่ได้ร่วมกันผลักดันและร่วมกันหาแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ในด้านการใช้สิทธิค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ทั้งยังเป็นการเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการประกาศรวม 3 กองทุน อันได้แก่ กองทุนสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท) - ประกันสังคม - สวัสดิการข้าราชการ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาลโดยไม่มีเงื่อนไข โดยมี บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นตัวกลางในการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันแทนผู้ป่วย จะทำให้โรงพยาบาลสามารถเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนได้มากขึ้น และ ผู้ประสบภัยได้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง และ ทันท่วงที และมี สปสช เป็นหน่วยงานกลางสำรองจ่ายเงินให้แก่สถานพยาบาลก่อน แล้วจึงเรียกเก็บตามสิทธิ์ของผู้ป่วยภายหลัง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการบริการทันท่วงที ไม่ต้องกังวลเรื่องสิทธิ์การรักษาอีกต่อไป ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ 1 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา นายแพทย์สุรกิจ ยศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลผู้ประสบภัยจากรถจะมีการเชื่อมโยงข้อมูล ผ่านระบบ e-claim (อีเครม) ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนการดำเนินงาน อาทิ การเชื่อมโยงข้อมูลผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจากรถ การรับ - ส่งข้อมูลสิทธิค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ส่งผลให้เกิดการบูรณาการร่วมกันแก่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการบริการแบบทั่วถึง ต่อเนื่อง และ มีคุณภาพ ตลอดจนได้มีการหามาตรการในการแก้ไขปัญหา ข้อกฎหมาย ที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนได้มากที่สุด ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ด้านการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย และเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คือ อยากเห็นคนไทยสุขภาพดี มีระบบดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้นต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น