++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

อายุเป็นเพียงตัวเลข! หนุ่ม 18 คว้าปริญญาตรี มนุษยศาสตร์ ม.ราม



“ผมคิดเสมอว่าไม่ว่าคนเราอายุเท่าไรก็สามารถที่จะเรียนได้ทั้งนั้น คนเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่เรียนรู้นั้นจะเป็นความรู้ได้ก็ต่อเมื่อเรานำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ต่อยอด คิดต่อให้เกิดประโยชน์ คิดแบบวัฒนะ แม้ว่าผมกำลังจะจบปริญญาตรีด้วยอายุที่น้อยกว่าคนอื่น แต่ผมก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งที่สุดในคนอายุเท่ากัน ผมคิดว่าคนที่เก่งอยู่คนเดียวก็เหมือนกับต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่โดยไม่มีต้นไม้ต้นอื่นอยู่รายล้อม ไม่มีวัชพืช ไม่มีดอกไม้รอบๆ ไม่นานต้นไม้ต้นนี้ก็จะเฉาตาย ผมว่าทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เป็นพลังผลักดันให้ประเทศชาติเจริญยิ่งๆขึ้นไป”



“ต้นคูน” นายณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์



นี้คือความคิดของเด็กหนุ่มวัย 18 ปี อย่าง “ต้นคูน” นายณัฐพงศ์ ลาภบุญทรัพย์ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว ตัดสินใจเลือกเข้าศึกษาระบบ Pre-degree ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ขณะเรียนชั้น ม.4 อายุ 15 ปี เมื่อจบชั้นม.ปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สามารถสะสมหน่วยกิตได้ 141 หน่วยกิต เหลือเวลาเรียนอีกเพียง 1 เทอม ก็จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วยอายุ 18 ปี ทั้งยังสามารถสอบแอดมิชชั่นติดที่คณะเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาการเภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย

ต้นคูน เผยถึงการจัดสรรเวลาเรียนและการเตรียมตัวสอบของเขาว่า ตนเองไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ว่ามีความสนใจในสาขาวิชานี้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่การเลือกคณะที่เราจะเรียนว่า เป็นสาขาวิชาที่เราชอบจริงหรือไม่ บางคนอาจจะเลือกเพราะที่บ้านชอบ บางคนอาจจะเลือกเพราะเพื่อนเรียนคณะนี้ สาขานี้ ก็เลยลงเรียน ซึ่งการตัดสินใจโดยไม่ถามใจของตัวเองนั้นจะทำให้เราเหนื่อยและเรียนไม่จบ แต่ถ้าเราเลือกสาขาวิชาที่สนใจจริงๆ เราก็จะมีความกระตือรือร้นที่จะศึกษาเล่าเรียนตลอดเวลา

“การเรียนจะไม่เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ ถ้าเรารู้จักยึดหลักอิทธิบาท 4 ที่คนเราต้องมี “ฉันทะ” คือมีใจรักกับสาขาวิชานั้นๆก่อน แล้วความเพียรพยายามความเอาใจใส่ก็จะเกิดขึ้นกับเรา นอกจากนั้น เราต้องให้ความสนใจกับระเบียบและกระบวนการศึกษาด้วยเช่น การเลือกวันเวลาสอบให้ไม่ตรงกับวันและเวลาสอบที่โรงเรียน ซึ่งส่วนมากจะไม่ตรงกันอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ ในช่วงที่ศึกษาทั้งที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยนั้น ต้นคูนจะใช้เวลาตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมที่โรงเรียนอย่างเต็มที่ เมื่อโรงเรียนปิดเทอม ต้นคูนจะทุ่มเทเวลาให้กับวิชาต่างๆของรามคำแหงซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องการจัดตารางเรียน เพราะเจ้าตัวเลือกคณะที่รักตั้งแต่ต้น จึงทำให้การเตรียมตัวในระยะ

“ระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงปิดเทอมสำหรับเด็ก ม.ปลายไม่ใช่เรื่องใหญ่ และไม่ใช่เรื่องยาก ผมจะทำสรุปไว้ พอถึงเวลาอ่านแต่สรุป ซึ่งในนั้นผมจะไม่ได้มีแค่เนื้อหาอย่างเดียว เพราะข้อสอบวิชาประวัติศาสตร์เกือบทั้งหมดเป็นอัตนัย ผมจะใส่แนวคิดของตนเองฝึกวิเคราะห์ สังเคราะห์ตามกระบวนการทางประวัติศาสตร์ เมื่ออ่านเนื้อหาไปลองตั้งคำถามกับตนเองว่าถ้าเราเป็นคนสอนวิชานี้เราอยากวัดความรู้เรื่องใดจากนักศึกษา พอฝึกทำบ่อยๆเราก็จะพอเดาได้เลยว่า ข้อสอบวิชานี้จะออกในประเด็นใด ที่สำคัญ พอสอบเสร็จแล้ว ก็ทำให้ไม่ลืมเนื้อหา เพราะเราได้ใช้ความตั้งใจไปแล้วตอนสรุปครั้งหนึ่ง

ส่วนเรื่องการแอดมิชชั่น ผมเตรียมการไว้ล่วงหน้า โดยการเอาวิชายากๆที่เป็นวิชาเอก วิชาโท ไปไว้ตอนผมอยู่ ม.4-ม.5 ให้หมด พอผมขึ้น ม.6 มา ต้องเรียนพิเศษมาก อ่านหนังสือสอบแอดมิชชั่นมาก ก็เลยลงแต่วิชาพื้นฐานบางตัวที่เหลืออยู่ แล้วก็วิชาเลือกเสรีครับ”

นักเรียน Pre-degree บอกถึงความภูมิใจว่า ผมเชื่อคำพูดข้อหนึ่งว่า “ความรู้ทำให้คนองอาจ”เพราะผมได้ใช้ความรู้วิชาประวัติศาสตร์จากที่เรียนมา พาเพื่อนๆ พาครอบครัวไปเที่ยวหลายครั้ง ทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และไม่ใช่ประวัติศาสตร์ ซึ่งผมต้องลงเรียนวิชาด้านการท่องเที่ยวของคณะบริหารธุรกิจด้วย จึงได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาสร้างสรรค์ให้การท่องเที่ยวแต่ละครั้งมีคุณค่ามากขึ้นที่สำคัญ ผมต้องขอบพระคุณคณาจารย์ของรามคำแหงที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จครั้งสำคัญในชีวิต คือการได้เข้ารับพระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศการแข่งขันประวัติศาสตร์เพชรยอดมงกุฎระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จากสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งเป็นสนามแข่งขันวิชาประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีนักเรียนเข้าแข่งขันจากทั่วประเทศเกือบ 1,000 คน ทำให้ครอบครัวและตนเอง รวมถึงคุณครูที่โรงเรียนก็ดีใจที่ผมได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนด้วย"

นอกจากนี้ ต้นคูน ไม่ลืมที่จะเอ่ยถึงข้อดีของการเรียนระบบ Pre-degree ม.ราม ที่ เปิดโอกาสให้นักเรียนม.ปลายเข้ามาสัมผัสชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยก่อนล่วงหน้า

“ประสบการณ์แบบนี้เป็นสิ่งที่มีค่าและหาซื้อไม่ได้ การเรียนในมหาวิทยาลัยทำให้ผมมีเพื่อนใหม่ ได้เจอรุ่นพี่และอาจารย์ที่ดี ได้เรียนจบก่อนใครสามารถสร้างโอกาสให้ตนเองได้เร็วกว่าคนอื่นด้วย ตอนนี้ผมสอบแอดมิชชั่นได้ที่คณะเภสัชฯจุฬาฯ ก็ตั้งใจจะเรียนให้ดีที่สุด และเป็นติวเตอร์อิสระให้กับน้องๆในวิชาภาษาไทยกับสังคมศึกษา ซึ่งเวลาสอนผมใช้ความรู้ที่ได้ในระดับอุดมศึกษาจากรามคำแหง โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยที่ผมเรียนเป็นวิชาโทด้วย”

ต้นคูน บอกอีกว่าไม่เพียงความรู้ที่ได้จากรามคำแหงเท่านั้น รามคำแหงยังสอนให้รู้จักความเพียรพยายาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมี ดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า วายเมเถว ปุริโส ยาว อตฺถสฺส นิปฺปทา-เกิดเป็นคนควรพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ “ผมเชื่อว่าศักยภาพของทุกคนมีไม่น้อยไปกว่ากัน อยู่ที่ว่าแต่ละคนนำศักยภาพของตนเองออกมาใช้มากน้อยเพียงใด คนเราจะทำให้สำเร็จหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความฉลาดหรือพรสวรรค์ แต่ขึ้นอยู่กับความเพียรพยายามมากกว่า”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น