++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผู้เชี่ยวชาญโภชนาการ ห่วงภัยวัยรุ่นกิน “อาหารเสริม” เสี่ยงไอคิวต่ำ สมองตื้อ ขาดสารอาหาร ตับไตพัง


by สำนักสารนิเทศ
        ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ห่วงวัยรุ่นยุคใหม่ที่กินอาหารเสริมวิตามินต่างๆแทนข้าว เพราะห่วงสวย   อยากมีหุ่นผอมเพรียว ผิวสวย ตาหวาน จะมีอันตราย   เสี่ยงสูงเป็นโรคขาดสารอาหารหรือได้สารเคมีเกิน  ตับไตพัง ไอคิวต่ำลง สมองไม่แล่น ป่วยง่าย   ชี้ไม่มีอาหารเสริมชนิดใดที่กินแล้วร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทั้ง 5หมู่เหมือนกินข้าว

นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและที่ปรึกษาสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระแสของวัยรุ่นทั้งชายและหญิงในปัจจุบัน ใช้ชีวิตอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะวัยรุ่นที่อยากมีรูปร่างผอมเพรียวเหมือนนางแบบตามกระแสแฟชั่น หรืออยากมีผิวขาวสวย ตาหวาน มักจะนิยมกินอาหารเสริมต่างๆ ทั้งชนิดเม็ด แคปซูล หรือชงดื่ม เช่น ผงบุก วิตามินต่างๆ ซึ่งมีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายทางอินเทอร์เน็ต และตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ส่วนใหญ่นิยมกินแทนกินอาหารหลัก เพราะอาหารประเภทนี้กินแล้วจะทำให้อิ่ม   ไม่หิวง่าย ทำให้น้ำหนักลด บางรายการอาจมีการโฆษณาเสริมวิตามินหรือสารอาหารอื่นๆเข้าไปด้วย   ทำให้เข้าใจ หลงเชื่อว่ามีสารอาหารครบถ้วน และยังมีสรรพคุณป้องกันโรคมะเร็ง หรือสร้างภูมิต้านทานโรคด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้  

 นายสง่ากล่าวว่า วัยรุ่น วัยเรียนเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต  จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอ การหันไปกินอาหารเสริมต่างๆ เพื่อให้อิ่มจะได้ไม่ต้องกินอาหารหลัก หวังลดน้ำหนัก ให้รูปร่างผอมเพรียวนั้น เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารบางตัว ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน            มีโอกาสที่จะเป็นโรคขาดสารอาหาร  ซึ่งโรคนี้เคยเป็นปัญหาในกลุ่มเด็กเล็กในอดีตและพบได้น้อยลงแล้วในปัจจุบัน โรคอาจหวนกลับมาเป็นปัญหาใหม่ของกลุ่มวัยรุ่นไทยก็ได้ จากการกินอาหารเสริมแทนอาหารมื้อหลัก ซึ่งจะส่งผลให้มีร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย เพราะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ มีอาการเซื่องซึม ไม่กระตือรือร้น เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง เพราะการกินอาหารเสริมนั้น ไม่สามารถไปทดแทนอาหารหลัก เช่น ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว ได้

“วัยเรียน เป็นวัยที่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หากกินแต่อาหารเสริมแทนอาหารหลัก จะมีผลต่อเซลล์สมอง จะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ การเจริญเติบโตของเซลล์สมองไม่เป็นไปตามปกติ ส่งผลให้การเรียนรู้และสติปัญญาด้อยกว่าที่ควรจะเป็น ไอคิวต่ำลง มีผลต่อการเรียนหนังสือและความจำด้วย เพราะฉะนั้นการกินอาหารเสริมไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ไม่สามารถช่วยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอาหารเสริมเม็ดใด ขวดใด แคปซูลใด ที่กินแล้วร่างกายจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนทั้ง 5หมู่ คือมี โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต อย่างครบถ้วน” นายสง่ากล่าว
นายสง่ากล่าวต่อไปว่า สำหรับอาหารเสริมประเภทที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผงบุก วิตามินสารสกัดจากตะบองเพชร ที่มีการโฆษณาว่าไม่เป็นอันตรายนั้น  ในแง่ของโภชนาการ ก็ไม่สามารถทดแทนอาหารหลักได้เช่นกัน และหากเป็นอาหารเสริมที่ทำมาจากสารเคมีหรือสังเคราะห์จากสารเคมียิ่งมีอันตราย เพราะหากกินเป็นจำนวนมาก กินติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีโอกาสเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับสารเคมีเกิน  จะทำให้ตับและไตทำงานหนัก อาจทำให้เกิดตับวายและไตวายได้ในที่สุด เช่นสารแอลคาร์นิทีน (L-carnitine) ที่อยู่ในอาหารเสริมลดน้ำหนัก หากกินมากๆ อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้   ซึ่งข้อเท็จจริงสารอาหารชนิดนี้ มีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เช่น สัตว์เนื้อแดงชนิดต่างๆ ปลา หรือผัก ผลไม้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งจากอาหารเสริมซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ มีราคาแพงและเปล่าประโยชน์            
                                                         
จึงขอฝากเตือนวัยรุ่น ที่นิยมกินอาหารเสริม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  หากกินไปแล้วเพราะความหลงเชื่อโฆษณา ก็ควรลด และควรเลิกกินอย่างเด็ดขาด  ขอให้หันมากินอาหารหลักให้ครบทั้ง 5หมู่ และเพิ่มการออกกำลังกาย กินผักผลไม้สดให้ได้วันละครึ่งกิโลกรัม   นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ความต้องการที่จะมีหุ่นสวย ตาใส ร่างกายแข็งแรง สมส่วน มีสมองที่ปราดเปรียว พร้อมในการเรียนหนังสือ จะมีตามที่ต้องการ และยังไม่เสี่ยงเป็นโรคขาดสารอาหารอีกด้วย นายสง่ากล่าว

*********************************** 7 สิงหาคม 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น