++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ICT FRee Wifi เร่งขยายไวไฟฟรีกว่า 2.5 แสนจุดทั่วปท.


ICT เร่งขยายไวไฟฟรีกว่า 2.5 แสนจุดทั่วปท.

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวในรายการ รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ว่า รัฐบาลได้เร่งพัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง

ซึ่งเปรียบเสมือนโครงสร้างพื้นฐาน หรือ ทางหลวงอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ทางเทคโนโลยีได้อย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของประเทศ เพื่อเข้าถึงแหล่งความรู้และนำไปต่อยอดได้ เชื่อว่า ไม่เกิน 3 ปี นับจากนี้ จะเห็นภาพชัดเจน

ทั้งนี้ ก่อนที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง มีประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยี ประมาณ 12% แต่ภายหลังจากมีนโยบายดังกล่าว ทั้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ต่างเพิ่มและขยายโครงข่ายเน็ตเวิร์กทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ประมาณ 20 ล้านคน หรือ คิดเป็น 30% และอนาคตคาดว่าจะมีประชาชนเข้าได้ถึง 80% ในปี 2558

และเพื่อเป็นการช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ต ได้เพิ่มมากขึ้นทางรัฐบาลได้เตรียมติดตั้ง ระบบฟรี ไวไฟ ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดทดลองใช้งานไปแล้วประมาณ 10,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อดูความพร้อม ทั้งยังได้ร่วมกับรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนเปิดให้บริการในพื้นที่สาธารณะทั้ง 77 จังหวัด ความเร็วประมาณ 2 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งเป็นความเร็วที่เหมาะสม

ประชาชนสามารถใช้งานได้สะดวก และล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้เปิดบริการฟรี ไวไฟ โดยตั้งเป้าสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ จะติดตั้งให้ได้ประมาณ 100,000 จุด จากนั้นจะเร่งขยายเพิ่มเติมอีก โดยคาดว่า ไตรมาส 1-2 ของ ปี 2556 จะมีไม่ต่ำกว่า 250,000 จุด

ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมทดลองใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงฟรี หลังรัฐบาลได้เปิดตัวไป

พร้อมกันนี้ ยังได้เชิญชวนประชาชนรวมลงนามถวายพระพรออนไลน์เนื่องในปีมหามงคลภายในนิทรรศการรอยัลพาวิลเลียน ในงาน ICT Expo 2012 อีกด้วย

รมว.ไอซีที กล่าวถึงวิธีการใช้งานว่า ประชาชนสามารถค้นหาเครือข่ายชื่อ "ICT FREE HOTSPOT" ซึ่งจะเข้าไปสู่หน้าระบบ และสามารถลงทะเบียนได้ด้วยชื่อและหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยจะได้รับรหัสการใช้งานมา

จากนั้นเข้าสู่ระบบใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งสามารถใช้ติดต่อกันได้ 20 นาที หากครบกำหนดก็สามารถเข้าสู่ระบบการใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง

น.อ.อนุดิษฐ์ ยังกล่าวถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลประชาชนเมื่อประสบภัยพิบัติ ด้วยการนำระบบคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ แล้วส่งมายังศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อประมวลผล ก่อนส่งข้อมูลกลับไปให้ประชาชนได้รับทราบ

และหาทางรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น หากเครือข่ายการสื่อสารต่างๆ ไม่สามารถใช้ได้ ภาครัฐได้เตรียมระบบการสื่อสารสำรองไว้พร้อมแล้ว ทั้งโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม วิทยุสื่อสาร และรถดาวเทียม

ขณะเดียวกัน ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ให้ความรู้กับประชาชนในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงภัย 20 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัยอีกทางหนึ่งด้วย

รวมถึงระบบเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำที่รวบรวมข้อมูลปริมาณน้ำในพื้นที่ต่างๆ ก่อนประมวลและแสดงผลให้ประชาชนเข้าใจง่าย ผ่านทางเว็บไซต์ www.waterforthai.go.th

by..@ict /nation

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น