by สำนักสารนิเทศ
แพทย์หญิงวนิดา สาดตระกูลวัฒนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอินทร์บุรี เปิดเผยว่า ในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไปมาก ส่งผลให้การดำเนินชีวิตต้องเร่งรีบ แข่งขันกับเวลา ประชาชนขาดการดูแลสุขภาพ จึงทำให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้ง่าย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการอุปโภคบริโภคและการดูแลสุขภาพไม่ถูกต้อง ทางโรงพยาบาลอินทร์บุรี และคณะเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทร์บุรี จึงได้จัดโครงการโรงพยาบาลต้นแบบการควบคุมกำกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและโรคอ้วน ซึ่งจากการสำรวจสุขภาพของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอินทร์บุรี ทั้งหมด ๕๖๕ คน พบว่าป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง ๕๙ รายโรคเบาหวาน ๒๖ ราย และโรคหัวใจ ๔ ราย และได้จัดระดับความรุนแรงของโรคตามแถบสีต่างๆ ดังนี้ แดง ส้ม เหลือง เขียว และขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ กลุ่มสีแดง ส้ม เหลือง ต้องรายงานผลทุก ๓ เดือน โดยสีเขียวเป็นกลุ่มเสี่ยง ต้องรายงานผลทุก ๖ เดือน ส่วนสีขาวเป็นกลุ่มปกติ รายงานผลทุก ๑ ปี และในส่วนโรคอ้วนก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบมาก ยิ่งรอบพุงมาก ไขมันก็จะสะสมมากขึ้น และไขมันที่สะสมนี้ จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับมีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเป็น “โรคอ้วนลงพุง” จากการตรวจค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอินทร์บุรี เกินเกณฑ์ปกติจำนวน ๒๙๗ คน ทางโรงพยาบาลจึงได้จัดโครงการ “ลดน้ำหนัก ๑ ตัน พรรษานี้อินทร์บุรีเอาอยู่” โดยเน้นเรื่อง ๓อ. ( อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ ) และ ๒ส. ( ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มสุรา ) ให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ลดน้ำหนักรวมกันอย่างน้อยให้ได้ ๑ ตัน ภายในเวลา 3 เดือน เป็นการเสริมสร้างสุขภาพ และลดการเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ที่จะตามมา คณะกรรมการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ได้ตระหนักเห็นความสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอินทร์บุรี โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักตนเอง และมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ความเป็นอยู่ หันมาใส่ใจในการดูแล รักษาสุขภาพ การรับประทานอาหาร ควรรับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการแสดงออกทางอารมณ์ไม่เครียดจนเกินไป ไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มสุรา เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ดังเช่นคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” แพทย์หญิงวนิดา สาดตระกูลวัฒนา กล่าวในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น