++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2548

พยาบาลคืนถิ่น

หากลดระยะทาง ในการเดินทางไปโรงพยาบาล คนป่วยหลายคน ดูจะลดรายจ่าย ในการรักษาพยาบาลไปได้มาก นี่เป็นที่มาของ โครงการบริการ แบบเน้นประชาชน เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วที่โรงพยาบาลภูกระดึง จ.เลย พิษณุรักษ์ ปิตาทะสังข์ นำเสนอโครงการดีๆ ที่เพิ่มทางเลือก ให้กับคนในชนบทห่างไกล

หลายปีแล้วที่ พุทธธรรม เมืองแสน หญิงวัย 41 ปี ยิ้มแย้มแจ่มใสและมักพูดคุยกับคนรอบข้างได้มากขึ้น หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อหลายปีก่อนทำให้เธอตกจากบ้าน ไขสันหลังหัก กระทั่งร่างกายครึ่งท่อนล่างขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องนอนอยู่บนเตียงเพียงเท่านั้น

แต่หลังจากพยาบาล และนักกายภาพบำบัดจากโรงพยาบาลภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย เข้ามาช่วยแนะนำวิธีดูแลตัวเองอย่างง่ายๆ และหมั่นแวะเวียนมาถามไถ่อาการอยู่บ่อยครั้ง ดูเหมือนอาการของเธอในวันนี้สร้างความประหลาดใจให้คนรอบข้างไม่น้อย

"ไม่คิดว่ากำลังใจจะกลับมาอีก จากคนรอบข้าง จากหมอและพยาบาลจากโรงพยาบาลก็มาดูแล" หญิงวัย 41 บอกเล่าพร้อมรอยยิ้ม "ตอนนี้สามีก็หมดห่วง บางวันก็นั่งรถไปไร่กับสามี"

จากกิจวัตรเดิมๆ ที่ต้องไปโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ เธอแทบไม่ต้องไปอีกแล้ว เพราะทีมพยาบาลลงพื้นที่มาดูแลด้วยตัวเองทุกอาทิตย์ มีการแนะนำวิธีการทำกายภาพบำบัดอย่างง่าย วันนี้เธอจึงออกไปไหนต่อไหนกับสามีได้สบาย

ทำงานใกล้บ้าน

หากไปตามพื้นที่เขต อ.ภูกระดึง และกิ่งอำเภอหนองหิน จ.เลย หลายคนอาจจะแปลกใจที่เห็นทีมพยาบาลและสหวิชาชีพทางการแพทย์มาดูแลชาวบ้าน ถึงที่ พร้อมกับการดูแลให้คำปรึกษาไม่ต่างอะไรจากญาติสนิทคนหนึ่งในชุมชน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เน้นการบริการแบบใกล้บ้าน-ใกล้ใจ ให้บริการโดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยมีตัวจักรสำคัญอยู่ที่พยาบาลวิชาชีพจำนวนหนึ่งคอยให้บริการตามเขต พื้นที่ห่างไกล ตามโครงการ 'พยาบาลคืนถิ่น' ซึ่งสอดคล้องกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค

พยาบาลคืนถิ่นหลายคนล้วนแต่ผ่านการทำงานจากพื้นที่อื่นมาทั้งนั้น ดังเช่น ภิรมณ โสดาจันทร์ หญิงวัย 28 ปี ซึ่งเคยทำงานในต่างจังหวัดมาก่อน แต่วันนี้เธอเลือกกลับมาทำงานในโรงพยาบาลใกล้บ้านในอำเภอภูกระดึง ความที่เป็นโรงพยาบาลในภูมิลำเนา บวกกับความหวังอยากทำงานกับชุมชนคนยากจน

"แรกๆ ก็ไม่รู้จักหรอกว่าต้องทำงานชุมชนอย่างไร" ภิรมณ บอก "จริงๆ ก็คือ ต้องดูแลผู้ป่วยมากกว่าที่เราเคยทำในโรงพยาบาล เพราะสถานีอนามัยไม่พร้อม สิ่งที่ให้มากขึ้น คือ คำปรึกษากับชาวบ้าน ซึ่งสำหรับพวกเขาจำเป็นมาก"

ในแต่ละวัน หมอ พยาบาล และทันตแพทย์ เริ่มทำงานตั้งแต่ 9 นาฬิกาถึงบ่ายสามโมง หลังจากนั้น ต้องกลับไปทำต่อที่โรงพยาบาลภูกระดึง ส่วนสถานีอนามัยจะมีพยาบาลวิชาชีพประจำอยู่กระทั่งถึงเที่ยงคืน ซึ่งสามารถให้บริการได้คล้ายกับหมอ โดยเฉพาะการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเวชปฏิบัติอย่างง่ายๆ

"เราไม่ทำหน้าที่เกินไปกว่าที่พยาบาลควรทำ การรักษาบางอย่างเป็นหน้าที่ของหมอ เราก็ต้องส่งต่อให้หมอดู แต่ถ้าอยู่ในขอบข่ายของเราก็ต้องช่วย เช่น กรณีการช่วยปั๊มหัวใจอย่างถูกวิธี ก็สามารถยื้อชีวิตคนป่วยให้รอดตายได้มาหลายรายแล้ว"

หลังจากสัมผัสงานพยาบาลชุมชนมาระยะหนึ่งแล้ว ภิรมณ ยอมรับว่า มุมมองในการทำงานพยาบาลเปลี่ยนไป โดยเฉพาะความอิสระในการทำงาน เธอได้ตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้น โดยกลั่นจากประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมา

"ปกติทำงานแค่ตามคำสั่ง ไม่ได้เจออะไรมากมาย แต่ที่นี่ได้เจอกับคนจริง เห็นความไม่เท่าเทียมกันของคนหลากหลาย อย่างน้อยๆ เราคิดว่า พยาบาลก็ทำงานได้มากมายกว่าที่เคยคิด เช่น ได้ช่วยลดปัญหาคนไข้ โดยการแนะนำให้เขาดูแลตัวเองให้ถูกวิธี ชาวบ้านเขาเชื่อเรา และพร้อมจะทำตาม เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีโอกาสเท่านั้น"

ถัดไปจากสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ ประนอม ศรีหาภูธร พยาบาลวิชาชีพจากสถานีอนามัยหนองหมากแก้ว ก็กลับมาทำงานในบ้านเกิดเช่นกัน ผิดแต่ว่า สถานีอนามัยแห่งนี้เล็กกว่าและยังไม่มีบุคลากรมากมายนัก

"อยู่ที่ทำงานเก่ารู้สึกว่าเป็นแต่ฝ่ายรับงานอย่างเดียว แต่ที่นี่เราได้ทำงานบุกเบิกใหม่ๆ ได้ลงพื้นที่" เธอเล่าในวันที่ทำงานพยาบาลมา 6 ปีแล้ว

ประสบการณ์ในพื้นที่สอนให้เธอรู้ว่า ชาวบ้านในถิ่นห่างไกลยังพึ่งพายาจากร้านขายของชำเป็นหลัก แม้ว่าตัวเองจะเผชิญกับโรคร้ายอย่างความดัน หรือโรคหัวใจก็ตาม นั่นเพราะขาดคนคอยให้ความรู้และเตือนถึงภาวะเสี่ยงในการดูแลสุขภาพ เมื่อชาวบ้านรู้สึกป่วยหนักจึงต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างเดียว

บ่อยครั้งที่ประนอม เห็นว่า คนไข้หลายรายไม่จำเป็นต้องส่งถึงมือแพทย์ก็ได้ เพียงแต่ว่าดูแลสุขภาพให้เหมาะสม เช่น งดการกินของสุกๆ ดิบๆ หรือการรับประทานผงชูรสให้น้อยลง ซึ่งต้องใช้เวลาให้ความรู้กับชาวบ้านอย่างเป็นขั้นตอน

"ตอนแรกๆ เขาก็ไม่ชิน เพราะเขาคิดว่า คนที่จะรักษาเขาได้ คือ หมอเท่านั้น จริงๆ มันไม่ใช่เสมอไป ยกเว้นบางเคสที่เกินหน้าที่ เช่น ความดันโลหิตสูง เราก็ส่งให้ถึงโรงพยาบาลเลย"

เมื่อถามถึงสิ่งที่ประนอมได้รับจากงานในชุมชน เธอตอบทันทีว่า "อยู่ที่โรงพยาบาลเราซ่อม แต่อยู่ที่นี่เราสร้าง โรคบางโรคไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็ได้ แต่ใช้วิธีบำบัด เราสอนให้เขาพึ่งยาให้น้อยที่สุด แต่เปลี่ยนมุมมองในการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น"

ในวันนี้ หากใครถามพวกเธอว่า อยากกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หรือไม่ พวกเธอจึงมีคำตอบไว้ในใจแล้วว่า "ขออยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ ดีกว่า เพราะทุกคนก็เหมือนญาติเรา"

สหวิชาชีพร่วมมือ

นอกเหนือจากพยาบาลจำนวนหนึ่งที่ทยอยกลับสู่ถิ่นของตนเอง วิชาชีพอื่นๆ เกี่ยวกับสุขอนามัยก็ได้รับการผลักดันให้กลับสู่ภูมิลำเนา และร่วมมือกันปฏิบัติงานในชุมชนต่างๆ ตามโครงการ Family Manager ดังตัวอย่างของ สุนันทา โสกัณทัต เจ้าหน้าที่เภสัชประจำสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ และกลุ่มเพื่อนๆ ในสายงานเดียวกัน

สุนันทา ก็เช่นเดียวกับพยาบาลและหมอคนอีกหลายคนที่ทำงานในโรงพยาบาลภูกระดึง และสลับกับสถานีอนามัยแห่งนี้ โดยทำงานควบคู่ไปกับเภสัชกรหลักซึ่งเวียนมาเพียงแค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลในชุมชน ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เภสัชอย่างเธอ

"มันใกล้บ้านดี" เธอตอบตรงๆ "เห็นเล็กๆ อย่างนี้แต่ก็มีระบบเหมือนกับโรงพยาบาลทุกอย่าง พวกเรารู้สึกว่าได้ทำงานกับคนที่ในชุมชนของเรา เหมือนทุกๆ คนเป็นญาติ ใครไม่สบายก็กล้ามารักษา เคยคุยกับคนไข้บางครั้ง เขารู้สึกเป็นมิตรกับเรามากกว่าไปโรงพยาบาลบางแห่งด้วยซ้ำ"

ส่วน พรรณี ศรีบัวรินทร์ นักกายภาพบำบัด วัย 26 ปี ซึ่งลงพื้นที่ในกิ่ง อ.หนองหิน เล่าให้ฟังว่า หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำงานที่จังหวัดมุกดาหาร ระยะหนึ่งก่อนจะกลับมาทำงานใกล้บ้านที่โรงพยาบาลภูกระดึง และได้ลงพื้นที่ในฐานะนักกายภาพบำบัดชุมชน

ภายในโรงพยาบาลภูกระดึงมีนักกายภาพบำบัด 3 คน แต่ละคนต้องผลัดเปลี่ยนกันลงพื้นที่และดูแลชาวบ้านคนละประมาณ 50-70 คน ส่วนใหญ่ใช้เวลาช่วงบ่ายของวันลงพื้นที่เพื่อพบปะและพูดคุยกับชาวบ้าน เหมือนอย่างวันนี้เธอได้มาดูแลหญิงสูงวัยซึ่งป่วยเป็นอัมพาต

"กรณีของหญิงคนนี้ จากเดินไม่ได้เลย เขาเริ่มขยับและเดินได้ด้วยเครื่องมือช่วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่า คนไข้มีสุขภาพดีขึ้น ทำให้ญาติพี่น้องก็รู้สึกดีขึ้นด้วย"

ก่อนหน้านี้ พรรณี ก็เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อลงพื้นที่ เพราะการลงพื้นที่สำหรับนักกายภาพบำบัดนั้น ห่างไกลกันนัก เธอนึกว่า น่าจะมีเครื่องไม้เครื่องมือเหมือนที่เคยเรียนมา แต่ในความจริง พวกในพื้นที่ไม่มีเครื่องมือมากมายขนาดนั้น

"ดีใจที่สุดก็ตอนที่เราช่วยให้ชาวบ้านอาการดีขึ้น บางคนเคยคิดจะฆ่าตัวตายก็กลับตั้งใจทำงาน ไปทำงานกับสามีได้ มาทำงานตรงนี้จึงได้เห็นชีวิตคนที่มันแย่สุดๆ กับดีสุดๆ มันสอนอะไรกับเราหลายอย่าง"

"ในบางครั้งก็มีปัญหา เช่น ญาติคนไข้บางครั้งไม่เข้าใจเรา เขาไม่รู้ว่าเราเป็นใคร จะมาช่วยเขาได้หรือ แต่ก็ต้องใช้เวลา เราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่า พวกคุณดูแลตัวเองได้ แต่ต้องเหมาะสม บางคนเป็นอัมพาต ก็ทำกายภาพบำบัดได้ ซึ่งอาจจะทำให้ดีขึ้น" เธอเล่า

ใกล้ใจ ใกล้บ้าน

การทำงานที่เน้นกับชุมชนเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่โครงการบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจจะได้รับการคัดเลือกผลงาน นวัตกรรมด้านหลักประกันสุขภาพดีเด่นระดับทอง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ประสบความสำเร็จ

น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูกระดึง จ.เลย กล่าวว่า แนวคิดเรื่องพยาบาลคืนถิ่นเน้นให้พยาบาลครึ่งโรงพยาบาลออกพื้นที่เพื่อ บรรเทาการเข้ามารับรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้รู้ว่า การทำงานกับประชาชนในเชิงรุกเป็นอย่างไร ซึ่งไม่เหมือนกับการทำงานเชิงรับ แบบที่คนไข้มานอนในโรงพยาบาล ถือว่าได้เรียนรู้งานซึ่งกันและกัน

ผอ.คนเดิม กล่าวว่า ได้เปลี่ยนแปลงหลักคิดใหม่ว่า คนที่อยู่ไกล เช่น หมู่บ้านหนึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาล 60 กิโลเมตร เราต้องใช้เวลาเดินทางนานกว่าจะเข้ามาถึงโรงพยาบาล นี่ถือเป็นความโชคร้ายของคนชายขอบ บางหมู่บ้านก็ถนนหนทางไม่สะดวก บางหมู่บ้าน 20 กิโลก็จริง แต่เป็น 20 กิโลแม้ว มันก็ยาก ช่วงหน้าฝนไม่ต้องพูดถึง นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น จึงเกิดแนวคิดว่า บางครั้งไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลก็ได้

กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ กิ่ง อ.หนองหิน จ.เลย ซึ่งเคยเป็นสถานีอนามัยเล็กๆ ที่ถูกมองข้ามมานาน ภาพในใจของชาวบ้านในย่านนั้นไม่ให้ความสนใจในมาใช้บริการมากนัก

"เป็นการลดระยะเวลาที่จะไปเจอแพทย์ จากเดิมเคยเดินทางนาน 70 กิโลเมตร แต่ที่นี่ร่นระยะเวลาได้ คนจนๆ ก็ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี แม้อาจจะทำได้ไม่ดีเท่าโรงพยาบาลแต่ก็เป็นการลดปัญหาเก่าๆ ได้"

สำหรับแนวคิดเรื่องสหวิชาชีพ เช่น นักกายภาพบำบัดจะเข้ามาช่วยลดปัญหาเก่าๆ เช่น การบำบัดด้วยการเคลื่อนไหวอย่างง่ายๆ หรือการใช้ยาผิดๆ บางคนปวดคอก็ใช้วิธีการนวดได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาบวดหาย หรือทัมใจ ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ และกลับมีโทษที่ตามมาด้วย

นักกายภาพบำบัดจะออกอาทิตย์ละ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยแต่ละครั้งจะกำหนดเป้าหมายว่าจะทำอะไร ที่ไหน รักษาใครเป็นพิเศษ เช่น คนพิการในแต่ละหมู่บ้าน

สถานีอนามัยดังกล่าวถือเป็นการยกสถานะสถานีอนามัยให้เป็นแหล่งบริการที่ ใหญ่ขึ้น พัฒนาจากรูปแบบเก่าที่ไม่เคยมีแพทย์ หรือนางพยาบาลเลย แต่เลียนแบบโรงพยาบาลชุมชน ทำให้มีศักยภาพมากขึ้น

จุดเด่นคือ มีการดึงสหวิชาชีพหมุนเวียนมาประจำการ นอกจากนักกายภาพบำบัดแล้ว ยังมีหมอ พยาบาล นักวิทยาศาสตร์ แล้วเจ้าหน้าที่ด้านเภสัชกร ในอนาคตจะพยายามเพิ่มทันตแพทย์เพื่อเป็นการทำงานอย่างสหวิชาชีพ โดยดึงบุคลากรจากโรงพยาบาลภูกระดึง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอผลัดเปลี่ยนมาทำหน้าที่

"คนที่ทำงานได้ดี คือ คนที่มีบ้านอยู่ที่นั่น เป็นพยาบาลที่เกิดที่นั่น ผลที่เห็นได้ชัด คือ ชาวบ้านพอใจ เพราะสามารถทำงานกับชาวบ้านได้ดี บางคนอยู่ในหมู่บ้านก็ไม่ต้องแต่งฟอร์ม อยู่บ้านตัวเองก็คุยกับชาวบ้านได้ ผมเรียกว่าเป็นจิตวิทยาในการทำงานแบบที่ได้ผลดี"

สำหรับนักกายภาพบำบัดเราก็ส่งไปลงพื้นที่เพราะว่า เป็นการลดทอนอาการป่วยขั้นพื้นฐานได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอย่างเดียว เป็นการช่วยชาวบ้านบางรายที่ป่วยจนกระทั่งไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ คนพิการหลายคนที่อยู่ในชนบทห่างไกลที่ไม่เคยได้รับการบำบัดมาก่อนก็ได้รับ โอกาส อย่างนี้ใช้เงินไม่มาก ปีหนึ่งตกสามแสนบาท ใช้นักกายภาพ 3 คน แต่ให้บริการประชาชนได้เป็นหมื่นเป็นพันคน

"อย่างน้อยจะทำให้ประชาชนไม่หวาดระแวงเมื่อมาใช้บริการที่นี่ เราเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น"

ในมุมมองของผู้ป่วยอย่าง สุด พรมเขียว วัย 43 ปี เธอคิดว่า การมีพยาบาลประจำที่สถานีอนามัยทำให้อุ่นใจมากขึ้น ตามมาด้วยความมั่นใจในการรับคำปรึกษา ที่สำคัญ ไม่ต้องเดินทางไกลเหมือนแต่ก่อน

"บ้านอยู่ไกลออกไป 20-30 กิโลเมตร จะไปโรงพยาบาลแต่ละครั้งต้องเหมารถ 300 บาท กว่าจะมาถึงที่นี่บางทีก็ปวดหัวหนักกว่าเก่า คิดว่าอยากให้ขยายสถานีอนามัยแบบนี้มากขึ้น ตอนนี้ขับมอเตอร์ไซค์มาแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว" เขาเล่า

ที่ผ่านมา ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในการรักษาพยาบาลดูจะห่างไกลกันมาก เพียงเพราะตัวแปรสำคัญอย่างเงินของคนรวย สามารถซื้อบริการที่ดีกว่า

ขณะที่การให้บริการทางสุขภาพตามโครงการหลักการประกันสุขภาพทั่วหน้าเน้น เรื่องของความเท่าเทียมกันเป็นหลัก โครงการบริการแบบใกล้บ้านใกล้ใจ จึงยังทำให้เห็นว่า เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่จะแบ่งแยกคนในการรักษาพยาบาล ดังเช่นที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น