++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

" น้องชายขี้โกหก "



ปุจฉา - นมัสการคะพระอาจารย์ หนูขออนุญาตรบกวนปรึกษาพระอาจารย์นะคะ คือ น้องชายของหนู (อายุจะเลข 4 แล้วคะ) เป็นคนชอบโกหกมากกกก สามารถโกหกได้ทุกเรื่อง จะพูดอะไรก็แล้วแต่จะต้องโกหกก่อน แล้วค่อยพูดความจริง บางครั้งไม่ใช่เรื่องที่ควรจะโกหกก็โกหก พอจับได้ก็จะบอกว่าพูดเล่น เค้ามีนิสัยนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วคะ พ่อแม่พี่น้องก็ไม่มีใครเป็นเหมือนเค้าสักคน

พ่อแม่รวมทั้งตัวหนูเองก็คิดไม่ตกว่าจะสอนจะบอกเค้ายังไงดี เพราะที่ผ่านมาทุกคนได้สอนเค้าไปหมดแล้ว ให้ไปปฏิบัติธรรม เค้าก็ไปนะคะ และไปมาหลายครั้งแล้วด้วย แต่กลับมาก็ยังเหมือนเดิม ที่แย่ไปกว่านั้นเค้าชอบโกหกบรรดาแฟน ๆ เค้า ว่าเค้าจบการศึกษาสูง เคยไปอยู่เมืองนอก ที่บ้านรวย มีธุรกิจมากมาย มีรถราคาแพงขับ (ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูดเลย เค้าไม่มีอะไรเลย แม้กระทั่งงานก็ไม่มีทำ) พอแฟนเค้ารู้ความจริงเค้าก็พยายามจะโกหกต่อ จนต้องเลิกกันไปในที่สุด

และจากการที่โกหกว่าเป็นคนรวย เค้าก็เลยต้องไปเที่ยวยืมเงินคนโน้นคนนี้มาสร้างภาพ บางทีก็จะไปยืมจากญาติของแฟนเค้าเอง บ่อยครั้งจะเอาที่บ้านไปแอบอ้าง จนเค้าให้ยืม และเค้าก็ไม่ยอมใช้หนี้แทบจะทุกรายเลยคะ พ่อแม่ก็ต้องตามไปใช้หนี้ให้บ่อยๆ ใครทวงเค้าก็บ่ายเบี่ยงตลอดจนเจ้าหนี้ถอดใจไปเอง แต่เค้าก็ไม่เคยสำนึกเลยนะคะพระอาจารย์

หนูกับแม่พยามปลอบใจซึ่งกันและกันว่ามันเป็นกรรมของเราและของเค้า หนูและแม่พยายามแผ่เมตตาให้เค้าทุกครั้งที่มีโอกาส คิดว่าถ้าเปลี่ยนเค้าไม่ได้ ก็ควรจะต้องเปลี่ยนที่ตัวเองนี่แหละดีที่สุด พระอาจารย์พอจะมีวิธีที่จะทำให้คนประเภทนี้กลับตัวกลับใจได้ไหมคะ?? กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ล่วงหน้านะคะ

พระไพศาล วิสาโล - มีคนประเภทหนึ่ง ซึ่งโกหกเป็นนิตย์ ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ จนกลายเป็นการเสพติดชนิดหนึ่ง ไม่ต่างจากติดเหล้าหรือติดยา ยากที่จะเลิกได้ ที่สำคัญเขารู้สึกว่าปลอดภัยและสบายใจที่ได้โกหก จึงไม่ยอมเลิกง่าย ๆ อาการอย่างนี้ทางจิตวิทยาเรียกว่า compulsive lying จัดเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง เป็นไปได้ว่าน้องชายคุณจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้

อาการดังกล่าว เท่าที่ทราบ รักษายากเพราะต้องเริ่มต้นจากการที่เจ้าตัวมองว่าอาการดังกล่าวเป็นปัญหา แต่คนประเภทนี้กลับรู้สึกว่าการพูดความจริงต่างหากที่เป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าการโกหกเป็นปัญหาสำหรับเขา เรื่องอย่างนี้อาตมาคิดว่า จิตแพทย์อาจให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือได้ดีกว่า

ในส่วนของคุณและแม่นั้น ก็ต้องมีความเข้าใจในอาการดังกล่าวให้มากขึ้น และรู้เท่าทันนิสัยดังกล่าวของเขา รวมทั้งหาทางป้องกันไม่ให้คนอื่นหลงเชื่อเขาง่าย ๆ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งกับผู้อื่น ตัวเขาเอง และครอบครัวของคุณ

พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น