"สนธิ" วิเคราะห์แผนชั่ว"ทักษิณ" ใช้มวลชนรับจ้างมากดดันให้พระราชทานอภัยโทษความผิด ชี้เหตุการณ์รวมพลคนเสื้อแดงวันที่ 1 พ.ย.เป็นการออกแบบจัดฉากล่วงหน้า ระบุสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยของชาติซึ่งเป้าหมายคือชนราชบัลลังก์โดยตรง
วันนี้ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มกล่าวถึงข้อเสนอให้ไปร่วมวงสานเสวนาว่า ถ้าเจรจากับนายกรัฐมนตรีหรือใครก็ตามที่เป็นตัวแทนที่ตัดสินใจได้ก็อยู่ภายใ ต้เงื่อนไขเดียวคือ ให้ลาออกไปแล้วเอาคนผิดที่ฆ่าประชาชนมาลงโทษตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ชัดเจน ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลง
นายสนธิ ย้ำว่าการชุมนุมที่ผ่านมากว่า 160 วันพวกเราไม่ได้มาในเงื่อนไขของการแพ้หรือชนะแต่เรายืนยันในความถูกต้อง ถามว่าเราต่อสู้ไม่ให้ฉ้อราษฎร์บังหลวง เรียกร้องอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารหรือไม่ให้แลกกับสัมปทานน้ำมัน ให้เคารพกฎหมาย หรือกรณี ป.ป.ช.ตัดสินชี้มูลความผิดหลายคดี ถ้านายกฯ มียางอายก็ต้องลาออกไปแล้ว หรือเราสู้ด้วยความอหิงสา สิ่งเหล่านี้มันผิดหรือ
นายสนธิ กล่าวถึงนักวิชาการบางกลุ่ม และนักสานเสวนาทั้งหลายที่บอกว่าอยากให้สมานฉันท์หรือบอกว่าถ้ารักในหลวงให้ อยู่บ้าน คนพวกนี้บางครั้งแค่ตีกินหรือใช้วาทกรรมเพื่อความโก้หรูโดยที่ไม่พยายามเข้า ใจต้นเหตุแห่งปัญหา ถามว่าพวกเราผิดตรงไหน ถ้าผิดก็อาจแค่บุกรุกสถานที่ราชการ ดังนั้นอยากให้พวกนักวิชาการพวกนี้คิดว่าพันธมิตรฯ ยืนตรงนี้ถูกหรือผิดถ้าถูกก็ต้องบอกให้รัฐบาลตอบสนอง
จากนั้นนายสนธิได้กล่าวถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดโทรศัพท์โฟนอินเข้าไปที่สนามรัชมังคลากีฬาสถานแล้วมีการระดมพลคนเสื้อแดง ที่สนามกีฬาแห่งนี้ว่า เป็นเวทีที่ถูกออกแบบล่วงหน้าทั้งหมด และว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าใจหลักธรรม อ้างว่าตัวเองต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทั้งที่ตามหลักธรรมนั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมทั้งสิ้น เป็นกฎแห่งกรรม และทุกอย่างเป็นกรรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อเอาไว้ทั้งสิ้น
"คุณทักษิณตำหนิทุกทุกคน แต่ไม่ตำหนิตัวเองว่าทำกรรมอะไรไว้กับชาติบ้าง เวลานี้ปัญหาของชาติกลายเป็นปัญหาความมั่นคงปลอดภัยไปแล้ว" นายสนธิ ระบุและว่าในวันนั้นหลายคนได้ฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ พูดแต่ไม่ได้เห็นการแสดงละครเวทีก่อนหน้านั้น ซึ่งได้แสดงถึงเมืองๆหนึ่งมีกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่หลงเชื่อปุโรหิตซึ่งถ้า เปรียบได้ก็คือประธานองคมนตรีประมาณนี้ที่เป่าหูว่ามีลูกชายคิดกบฎจึงสั่งปร ะหารลูกชาย อย่างไรก็ตามมีประชาชนจำนวนมากมาล้อมวัง ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้นได้เกิดฟ้าผ่าเศวตฉัตรทำให้กษัตริย์และปุโรหิตเสี ยชีวิต ส่วนประชาชนก็บุกเข้าไปในวังแล้วช่วยลูกชายออกมาได้
จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พูดว่า ตัวเองถูกจำคุก 2 ปี แต่มีอายุความ 10 ปี แสดงว่าเขาต้องการให้อยู่เมืองนอก 10 ปี ซึ่งคำว่าเขานั้นหมายถึงใคร ซึ่งคำพูดนี้เกี่ยวกับละครเวทีหรือไม่
"คำถามคือถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แล้วทำไมไม่เข้ามาติดคุกแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ และคำพูดที่ว่าไม่มีใครเอากลับมาได้ยกเว้นพระบารมีที่จะทรงพระเมตตาซึ่งหมาย ถึงพระราชทานอภัยโทษ แต่ในอดีตไม่เคยมีพระราชทานอภัยโทษให้กับคนโกงบ้านโกงเมือง" นาสนธิ กล่าว
นอกจากนั้นคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ว่า หรือพลังของประชาชนเท่านั้นที่จะนำเขากลับมาได้ แสดงว่าต้องการใช้มวลชนรับจ้างมาบีบพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ หรือใช้การเมืองเก่าซื้อเสียงหาโอกาสสร้างสาธารณรัฐขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันแปลได้หมด
"การโฟนอินของคุณทักษิณมันไปไกลกว่าที่เราคิดไว้เยอะ เพราะจงใจชนราชบัลลังก์เต็มตัว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงของชาติไปแล้ว และที่ทหารบางคนบอกว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมืองนั้นตอนนี้ไม่ใช่แล้ว" นายสนธิกล่าวและว่าถ้าเป็นเรื่องการเมืองพันธมิตรฯ ชุมนุมมา 5 เดือน ขณะที่พวกเสื้อแดงหรือ นปก.ก็หาที่ชุมนุมเสนอความคิดให้สังคมตัดสิน จะยึดถนนราชดำเนินเพื่อสร้างอำนาจต่อรองก็ทำเลย นี่คือการต่อสู้ทางการเมือง แต่วันนี้เป็นการเมืองที่ใช้อำนาจรัฐใช้ความรุนแรงกับเรา อย่างนี้ไม่ใช่การเมือง แต่นี่คือการสยบและปิดปากพวกเรา เพราะนี่คือกุ๊ยการเมือง
นายสนธิ ย้ำว่าเวลานี้สังคมแบ่งเป็นสองฝ่ายจริง คือถูกและผิดเท่านั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ มีประชาชนของเขาจริงไม่ใช่รับจ้างก็ต้องปักหลักเป็นเดือนๆ ไม่ต้องมีรถบัสเป็นร้อยๆ คัน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีประชาชน มีแต่พวกรับจ้างและหัวคะแนน ถ้ามีเป็นแสนเป็นล้านคนถ้าชุมนุม 90 วันก็ต้องใช้ 9 หมื่นล้านบาท พ.ต.ท.ทักษิณกล้าหรือเปล่า
จากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตรัสต่อทหารราชองรักษ์ในวันส วนสนามเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2550 ที่ผ่านมาที่มีความตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความปลอดภัยของชาติเป็นเป้าหมายสูงสุด และว่าถ้าใช้การเมืองแก้ด้วยการเมือง แต่นี่มันไม่ใช่ มันคือความปลอดภัยของชาติที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้มวลชนมาบีบให้พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งทุกอย่างถูกออกแบบล่วงหน้าเพื่อกดดันพระเจ้าอยู่หัว"
Theขี้ฝุ่นริมทาง
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
"สนธิ"ชี้แผนชั่ว"ทักษิณ"ใช้มวลชนรับจ้างบีบพระราชทานอภัยโทษ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น