โดย สิริอัญญา 16 พฤศจิกายน 2551 20:04 น.
คำพังเพยไทยที่ว่า “เจ๊กตื่นไฟ ไทยตื่นข่าว ลาวตื่นยศ” ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ และเห็นได้ชัดจากกรณีการตื่นข่าวเรื่องคุณทักษิณจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ซึ่งกำลังพูดกันเป็นคุ้งเป็นแควอยู่ในขณะนี้ ทั้งๆ ที่หาสาระแก่นสารอันใดไม่ได้
คนที่เคยพูดเรื่องนี้มีอยู่ 2 คน คนแรกคือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่พูดว่าเมื่อเกิดกรณี 19 กันยายน 2549 มีคนเสนอให้คุณทักษิณตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น และคนที่สองก็คือนายกรัฐมนตรีของประเทศในแดนคนกินคนหรือคนโกงคน ที่อยากได้คุณทักษิณไปเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ และประกาศสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น
อันการจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ จะพูดได้ตามใจชอบ และไม่ใช่นึกจะทำก็ทำได้ตามใจชอบ เพราะมีหลักเกณฑ์ของมันอยู่เหมือนกัน
เ พราะรัฐบาลพลัดถิ่นนั้นจะต้องมีฐานะเป็นรัฐบาลเสียก่อน ทั่วทั้งประเทศและทั่วทั้งประชาชาติยอมรับนับถือความเป็นรัฐบาลนั้น แล้วต่อมาประเทศนั้นถูกยึดครองโดยชาติอื่น รัฐบาลนั้นไม่สามารถอยู่ในประเทศนั้นได้ จึงต้องโยกย้ายไปตั้งหลักในดินแดนของชาติอื่นเป็นรัฐบาลพลัดถิ่น และต้องมีนานาชาติรับรองความเป็นรัฐบาลนั้นด้วย
คุณทักษิณในวันนี้เป็นเพียงผู้ต้องคำพิพากษาของศาลสถิตยุติธรรมให้จำคุก แล้วหลบหนีไป และยังมีหมายจับคาตัวและต้องหลบหนีหมายจับอีกหลายฉบับ ไม่มีฐานะเป็นรัฐบาล ไม่มีนานาชาติรับรองว่าเป็นรัฐบาล ประชาชาติไทยก็ไม่ได้ยอมรับเป็นรัฐบาล และถึงวันนี้ก็ยังไม่มีประเทศใดที่มีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีระหว่างประเทศย อมรับนับถือให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นในดินแดนของเขาเลย
เมื่อองค์ประกอบสำคัญของความเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นไม่มีสักข้อเดียว สิ่งที่พูดกันเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่นจึงเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ ไม่ต่างอันใดกับการผายลมจนเหม็นคละคลุ้ง แล้วพากันเอะอะโวยวายว่าใครผายลมกันแน่
บ้างก็พูดว่าถ้ารัฐบาลนายสมชายถูกปฏิวัติรัฐประหารนั่นแหละ จึงจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นได้ ก็ยังคงเป็นเรื่องเหลวไหลเหมือนเดิม เพราะตราบใดที่ไม่มีองค์ประกอบของความเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นดังกล่าวแล้ว ก็เป็นเรื่องลมพัดลมเพทั้งนั้น
ดังนั้นในวันนี้จึงไม่มีและไม่มีทางมีรัฐบาลพลัดถิ่น จะมีก็แต่นักการเมืองพลัดเก้าอี้หรือตกจากเก้าอี้เท่านั้น คือมีทั้งนักการเมืองที่พลัดตกเก้าอี้ไปแล้ว และที่กำลังจะพลัดตกจากเก้าอี้อยู่อีกหลายคน
ท ี่จะต้องสนใจติดตามดูกันก็คือการติดตามดูการทำงานของกฎแห่งกรรมว่าคนทำกรรมช ั่วนั้นเมื่อวิบากกรรมชั่วตามมาทันจะเป็นฉันใด คือจะตายแบบไม่ปกติ หรือด้วยความทุกข์ทรมาน หรือพลัดที่นาคาที่อยู่ ครอบครัวแยกแหลกสลาย หรือต้องถูกติดคุกติดตะราง หรือตายในคุกในตะราง หรือทุกข์โศกหมกไหม้ประการใด
เป็นเรื่องที่ชาวพุทธต้องสนใจติดตามด้วยความรู้ความเข้าใจ เพราะหลักกฎแห่งกรรมนั้นเป็นหลักธรรมสำคัญในพระพุทธศาสนา หากไม่เชื่อกฎแห่งกรรมก็กล้าทำความชั่วและกล้าหน้าด้าน กระทั่งไม่มีหิริโอตตัปปะหรือความเป็นคนเหลืออยู่ แต่ถ้าเชื่อกฎแห่งกรรมแล้วก็จะเป็นผลให้ไม่กล้าทำชั่ว มุ่งทำแต่ความดี ทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และความสุขให้กับตนเองและผู้อื่น
ที่สำคัญดูเหมือนว่ากฎแห่งกรรมนั้นทันสมัยในทุกกาล ยิ่งอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีก้าวหน้าไปถึงยุคนาโนแล้ว กฎแห่งกรรมก็ยิ่งทำหน้าที่อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุคสมัยและความก้าวหน้านั้นด้วย
ด ังนั้น “เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า” ดังที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในสหรัฐฯ ได้ยกป้ายขึ้นชู จึงเป็นการประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของกฎแห่งกรรมหรือประกาศหลักธรรมให้เป็นที ่ยำเกรงโดยทั่วกันนั่นเอง
วันก่อนได้เขียนบทความเรื่องสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างธรรมะกับอธรรม ที่มีพระรามหรือพระนารายณ์อวตารเป็นผู้นำทัพฝ่ายธรรมะกับทศกัณฐ์หรือจอมมารอ สูรเป็นผู้นำทัพฝ่ายอธรรม โดยทศกัณฐ์ได้ถอดดวงใจฝากไว้กับพระฤาษีโคบุตร จึงทำให้ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย
จนกระทั่งพระรามมีบัญชาให้หนุมานไปหลอกชิงเอากล่องดวงใจมาจากพระฤาษีโคบุตรไ ด้แล้วทำศึกครั้งสุดท้าย จึงสังหารทศกัณฐ์และเหล่ามารอสูร แล้วนำสามโลกกลับสู่ความเป็นปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง
ช่างบังเอิญเสียนี่กระไรที่เหตุการณ์บ้านเมืองโดยเฉพาะความเป็นไปในระบอบทักษิณแทบจะเหมือนกับความเป็นไปของระบอบทศกัณฐ์ไม่มีผิด
ข่าวคราวที่ปรากฏในขณะนี้ระบุว่าถ้าหากพรรคพลังประชาชนถูกยุบก็จะมีการใช้พร รคพลังไทยทำงานทางการเมืองแทนต่อไป โดยจะมีญาติพี่น้องของคุณทักษิณไม่ว่าจะเป็นคุณยิ่งลักษณ์ หรือคุณพายัพ หรือคุณชัยสิทธิ์ แห่งตระกูลชินวัตรเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อเตรียมเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ไป
เรียกว่าสร้างและสืบสันตติวงศ์ของระบอบทักษิณก็ว่าได้
สภาพที่เป็นมาและที่จะเป็นไปดังที่เป็นข่าวนั้นก็เหมือนกับการที่ทศกัณฐ์ถอดดวงใจฝากไว้กับพระฤาษีโคบุตร
เพราะในวันนี้ถึงแม้จะมีการยุบพรรคก็ไม่สามารถทำให้ระบอบทักษิณสิ้นสูญลงไปไ ด้ เนื่องจากสามารถตั้งพรรคใหม่เข้าแทนที่สืบไปไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะในวันนี้ถึงแม้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่งหรือลาออกก็ไ ม่สามารถทำให้ระบอบทักษิณสิ้นสูญลงไปได้ เนื่องจากสามารถนำเอาญาติวงศ์พงศามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนสืบไปไม่มีที่สิ้นสุ ด
เพราะในวันนี้ถึงแม้จะมีการยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็ไม่สามารถทำให้ระบ อบทักษิณสิ้นสูญลงไปได้ เนื่องจากสามารถใช้ “วิถีทางอันไม่ใช่วิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ” เอาชนะเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างนี้ถ้าพูดแบบสำนวนหนังสือกำลังภายในก็พูดได้ว่าระบอบทักษิณบรรลุถึงวิช าไหมฟ้าขั้นสูงสุดที่อยู่ยงคงกระพันแล้ว แต่ถ้าพูดตามภาษาวรรณคดีไทยโดยนัยแห่งรามายนะก็ย่อมพูดได้ว่าระบอบทักษิณได้ ถอดดวงใจออกไปแล้ว
ม องอย่างนี้แล้วบรรดาผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อาจจะถดถอยท้อแท้แก่ใจว่าในเมื่อไม่สามารถโค่นล้มระบอบทักษิณได้แล้ว ก็ยอมยกแผ่นดินนี้ให้เขาไปโดยดุษณีไม่ดีกว่าหรือ?
เพราะจะหวังพึ่งพาบรรดาผู้มีอำนาจ ก็เหมือนกับการทำพิธีแห่นางแมวขอฝนซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ประการใด
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยกแผ่นดินให้เขาไปเลย แล้วทำพิธีขอขมาลาโทษต่อคุณทักษิณให้ยิ่งใหญ่ ดังที่มีคนเคยพูดประชดไว้ครั้งหนึ่งว่า ให้ตั้งการพิธีไว้ที่สนามหลวง ตั้งโต๊ะหมู่บูชา ปูผ้าขาวไว้ข้างหน้า ให้ขุนนางข้าราชการทั้งหลายโดยเฉพาะพวกที่เคยถวายสัตย์ปฏิญาณนั้นให้ไปคุกเข ่าอยู่ในแถวหน้าสุด แล้วให้บรรดากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้รักชาติทั้งหลายไปเ ข้าแถวต่อท้าย แล้วหมอบกราบขออภัยโทษที่ได้ทำผิดล่วงเกินประการใดๆ ไว้
คงพิลึกพิลั่นดีเป็นแน่แท้! และถ้าเป็นเช่นนั้นความรู้สึกนึกคิดจิตใจของคนทั้งหลายจะเป็นประการใดก็ลองนึกคิดดูกันเอาเอง
แต่อย่าเพิ่งเสียกำลังใจหรือท้อแท้ท้อถอยประการใดเลย เพราะสรรพสิ่งไม่เที่ยงแท้ ย่อมแปรผันเปลี่ยนไปตามกฎแห่งพระไตรลักษณ์ ผู้มีฤทธิ์มีเดชมากในกาลก่อนๆ ล้วนล้มหายตายจากไปหมดแล้ว อาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่ไร้ผู้ต้านทานได้ก็ล่มสลายไปแล้วนับแต่โลกนี้อุบัต ิขึ้น จิ๋นซีฮ่องเต้ผู้เกรียงไกรก็สิ้นสูญไปช้านานแล้ว ยังไม่เห็นใครที่อยู่ยงคงกระพันฝืนกฎพระไตรลักษณ์ไปได้เลยแม้แต่คนเดียวหรือ สิ่งเดียว
ผ ู้สำเร็จวิชาไหมฟ้าขั้นสูงสุดที่ว่าฆ่าไม่ตายก็ตายไปแล้ว ทศกัณฐ์ที่ว่ามีชีวิตเป็นอมตะเพราะถอดดวงใจฝากไว้ที่ฤาษีโคบุตรก็ถูกพระรามฆ ่าตายไปแล้ว ระบอบทักษิณก็ย่อมไม่อาจฝืนกฎพระไตรลักษณ์ไปได้เช่นเดียวกัน
ภาคพื้นดินนั้น คนบางกลุ่มมองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอ่อนล้าลงไปทุกทีแล้ว นี่เป็นการมองจากข่าวคราวอันเป็นมายาจากด้านเดียว ไม่เห็นหรือไม่พูดถึงอีกด้านหนึ่ง ซึ่งกลุ่มแนวร่วมต้านระบอบทักษิณกำลังเกิดและผุดขึ้นเป็นจำนวนมากยิ่งกว่าดอ กเห็ดในฤดูฝนเสียอีก ปริมาณของผู้คนข้ามพ้น 20 กว่าล้านคนไปแล้ว และที่สำคัญกำลังยกระดับกลายเป็นองค์กรจัดตั้งของมวลชนที่กว้างใหญ่ไพศาล
ยิ่งถูกข่มขู่คุกคามทำร้ายทำลายมากเท่าใด พลังของมวลมหาประชาชนผู้รักชาติศาสน์ กษัตริย์ ก็ยิ่งเติบใหญ่เข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น และนี่คือพลังในภาคพื้นดินที่ทรงอานุภาพยิ่ง
ส่วนการข้างฟากฟ้านภากาศนั้น กระแสลมสีน้ำเงินบนฟากฟ้าแห่งพิภพนี้ 27 สาย เท่ากับจำนวนกลุ่มดาวฤกษ์ในจักรราศี ก่อผนึกเป็นกระแสลมใหญ่ที่ทรงอานุภาพนัก จึงแค่พลิ้วโผยโชยมาอย่างแผ่วเบายามต้นฤดูหนาวเท่านั้น คุณทักษิณก็ต้องกระเด็นออกไปอยู่นอกอังกฤษและเข้าไปอีกไม่ได้ และกำลังตกอยู่ในฐานะที่หาแผ่นดินอยู่ไม่ได้
ทำเอารัฐบาลนายสมชาย พรรคพลังประชาชน และสมุนบริวารทั้งหลายกลายเป็นปลาช่อนถูกไฟฟ้าช็อตไปในพริบตา
เห็นหรือยังว่ากล่องดวงใจของระบอบทักษิณอยู่ที่ไหนและกำลังตกอยู่ในสภาพอย่า งไร และเมื่อเป็นเช่นนี้การศึกยกสุดท้ายแห่งธรรมาธรรมะสงครามก็ย่อมใกล้จบเต็มที แล้วไม่ใช่หรือ?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น