โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 19 พฤศจิกายน 2551 12:58 น.
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาณ มหาวิทยาลัยรังสิต
ก ารแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ เป็นมหรสพสมโภชในงานออกพระเมรุ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย. 2551 นั้น ให้ทั้งความบันเทิง และสติปัญญา
หากใครได้ดู ก็คงอดคิดถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันไม่ได้
เ หตุบ้านการเมืองวันนี้ คล้ายเรื่องรามเกียรติ์ มีพระรามที่เป็นนารายอวตาร มีพระลักษณ์ มีหนุมานชาญสมร มีขุนพลแม่ทัพนายกอง ทหารหาญ และก็มีการต่อสู้กับกองกำลังของยักษ์มาร คือ “ทศกัณฐ์” ที่ผลักดันบริวารญาติมิตรออกมานำทัพเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ
ใ นเรื่องรามเกียรติ์นั้น พระรามทรงทำสงครามกับทศกัณฐ์อยู่นานหลายปี ทศกัณฐ์ให้ญาติพี่น้องนำทัพออกมารบแทนตัวเองหลายครั้ง แต่ก็พ่ายแพ้ราบคาบ กระทั่งทศกัณฐ์ต้องออกรบเอง แม้กระนั้น เมื่อพระรามแผลงศรถูกทศกัณฐ์ แต่ทศกัณฐ์ก็ไม่ตาย เพราะทศกัณฐ์ได้ถอดหัวใจออกมาไว้นอกร่าง
เ ห็นทศกัณฐ์ถอดหัวใจออกจากร่าง ชะล่าใจว่าตนจะไม่ตายแล้ว ก็นึกถึง “ทศษิณ” ถอดดวงใจออกจากร่าง ถอด “พจมาน” ออกจากนิติสัมพันธ์ที่สถานทูตฮ่องกง !
จ ะเป็นเหมือนที่ “ทศกัณฑ์” ทำเพื่อปกป้องตัว เพื่อให้ไม่กลัวตาย หรือจะเป็นการหย่าร้างจริงๆ ทั้งในทางนิตินัยและพฤตินัยนั้น ย่อมไม่มีใครทราบแน่ นอกจากทักษิณและพจมาน
เรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานการณ์สงคราม จึงมีการวิเคราะห์ไปหลายทาง ตามเหตุปัจจัยบ่งชี้
1) ข้อเท็จจริงยืนยันว่า “ทศกัณฐ์และเมียแก้ว” ได้ไปจดทะเบียนหย่ากันจริง แต่ 2) เมื่อจดทะเบียนหย่ากันแล้ว ได้มีการดำเนินการเพื่อแบ่งทรัพย์สมบัติอย่างไร ยังไม่ปรากฏชัด โดยเฉพาะทรัพย์สมบัติที่ถูกทางการอายัดไว้ มูลค่ามากกว่า 60,000 ล้านบาทนั้น จะอ้างว่าเป็นของใครบ้าง ?
เมื่อปรากฏเช่นนี้ แนวความคิดของผู้คนที่สนใจติดตามข่าว อันอาจจะมีผลเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของแผ่นดินด้วยนี้ จึงคิดกันไปได้ 2 ทาง
1) เชื่อว่า หย่าร้าง -หย่าขาดจากกัน จริงๆ
ทั้งในทางนิตินัย และพฤตินัย
คือ นอกจากจะไปจดทะเบียนหย่าแล้ว ยังจะแยกการอยู่กิน แยกเตียงนอน ขาดจาดความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาใดๆ ทั้งสิ้นทั้งปวงจริงๆ
แนวคิดความเชื่อนี้ มีข่าวสนับสนุนให้น่าเชื่ออยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเมื่อต้นปี มีข่าววงในว่า “ทศกัณฐ์และเมียแก้ว” มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ระหว่างร่วมโต๊ะอาหาร ณ ห้องอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ
ป ัญหาที่ทะเลาะกันไม่ใช่เรื่องการศึกการสงคราม แต่เป็นเรื่อง “ทศกาม” คือ พฤติกรรมปันกายและใจให้หญิงอื่น อาทิ มีทั้งนางกำนัลเป็นเด็กสาวคราวลูก ผู้มีพรสวรรค์ในการใช้ปาก ร้องระบำรำเต้น แล้วก็ยังมีนางสนมเป็นแคดดี้ขาประจำ ตีคลีกันอย่างเปิดเผย ถึงขนาดว่าแม่ของแคดดี้นำไปป่าวร้องอย่างภูมิใจว่ามีลูกเขยเป็นผู้นำยักษานา ยกฯ เป็นต้น
จะเป็นเชื้อปะทุ หรือเป็นมูลเหตุเพียงพอให้นำมาสู่การหย่าร้างกัน หรือไม่
2)เชื่อว่า หย่าร้างจำแลง หรือหย่าเฉพาะในทางนิตินัย
ค ือ แยกกล่องดวงใจออกไปในทางกฎหมาย แต่ในชีวิตจริงยัง “อยู่กินฉันท์สามีภรรยา” หรือยัง “มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา” เพียงแต่ในทางเอกสาร-ทางกฎหมาย ทำให้เสมือนแยกกันอยู่
แนวคิดความเชื่อนี้ ก็มีเค้าลางของพฤติกรรมและมูลเหตุสนับสนุนอยู่เหมือนกัน
ประการที่หนึ่ง เมื่อครั้งที่เพิ่งถูกตรวจสอบกรณีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ ทศกัณฑ์ก็เคยพยายามจะจดทะเบียนหย่าย้อนหลัง เพื่อสร้างหลักฐานว่าหย่ากันก่อนจะซื้อขายที่ดินมาแล้ว แต่โชคดีที่ คตส.ได้รวบรวมหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบก่อนหน้าแล้ว จึงไม่มีผู้ใดกล้าทำหลักฐานเท็จย้อนหลังให้
ประการที่สอง วันนี้ แม้การหย่าจะไม่มีผลต่อคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลพิพากษาจำคุกสามี และไม่ลงโทษภรรยาไปแล้ว แต่อาจจะมีผลต่อคดีอื่นๆ หรือไม่ เพราะคดีที่เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ คดีที่ต้องพิสูจน์ที่มาและความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินนั้น การแยกกล่องดวงใจออกมาจากตัว อาจจะช่วยตบตาคน ทำให้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อหย่ากันแล้วทรัพย์สินก็เป็นของใครของมัน ถ้าจะดำเนินคดี จะยึดทรัพย์สามีที่เป็นนักการเมืองก็จัดการเฉพาะของสามี ส่วนของอดีตภรรยาก็จะขอคืน ??? เพราะอ้างเป็นสินสมรส หรือสินที่หาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของภรรยา
แต่ ทั้งนี้ การตัดสินชี้ขาด ก็อยู่ที่ศาลยุติธรรม ที่จะพิจารณาว่า เป็นการหย่าจำแลง แบบถอดหัวใจออกจากร่างเท่านั้น แต่ยังแอบมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากันอยู่ หรือว่าเป็นการหย่าขาดจริงๆ ซึ่งจะไม่ได้ดูเฉพาะเอกสารการหย่าเท่านั้น แต่ดูพฤติการณ์แวดล้อมด้วย
ประการที่สาม ถ้าแสดงหลักฐานว่าหย่าร้างจากสามีที่เป็นนักโทษหนีคุก-ผู้ยังกระทำการเคลื่อ นไหวทางการเมืองอยู่แล้วนั้น อาจจะช่วยให้ฝ่ายภรรยาดำเนินการขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ และประเทศต่างๆ เพื่อเข้าไปพำนักหรือดูแลทรัพย์สมบัติที่ซุกซ่อนตกค้างอยู่ในประเทศเหล่านั้ นได้ง่ายขึ้น
หากเป็นไปตามแนวคิดความเชื่ อนี้ ในขณะที่ฝ่ายสามีเดินเกมเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบเปิดเผยเต็มตัว ฝ่ายภรรยาก็จะดูแลเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ทั้งนอกประเทศและในประเทศ อันเป็นเสมือน “กล่องดวงใจ” ของ “ทศกัณฐ์”
ประการที่สี่ เป็นไปได้หรือว่า ขณะนี้ “ทัศกัณฐ์” พยายาม “ถอดกล่องดวงใจ” คือ ผลประโยชน์ต่างๆ ของตนเองและครอบครัว
วิธีการ คือ การจดทะเบียนหย่ากับเมียแก้ว เพื่อกันสมบัติส่วนที่อ้างว่าเป็นของเมียออกไปไว้เสียก่อน
เมื่อออกรบ แม้ “ทศกัณฐ์” จะถูกศร “พระราม” ฆ่า แต่ “ทัศกัณฐ์” ก็จะไม่ตาย เพราะยังมี “กล่องดวงใจ” ที่ถอดแยกออกไปไว้นอกร่าง
แนวคิดความเชื่อนี้ สงสัยว่า “ทศกัณฐ์” กำลังเตรียมจำทำสงครามแตกหักกับ “พระราม”
ห ลังจากให้ญาติพี่น้องออกรบแทนตัวเองมาหลายครั้ง แต่ก็พ่ายแพ้แก่ “พระราม” และ “ผู้จงรักภักดีต่อพระราม” ทุกครั้ง มาวันนี้ “ทศกัณฐ์” จึง “ถอดกล่องดวงใจออกจากร่าง” ทำให้คึกคะนองเกินเหตุ เหิมเกริมด้วยลำพองใจว่า “ตนเองถูกฆ่าไม่ตาย”
พระรามรู้ทัน
ใ นเรื่องรามเกียรติ เมื่อฝ่าย “พระราม” รู้ทัน ทราบว่า “ทศกัณฐ์” ถอดหัวใจเอาไว้นอกร่าง ก็ส่งทหารเอก คือ “หนุมาน” ไปนำเอากล่องดวงใจของทศกัณฐ์มาจนได้ หลังจากนั้น เมื่อพระรามแผลงศรพรหมาสตร์สังหารทศกัณฐ์ หนุมานก็ขยี้ดวงใจให้ทศกัณฐ์สิ้นชีวิต ในที่สุด “พระราม” จึงชนะศึกสงครามอย่างเด็ดขาด
ต้องติดตามต่อไปว่า ณ ราชอาณาจักรไทย ใครจะ “รู้ทันทศษิณ” ?
ใ ครจะเป็นทหารเอกของ “พระราม” ? ใครจะจัดการกับกล่องดวงใจของทศกัณฑ์ และนำชัยชนะเหนือระบอบทศษิณ ? นำความถูกต้องดีงามกลับมาสู่แผ่นดินไทย เพื่อก้าวไปสู่การเมืองใหม่ เป็นประชาธิปไตยโดยธรรม อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
from http://www2.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000136968
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น