++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สมัชชาฯอีสานลั่นระดมพลเข้ากรุงสู้ขั้นเด็ดขาด–ไล่รัฐบาลฆาตกร/หยุดสภาฯทาส 23 พ.ย.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤศจิกายน 2551 17:21 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา – สมัชชาประชาชนฯ และองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯอีสาน ลั่นระดมพลใหญ่เข้ากรุงร่วมขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตรกรและหยุดสภาฯ ทาสขั้นเด็ดขาด 23 พ.ย.นี้ พร้อมระดมมวลชนทุกจังหวัดที่ไม่สามารถเดินทางเข้ากรุงเทพฯได้เปิดฉากปฏิบัติการต่อสู้รูปแบบต่างๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละพื้นที่ ชี้ถึงเวลาแล้วต้องต่อสู้ขั้นเด็ดขาดเสียที
      
       วันนี้ (21 พ.ย.) ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด เปิดเผยว่า แกนนำสมัชชาประชาชนฯ ,กลุ่มภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย และองค์กรเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใน จ.นครราชสีมาและจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน ได้ประชุมด่วนร่วมกันเพื่อประเมินสถานการณ์บ้านเมืองพร้อมกำหนดมาตรการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญและระดมพลครั้งใหญ่เข้าร่วมชุมนุมกับประชาชนพันธมิตรฯ จากทั่วประเทศที่กรุงเทพฯเพื่อขับไล่รัฐบาลทรราชฆาตกรและหยุดสภาฯทาสในวันที่ 23 พ.ย.นี้
      
       ทั้งนี้ ในที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มทำลายชีวิตและทรัพย์สินประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล เมื่อประมาณ 03.30 น. คืนวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา นั้นได้สะท้อนให้เห็นว่า
      
       1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินหน้าท้าสู้ด้วยมาตรการรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงชีวิตเลือดเนื้อหรือความเสียหายใดๆ ต่อประเทศชาติหวังเพียงให้เกิดเหตุการณ์จลาจลนองเลือดและเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ใช้สภาวะจลาจลนองเลือดกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง ดังนั้น จงเลิกตั้งความหวังได้เลยว่าระบอบทักษิณจะหยุดเดินหน้าเข่นฆ่าประชาชน
      
       2.การเข่นฆ่าประชาชนด้วยอาวุธสงครม ครั้งแล้วครั้งเล่า ได้บอกว่า ผู้ที่เป็นมือไม้ให้แก่ระบอบทักษิณและพวก คือ ผู้ที่สามารถใช้อาวุธสงครามและจัดหาอาวุธสงครามได้ง่ายดาย บุคคลเหล่านี้ย่อมหมายถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธคือ ตำรวจ ทหาร หรือกลุ่มที่ใกล้ชิดกับตำรวจและทหาร ซึ่งบุคคลเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ได้บอกประชาชน ว่า พวกเขารับใช้ทักษิณอย่างแน่นอนแล้ว อย่างไม่มีข้อสงสัย
      
       ดังนั้น ตำรวจ และทหารจำนวนหนึ่ง ได้เลือกยืนตรงข้ามกับความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างแน่นอน พวกเขาจึงไม่ใช่ ทหารและตำรวจ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกต่อไป
      
       3.เหตุการณ์ความรุนแรงในเช้าตรู่วันที่ 20 พ.ย.นั้น มีความสัมพันธ์กับความรุนแรงที่ผ่านมา สัมพันธ์กับการโฟนอิน (โทรศัพท์เข้าร่วมรายการ “ความจริงวันนี้” สัญจรที่สนามราชมังคลากีฬาสถานกรุงเทพฯ) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ผ่านมาและที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23 พ.ย.และสัมพันธ์กับเหตุการณ์เหิมเกริมจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรงที่ จ.อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และอีกหลายจังหวัด เป็นต้น
      
       ดังนั้น พวกเราสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัดและภาคีมวมลชนโคราชฯจะดำเนินการโดยเร่งด่วนในการร่วมมือกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อต่อสู้ให้เด็ดขาดจนเสร็จสิ้นภาระกิจ ทั้งการระดมมวลชนครั้งใหญ่เพื่อเข้าร่วมชุมนุมต่อสู้กับประชาชนและพันธมิตรฯ จากทั่วประเทศที่ทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 23 พ.ย.นี้ให้มากที่สุดและการระดมมวลชนทุกจังหวัดที่ไม่สามารถเดินทางไกลเข้ากรุงเทพฯได้ในการเปิดฉากปฏิบัติการต่อสู้รูปแบบต่างๆ ตามเงื่อนไขของแต่ละพื้นที่จังหวัด
      
       รวมทั้งดำเนินการประสานสัมพันธ์กับแนวร่วมทุกเครือข่ายครั้งใหญ่เพื่อร่วมต่อสู้ครั้งนี้ซึ่งไม่อาจบอกได้ว่าจะเป็นการยกระดับการต่อสู้ที่หนักหน่วงเข้มข้นมากน้อยเพียงใด แต่ถึงเวลาแล้วที่ต้องเด็ดขาดเสียที
      
       “พี่น้องประชาชนชาวอีสาน ทั้งเครือข่ายสมัชชาประชาชนฯและองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานส่วนใหญ่จะระดมพลเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้าวันที่ 23 พ.ย.เป็นต้นไป เช่น จ.นครราชสีมา จะมีรถออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯตลอด 24 ชั่วโมงที่หน้าโรงแรงเมืองทอง หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นต้น” ทพ.ศุภผล กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น