++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ห นังสือสำหรับคนทั่วไป

ผู้เขียน: คนทั่วไป
ห นังสือสำหรับคนทั่วไป

เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพก่อนที่ท่านจะอ่านเอกสารนี้ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลอ งคิดตามสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้โดยขอให้ตัดอคติต่างๆในใจ
แล้วลองคิดตามโดยใช้คุณธรรม จริยธรรมในตัวท่านเป็นเครื่องตัดสินนะครับ

ปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันของคนในชาตินั้น เกิดจาก “ความไม่เท่าเทียมกันของการรับรู้ข่าวสาร” อันนี้ผมขออธิบายอย่างง่ายๆเช่น ถ้านาย เอ มาบอกคุณว่าเค้าถูกนาย บี ต่อยจนได้รับบาดเจ็บ เราก็คงเชื่อว่า นาย บี เป็นอันธพาล แต่ถ้าข้อเท็จจริงคือ นาย เอ ไปทำร้ายพ่อของนาย บี จนเข้าโรงพยาบาล ทำให้นาย บี ตามมาทำร้ายนาย เอ เรื่องก็กลับกลายเป็นว่าจริงๆแล้ว นาย เอ เป็นคนก่อเรื่อง ทีนี้เราเคยคิดกันบ้างไหมว่า ข่าวสารที่เราได้รับจากโทรทัศน์, วิทยุ หรือบทความในหนังสือ อาจเป็นข้อมูลที่บอกความจริงแค่ครึ่งเดียวก็ได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ประชาชนก็กำลังถูกสื่อที่ไม่เป็นกลาง หลอกให้เราเชื่อในสิ่งที่สื่อต้องการก็ได้ นี่คือที่มาของคำว่า “การแทรกแซงสื่อ” ซึ่งสามารถทำให้ขาวกลายเป็นดำ หรือดำกลายเป็นขาวก็ได้ ดังนั้นในสถานะการณ์ปัจจุบันนั้น รัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชนนั้น มีสื่ออยู่ในมือทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือ ดังจะเห็นได้จากการที่มีการเผยแพร่รายการ “ความจริงวันนี้” ซึ่งเป็นสื่อตัวแทนของกลุ่ม นปช. ในขณะที่ พันธมิตรมีเพียง ASTV ซึ่งมีเพียงคนที่มีจานดาวเทียมเท่านั้นที่ได้ฟังข้อมูลของอีกฝ่าย ทำไมรัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ พันธมิตร ได้มีรายการของตัวเองในฟรีทีวี เพื่อจะได้แสดงวิสัยทัศน์ของเค้า โดยไม่ต้องไปยึดทำเนียบเพื่อปราศรัยล่ะ ถ้าทำเช่นนั้นได้ประชาชนก็สามารถอยู่กับบ้านไม่ต้องมีการรวมตัวกันที่จะยั่ว ยุให้เกิดการปะทะกัน แต่ประชาชนสามารถใช้วิจารนญาณของเค้าเองในการเลือกที่จะสนับสนุนหรือเห็นด้ว ยกับฝ่ายใด อีกประการหนึ่งที่ผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกกันอยู่ก็คือ “การคอรัปชั่นนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาของการเมืองไทย ใครมาเป็นรัฐบาลมันก็โกงทั้งนั้น แต่ขอให้โกงแล้วประเทศเจริญก็พอ” ผมขอบอกท่านทั้งหลายที่คิดแบบนี้ว่าท่านสามารถคิดได้ แต่ท่านอาจลืมไปว่าการโกงที่เกิดขึ้นสมัยคุณทักษิณเป็นนายกนั้น มีจำนวนเงินสูงมากเป็นประวัติการณ์ หากท่านที่อายุอยู่ในวัยตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไปคงจำกันได้ว่าเราเคยได้ยินว่ามีการคอรัปชั่นบางครั้งก็ สิบล้าน บางครั้งก็ยี่สิบล้าน แต่ตั้งแต่คุณทักษิณเข้ามาเป็นผู้นำประเทศ เราก็เริ่มเห็นการคอรัปชั่นในหลัก ร้อยล้าน พันล้าน จนถึงหมื่นล้าน เอาแค่การโกงที่เกิดจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นตัวอย่างว่าจะมีสักกี่คนที่รู้ ว่าเราซื้อรถยนต์โตโยต้าแคมรี่มาเป็นแท็กซี่สนามบินในราคาตกคันละ 5 – 6 ล้านในขณะที่ราคาตลาดนั้นไม่เกินสองล้าน ในยุคของคุณทักษิณนั้นทำให้เกิดคำสองคำขึ้นมาคือคำว่า “การทุจริตเชิงนโยบาย” และ “การข่มขืนรัฐธรรมนูญ” ผมเชื่อว่าประชาชนหลายคนคงเคยได้ยินคำเหล่านี้แต่อาจไม่เข้าใจว่ามันเป็นยัง ไง ผมขอยกตัวอย่างดังนี้ครับ หากผมต้องการขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีแต่เผอิญกฏหมายปัจจุบันห้ามไว้ ถ้าผมมีอำนาจสั่งการณ์ได้ผมก็จะแก้กฏหมายให้ยกเลิกการกำหนดอายุผู้ที่จะซื้อ สุราได้ เพียงแค่นี้ผมก็สามารถขายเหล้าให้เด็กได้ตามความต้องการ และนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับกรณีคุณทักษิณ ที่ขายหุ้นชินคอร์ปให้สิงคโปร์ โดยการแก้กฏหมายให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นได้มากขึ้นเพียงไม่นานก่อนการขายหุ ้นของคุณทักษิณ หรือแม้แต่เรื่องที่คุณทักษิณประกาศให้วันที่ 31 ธันวาคม ในปี____ ไม่ใช่วันหยุด (ไม่เชื่อก็ลองไปหาข้อมูลดูเองนะ) เพียงเพื่อให้คุณหญิงพจมาน สามารถเสียภาษีในการโอนที่ดินรัชดาฯ ถูกลงเป็นสิบล้าน เพราะหากทำการโอนหลังสิ้นปี¬¬¬¬¬¬_____ อัตราภาษีการโอนที่ดินจะสูงขึ้น อันนี้คือสิ่งที่เรียกว่าการทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้ก็โดยผ่านการข่มขืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมจะยกตัวอย่างดังนี้คือ ถ้าสมมติ มีโจรมาขโมยของคุณ แล้วคุณจับได้ โจรไม่ยอมรับผิด คุณเลยต้องหาคนกลางมาตัดสิน หากคนในหมู่บ้านคุณเป็นพวกของโจร เมื่อคุณทำการลงมติปรากฏว่าคนในหมู่บ้านคุณพร้อมใจกันบอกว่าโจรไม่ผิด คุณก็จะเป็นผู้แพ้ทั้งๆที่คุณถูกปล้นและโจรก็ลอยนวล สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐสภา สมัยที่คุณทักษิณ เป็นนายก เนื่องจากรัฐบาลมีจำนวนสส. และสว.ที่สนับสนุนรวมกันมากจนทำให้ฝ่ายค้านและสว.บางส่วนไม่สามารถตรวจสอบหร ือคัดค้านสิ่งที่รัฐบาลเสนอหรือกระทำได้ เพราะรัฐธรรรมนูญกำหนดจำนวนขั้นต่ำของสส. หรือสว.ที่จะยื่นเปิดอภิปราย ครม.เอาไว้สูงกว่าจำนวนของ สส.ฝ่ายค้าน ทำให้ฝ่ายค้านยื่นขออภิปรายไม่ได้ หรือแม้จะอภิปรายได้ แต่พอลงมติ พรรคพวกของรัฐบาลก็จะยกมือไว้วางใจให้ทำงานต่อได้ นี่ก็แปลว่ารัฐบาลสามารถทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ นี่คือที่มาของคำว่า การข่มขืนรัฐธรรมนูญ และเป็นเหตุให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญจากฉบับปี 2540 มาเป็นฉบับปี 2550 สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีการทุจริตคอรัปชั่นแบบใหม่ที่เกิดในยุคคุณทักษิณเป็นนา ยก เพราะนักการเมืองสามารถทุจริตโดยไม่ผิดกฏหมาย ทำให้ยอดเงินในการทุจริตสูงเป็นหลักร้อยล้าน พันล้าน อีกสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่คุณทักษิณ เป็นนายกก็คือเว๊บไซด์หมิ่นสถาบัน วีซีดีที่มีข้อมูลจ้องทำลายและลดความรู้สึกเคารพรักในสถาบันพระมหากษัตริย์ การปราศรัยของนายจักรภพ เพ็ญแข และดา ตอร์ปิโด (ใครยังไม่เคยฟังกรุณาหามาฟังด้วยตัวคุณเอง อย่าเชื่อสิ่งที่สื่อเสนออย่างเดียว เพราะถ้าคุณได้ฟังคำพูดของ ดา ตอร์ปิโดซึ่งขึ้นพูดบนเวที นปก ที่สนามหลวง แล้วคุณจะรู้ทุกอย่างด้วยตัวคุณเอง) ซึ่งก่อนหน้านี้ตั้งแต่เด็กจนโต ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่เรียกตัวเองเป็นคนไทย จะทำเรื่องเลวร้ายพวกนี้ได้ คุณทักษิณพูดกับพลเอกพัลลภ ว่าเค้าจงรักภักดีต่อในหลวง และขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ทำไมตลอดระยะเวลาที่คุณทักษิณเป็นนายกถึงไม่มีการปิดเว๊บไซด์ หรือจับกุมผู้ที่หมิ่นสถาบันเลยล่ะ รวมทั้งคนที่มีข่าวว่าหมิ่นสถาบันก็ล้วนเป็นคนจากฝ่ายที่รักคุณทักษิณทั้งนั ้น คนเรานั้นโบราณว่าปากกับใจไม่ตรงกัน หากคุณเป็นคนที่รักในหลวงจริง คุณต้องหาข้อมูลว่าสิ่งที่ผมเขียนนี้จริงไหม เพราะว่าหากประชาชนไม่รู้ความจริงก็จะไม่ออกมาช่วยปกป้องในหลวง จงอย่าเชื่อแค่สิ่งที่คุณได้ฟังจากข่าวทีวี โดยไม่คิดจะขวนขวายหาข้อมูลจากทุกๆด้านก่อนจะตัดสินใจด้วยตัวคุณเอง ถามตัวเองว่าคุณเคยฟังที่ ดา ตอร์ปิโด พูดจาบจ้วงในหลวง เปรียบเทียบกับการที่ตำรวจแจ้งข้อหาคุณสนธิจาบจ้วงสถาบัน จากการที่พูดถึงการพูดของ ดา ตอร์ปิโด ผมมั่นใจว่าหากคุณได้ฟังทั้งสองคนเปรียบเทียบกันก็จะรู้ว่า “ตำรวจนั้นเป็นเครื่องมือของนักการเมืองจริงหรือไม่”

ขออนุญาตพูดถึงตำรวจต่อนะครับ ผมขอยกข้อเท็จจริงของเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ช่วงแรกหลังเกิดเหตุการณ์ พลตำรวจตรีอำนวย นิ่มมโน ออกมาบอกว่าประชาชนวิ่งหกล้ม และเหยียบกันเอง (จนมีคนตาย พิการแขนขาด ขาขาดเนี่ยนะ) ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไร้เหตุผลและเป็นคำพูดที่คนที่เป็นตำรวจซึ่งมีหน้าที่รักษ าความปลอดภัยให้ประชาชนไม่น่าจะพูดออกมา ต่อมายังมีตำรวจใส่ร้ายประชาชนว่าไปจ้างคนพิการมาแล้วเอาน้ำแดงราด (คิดได้ยังไง) และแย่ไปกว่านั้นยังมาบอกว่าน้องโบว์ที่เสียชีวิตซึ่งเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบ กว่า จบเอแบค พกระเบิดเหน็บไว้แล้วเกิดระเบิดจนเสียชีวิต ซึ่งจนถึงวันนี้แพทย์ที่ชันสูตรก็ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการเหน็บระเบิด (ปล.ช่วยใช้จิจารณญาณของท่านคิดและตอบตัวเองว่าท่านจะเชื่อตำรวจหรือไม่) จริงๆแล้วมีการถกเถียงกันมากว่าการที่คนบาดเจ็บ พิการและเสียชีวิตนั้น เกิดจากอาวุธปืน หรือระเบิดก๊าซน้ำตา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากมีคนมาทำร้ายลูกของคุณ ผมถามคุณหน่อยว่าคุณจะสนใจไหมว่าคนที่มาทำร้ายลูกคุณ เค้าใช้อาวุธอะไร สำหรับผมแล้วการเถียงกันเรื่องว่าใช้อาวุธชนิดไหน ใครใช้เค้าให้ทำและเค้ามีสิทธิอะไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น