++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ประเทศไทย แพ้ไม่ได้ พันธมิตรประชาชน แพ้ไม่ได้ !

โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 24 พฤศจิกายน 2551 22:48 น.
       ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
       ศาสตราภิชาณ มหาวิทยาลัยรังสิต
      
       การต่อสู้เคลื่อนไหวของเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลานาน จนบัดนี้ สถานการณ์การต่อสู้เดินมาถึงจุดวิกฤติ ล่อแหลม และใกล้จะได้บทสรุปเข้าไปทุกที
      
       ผู้คนสงสัยกันมากว่า พันธมิตรฯ จะแพ้ หรือจะชนะ ? และสงสัยกันมากกว่านั้นว่า ถ้าชนะ จะชนะด้วยอะไร ? ถ้าชนะแล้ว จะเป็นอย่างไร ?
      
       เรื่องพันธมิตรฯ จะชนะอย่างไรนั้น เป็นเรื่องยากที่จะหยั่งรู้ เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง โดยเฉพาะสถาบันที่มีอำนาจบารมีในสังคม ไม่ใช่เฉพาะกองทัพเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงองค์กรอื่นๆ รวมถึงความร่วมแรงร่วมใจกัน ความกล้าหาญและเสียสละของประชาชนผู้มีใจรักความเป็นธรรมทั้งหลายด้วย
      
       แ ต่ถ้าสงสัยว่า หากพันธมิตรฯ พ่ายแพ้แล้ว ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ น่าจะเป็นประเด็นที่ควรจะได้คิด และต้อง “คิดให้ได้” ก่อนจะสายเกินไป
       

       1) ประชาชนพลเมือง แต่ละคนในฐานะ “ปัจเจกบุคคล” ที่ออกมาชุมนุมร่วมกันนามสมมติว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” นั้น ก็จะแยกย้าย เดินทางกลับบ้าน บ้านใครบ้านมัน กลับไปทำมาหากิน แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวกันตามแต่สถานะและอาชีพของแต่ละคน
      
       ไ ม่ต้องอดตาหลับขับตานอน ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองและเวลาอันมีค่าส่วนตัว เพื่อมาทำภารกิจ ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองส่วนรวมอีกต่อไป
      
       แ ต่จะต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ในประเทศไทยอย่าง “ผู้อาศัย” ไม่ใช่ “เจ้าของบ้าน” ที่จะสามารถแสดงออกเพื่อดูแลรักษาหรือมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางบ้านเมืองข องตนได้อีกต่อไป
      
       2) อำนาจบริหารและนิติบัญญัติของประเทศไทย จะตกอยู่ใต้อำนาจของระบอบทักษิณต่อไป อย่างเด่นชัดขึ้น และด้วยความเหิมเกริมยิ่งกว่าเดิม
      
       การเมืองภายใต้ระบอบทักษิณ ฝ่ายบริหารจะใช้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม ไม่ตระหนักถึงความถูกต้อง แต่จะสนใจเพียงที่มาของการเข้าสู่อำนาจ โดยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนชนะเลือกตั้ง ทุจริตเลือกตั้ง ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ซื้อตัว ส.ส. ฯลฯ และเมื่อชนะเลือกตั้ง ได้อำนาจรัฐแล้ว จะทำอย่างไรกับบ้านเมืองก็อาจกระทำได้ แม้แต่จะใช้อำนาจรัฐไปรับใช้บุคคลคนเดียวกลุ่มเดียว ก็กระทำได้ เพราะถือว่าประชาชนได้มอบอำนาจให้ตนอย่างเด็ดขาด ผ่านการเลือกตั้ง
      
       3) อำนาจตุลาการของประเทศไทย จะตกอยู่ภาวะอันตราย ถูกระบอบทักษิณกดดัน พยายามครอบงำและแทรกแซงทุกรูปแบบ โดยอาศัยอำนาจนิติบัญญัติและบริหารที่มีอยู่ เช่น ออกกฎหมายอันมีผลให้อำนาจตุลาการไม่สามารถพิจารณาคดีของทักษิณและพวกได้ หรือออกกฎหมายเพื่อให้คำพิพากษาของศาลมีผลใช้บังคับกับทักษิณและพวก เป็นต้น
      
       ศ าลยุติธรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัวฯ จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ และไม่สามารถให้ความเป็นธรรมแก่ส่วนรวม
      
       4) องค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย จะถูกครอบงำโดยระบอบทักษิณ ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ตรวจสอบ ผดุงความยุติธรรมในสังคมได้อีกต่อไป โดยจะไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับพรรคพวกนักการเมืองในระบอบทักษิณ ได้เลย ยิ่งกว่านั้น ยังมีแนวโน้มที่จะรับใช้และเป็นเครื่องมือให้กับผู้มีอำนาจรัฐฝ่ายเดียว
      
       พ ูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ ผู้มีอำนาจในระบอบทักษิณจะยิ่งใหญ่ อยู่เหนือกฎหมาย เหนือการตรวจสอบ เมื่อใดที่คนพวกนี้ทำผิดกฎหมาย พวกเขาก็จะกร่าง และเกรี้ยวกราดเอากับประชาชนทั่วไปได้ในทำนองว่า “มึงรุ้ไหม กูเป็นใคร”
      
       แม้กระทั่งลูกกิ๊กของผู้ยิ่งใหญ่แห่งระบอบทักษิณ ที่เคยเก็บตัว ก็อาจจะออกมาเรียกร้องทวงสิทธิประโยชน์
      
       5) กองทัพและข้าราชการ จะถูกแบ่งแยกและยึดครอง
      
       คนเก่งคนดี จะไม่ได้รับผลของความดี เท่ากับคนที่ยอมตนเป็นข้ารับใช้ให้ระบอบทักษิณ
      
       แต่ทั้งหมด ก็จะต้องให้โอกาสสำหรับคนในวงศ์วานว่านเครือของตระกูลนักการเมืองระบอบทักษิ ณเสียก่อน โดยไม่ได้เป็นไปตามสามารถในการทำงาน แต่มุ่งสนองตอบความต้องการของนักการเมืองเป็นใหญ่

      
       6) การเมืองภาคประชาชนจะอ่อนแอ ถูกทำให้แตกสลาย จนไร้พลังในการเคลื่อนไหว เพื่อต่อรองและตรวจสอบอำนาจรัฐของนักการเมือง
      
       เมื่อระบอบทักษิณกลับมายึดประเทศไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จ ก็จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเสี้ยนหนาม และทำลายศัตรูทางการเมืองของตน คือ ทำให้อำนาจส่วนอื่นๆ อ่อนแอที่สุด จนไม่สามารถรวมกันหรือมีพลังเพียงพอที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกครั้ง
      
       ท ี่ผ่านมา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนที่มีพลังที่สุด โดดเด่นที่สุด และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการต่อสู้ทางการเมืองด้วยพลังอำนาของภาคประชาชนสม ัยใหม่
      
       ประชาชนผู้เข้าร่วมกับพันธมิ ตรฯ มีทั้งคนต่างจังหวัด คนกรุงเทพฯ และชนทุกระดับชั้น ทุกสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยที่ทุกคนมีจุดร่วมกันตรงที่เป็นผู้ที่มีความตื่นตัว สนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง มีความรู้ เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ดีกว่าคนทั่วไป
      
       คนเหล่านี้ นอกจากจะยอมสละเวลามาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ แล้ว ยังสละเงินทองบริจาคให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อีกด้วย
      
       การต่อสู้อย่างต่อเนื่องของพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา ได้ใช้เงินและทรัพยากรส่วนตัวของประชาชนไปเป็นจำนวนมากแล้ว เมื่อสละเงิน สละแรง ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ถึงเพียงนี้ หากต้องพ่ายแพ้แก่ระบอบทักษิณในครั้งนี้ คงต้องใช้เวลาอีกนาน หรืออาจจะไม่มีกำลังที่จะสนับสนุนการต่อสู้อย่างเต็มที่ได้เหมือนครั้งนี้อี กแล้ว
      
       นอกจากนี้ ระบอบทักษิณย่อมจะได้บทเรียนว่า ในการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ นั้น ที่สามารถขยายแนวร่วมและควบคุมทิศทางการต่อสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้ ก็เนื่องจากได้มีการใช้สื่อสมัยใหม่เข้ามาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี วิทยุชุมชนบางส่วน และสื่ออินเทอร์เน็ต ดังนั้น อำนาจรัฐภายใต้ระบอบทักษิณก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายอาวุธทางปัญญาของประชา ชน ปิดกั้นสื่อทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นเอเอสทีวี และวิทยุชุมชนที่มีความเห็นต่างจากตน เพื่อมิให้ประชาชนสามารถใช้สื่อสมัยใหม่เปิดโปงข้อมูลด้านลบที่เป็นความเลวร ้ายของผู้มีอำนาจรัฐได้อีกต่อไป
      
       ห ากพันธมิตรฯ พ่ายแพ้ เราอาจจะไม่ได้เห็น “มือตบ” หรือแม้แต่ “ตีนตบ” ทั้งนี้ เพื่อมิให้ประชาชนมีความรู้สึกว่า ตนเองสามารถใช้สองมือ-สองเท้า ต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ไม่ชอบธรรมได้อีกต่อไป
      
       7) การต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา จะถูกมองว่าด้อยค่า

      
       ที่ผ่านมา พันธมิตรฯ ได้ต่อสู้อย่างสันติ อหิงสา และควบคุมประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนให้อยู่ในความสงบ ไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ความรุนแรงยั่วยุ ทำร้ายร่างกาย และเข่นฆ่าเอาชีวิตเลือดเนื้อมาโดยตลอด
      
       แ ม้จะมีความแค้น ความเจ็บปวดรวดร้าว จากการที่พี่น้องพันธมิตรฯ ถูกทำร้าย ถูกฆ่าตายไปต่อหน้า แต่ประชาชนก็ยังครองสติ และยึดมั่นในสันติอหิงสาต่อไป สะกดจิตใจมิให้ใช้ความรุนแรงแก้แค้น หรือเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
      
       ห ากใช้วิธีสันติอหิงสาแล้ว ไม่สามารถทำให้นักการเมืองที่ชั่วร้ายเกิดความสำนึก และแสดงความรับผิดชอบได้ สังคมไทยย่อมจะมองวิธีการต่อสู้แบบสันติอหิงสา เห็นเป็นเพียงกิจกรรมที่ไร้ผลบังคับ ไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากประชาชนลุกขึ้นสู้ในครั้งหน้า วิธีการสันติอหิงสาก็อาจจะถูกปฏิเสธ
      
       ประชาชนจะหันไปหาวิธีการอื่น ที่ตนคิดว่าได้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวดเร็วกว่า เช่น การใช้กำลังความรุนแรง การลอบสังหาร ฯลฯ เป็นต้น
      
       8) ชาวรากหญ้า โดยเฉพาะในภาคอีสานและภาคเหนือ ก็จะยังถูกปฏิบัติเสมือนเป็นแค่เครื่องมือเข้าสู่อำนาจรัฐของนักการเมืองดังเดิมต่อไป
       

       ก ล่าวคือ ไม่ได้ปฏิบัติเหมือนดั่งเป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่จะถูกนักการเมืองใช้เงินภาษีอากรล่อซื้อ ล่อหลอก และมอมเมาด้วยนโยบายอบายมุข เอาหน้าประชานิยม เพียงเพื่อเอาใจในยามที่ต้องการคะแนนเสียง
      
       ร ะบอบทักษิณ จะไม่มีทางปลดปล่อยช่วยเหลือให้ประชาชนได้สามารถพึ่งตนเองได้ ยืนหยัดด้วยตนเองอย่างเข้มแข็ง มีสติปัญญารู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง หรือมีการรวมกลุ่มระหว่างชาวบ้านด้วยกันเองเพื่อเสริมสร้างอำนาจต่อรองและช่ วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ยักการเมืองระบอบทักษิณจะใช้วิธีเลี้ยงไข้ เพื่อให้ชาวบ้านยังคงตกอยู่ในระบบอุปถัมภ์โดยนักการเมืองต่อไป เพื่อรักษาไว้ซึ่งฐานอำนาจอันเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวของนักการเ มืองต่อไปดังเดิม
       

       8) ระบบเศรษฐกิจไทยจะถูกบ่อนทำลายความสามารถในการแข่งขัน การกระจายรายได้เลวลง
      
       การแข่งขันเสรีอย่างเป็นธรรม จะถูกทำลายลงด้วยระบบวิ่งเต้นเส้นสาย แบ่งปันผลประโยชน์ และแสวงหากำไรส่วนเกินมาแบ่งปันกันของคนในเครือข่ายระบอบทักษิณ
      
       การเอารัดเอาเปรียบ และการขูดรีดทางเศรษฐกิจ จะยังคงมีต่อไป อย่างรุนแรงมากขึ้น
      
       น ักธุรกิจที่มีเส้นสาย จะได้รับยกเว้นภาษี สนับสนุนให้มีกำไรพิเศษ แต่นักธุรกิจที่ทำงานด้วยความสามารถจะถูกกีดกันออกไปจากเวทีการแข่งขันด้วยก ารเลือกปฏิบัติ
      
       คนรวยจะมีเพียงไม่กี่ตระกูล ส่วนที่เหลือจะถูกดูดซับผลประโยชน์อันพึงพึงได้ ผ่านกลไกการผูกขาด และการทำธุรกิจแบบอภิสิทธิ์ชนของคนไม่กี่ตระกูล ในขณะที่คนส่วนใหญ่ของประเทศยังคงยากจน และต้องพึ่งพาความเอื้ออาทรจากผู้มีอำนาจตระกูลชินฯ ต่อไป
       

       9) ระบบการเมืองไทย จะกลายเป็นประชาธิปไตยของคนไม่กี่ตระกูล ที่มีการสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญๆ ในวงศ์วานว่านเครือของตนเองเท่านั้น
      
       ผู้นำประเทศจะต้องเป็นคนในเครือตระกูลชินวัตร ไม่ต่างจากบริษัทส่วนตัว ที่สามารถเลือกตั้งใครในตระกูลของตนเองมาครองตำแหน่งผู้บริหารก็ได้ โดยไม่สนใจว่า จะมีคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมหรือไม่ เพราะการรักษาผลประโยชน์ของตระกูลจะสำคัญกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรว ม
      
       10) สถาบันเบื้องสูง จะถูกแปลงให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ เพื่อกีดกันมิให้มีบทบาทสำคัญในสังคมได้อีกต่อไป เพื่อลดทอนบารมี ในขณะเดียวกัน ก็จะสร้างภาพ สร้างกระแส เพื่อยกระดับนักการเมืองในตระกูลผู้นำระบอบทักษิณ ให้ขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันหรือทดแทนสถาบัน
      
       ก ่อนวันที่ 5 ธันวาคม ถ้าสังคมไทยทุกภาคส่วนยังนิ่งดูดาย นิ่งนอนใจ ปล่อยให้กบฏผีบุญแห่งกรุงชินฯ เหิมเกริม กลับมามีอำนาจ สถาปนาความสามานย์เข้าครอบงำประเทศไทย เชื่อได้ว่า เราทุกคนจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินที่คุ้นเคยอีกต่อไป
      
       ทั้งหมดนี้ คงจะได้เห็นกันแน่ๆ หากพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แก่ระบอบทักษิณ !

      
       ความพ่ายแพ้ของพันธมิตรฯ จึงหมายถึงการพ่ายแพ้ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน
      
       เพราะฉะนั้น พันธมิตรฯ จึงแพ้ไม่ได้ เพราะประเทศไทย แพ้ไม่ได้ !
      
       ถึงเวลาคนไทย ทั้งในเครือข่ายพันธมิตร และนอกเครือข่ายพันธมิตร ต้องออกมาร่วมกันต่อสู้กับระบอบทักษิณ !


http://www2.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000139297

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น