++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

'600 ปีที่แล้วสึนามิเคยเกิดที่ไทย' งานวิจัยอ.จุฬาฯได้เผยแพร่ทั่วโลก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์     24 พฤศจิกายน 2551 12:25 น.
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9510000138951

       อ.ดร.เครือวัลย์ จันทร์แก้ว ผศ.ดร.มนตรี ชูวงษ์ ผศ.ดร.ฐาสิณีย์ เจริญฐิติรัตน์ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ทำการวิจัยเรื่อง “สึนามิโบราณในประเทศไทย” ล่าสุดงานวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Nature ซึ่งเป็นวารสารของประเทศอังกฤษที่เผยแพร่ผลงานวิจัยทางวิชาการที่ได้รับการย อมรับเป็นอันดับหนึ่งของโลก นอกจากนี้ยังได้รับการเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ BBC News ด้วย
      
       อ.ดร.เครือวัลย์ จันทร์แก้ว เปิดเผยถึงเหตุผลที่ทำให้งานวิจัยชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature เนื่องจากเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ยืนยันว่าเคยเกิดสึนามิในมหาสมุทรอินเดียมาแ ล้วหลายครั้งในอดีต
      
       งานวิจัยเรื่องนี้เริ่มทำการศึกษามาตั้งแต่ปี 2547 โดยเริ่มจากการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสึนามิบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลอั นดามันของประเทศไทย 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ภูเก็ต จ.พังงา จ.ระนอง จ.กระบี่ จ.ตรัง และ จ.สตูล ผลงานที่ตีพิมพ์นี้เป็นการรายงานการค้นพบหลักฐานทางธรณีวิทยาที่ยืนยันได้ว่ าในอดีตประเทศไทยเคยเกิดสึนามิขึ้นมาแล้วและเหตุการณ์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเม ื่อประมาณ 600 ปีที่ผ่านมา
       และมีแนวโน้มว่าเป็นสึนามิที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับเมื่อปี 2547
      
       เหตุผลที่นักวิจัยทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เนื่องจากเมื่อย้อนไปก่อน ปี 2547 คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าสึนามิจะเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ก็เกิดคำถามขึ้นมาในวงวิชาการว่าจะมีโอกาสเกิดซ้ำได้อีกหรือไม่
      
       "ถ้าเราสามารถหาหลักฐานได้ว่าประเทศไทยเคยเกิดพิบัติภัยสึนามิมาแล้ว ในอดีต ก็จะมีส่วนช่วยในการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่ เพื่อที่ชาวบ้าน หรือคนที่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่งนั้นๆ จะได้เตรียมรับมือกับมหันตภัยดังกล่าว ตลอดจนลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น"
      
       อ.ดร.เครือวัลย์ก ล่าวว่าการวิจัยครั้งนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากหลายแหล่งทั้งจากจุฬาฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และมหาวิทยาลัยวอชิงตัน (ซีแอตเติล) เป็นต้น โดยใช้เวลาในการทำวิจัยกว่า 2 ปี
      
       "การหาหลักฐานของสึนามิจะต้องเดินทางเข้าไปในพื้นที่จริง และทำการขุดเพื่อหาหลักฐานตะกอนที่ถูกพามาสะสมโดยสึนามิ โดยได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ของ จ. ภูเก็ต และพังงา ทำการขุดลงไปในพื้นดินลึกประมาณ 1 เมตร บริเวณที่ทำการศึกษาโดยละเอียดและนำไปสู่การตีพิมพ์ในครั้งนี้คือ เกาะพระทอง จ.พังงา ซึ่งพบชั้นตะกอนทรายสึนามิโบราณทั้งหมด 3 ชั้น แทรกอยู่ระหว่างชั้นดินสีดำ ซึ่งทั้งหมดถูกปิดทับโดยชั้นตะกอนสึนามิเมื่อปี 2547 ที่มีความหนา 5 - 20 เซนติเมตร"
      
       อ.ดร.เครือวัลย์ กล่าวต่อไปว่า ผู้วิจัยได้เก็บตัวอย่างจากเปลือกไม้จำนวนหลายตัวอย่างที่อยู่ระหว่างรอยต่อ ของชั้นดินกับชั้นทรายสึนามิโบราณชั้นบนสุด และส่งตัวอย่างนี้ไปตรวจหาอายุที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลปรากฏว่าได้อายุที่ใกล้เคียงกันมาก คือ 600 ปี ทำให้เราทราบว่าเหตุการณ์สึนามิครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 600 ปีที่แล้ว
      
       ส่วนตะกอนทรายสึนามิโบราณอีก 2 ชั้นที่อยู่ลึกลงไปยังไม่สามารถหาอายุได้อย่างแน่ชัด แต่จากอายุของตัวอย่างหอยที่อยู่ลึกลงไปทำให้คาดว่าชั้นทรายสึนามิโบราณอีก 2 ชั้นนี้มีอายุน้อยกว่า 2,800 ปี
      
       ผลงานวิจัยนี้ช่วยยืนยันว่าฝั่งทะเลอันดามันของบ้านเราเคยเกิดสึนามิ มาก่อน และเป็นไปได้ว่าเกิดขึ้นมาแล้วมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งจะจุดประกายความคิดให้กับภาครัฐในการให้ความสำคัญต่อการให้การศึกษากับป ระชาชนที่อยู่ในพื้นที่ชายฝั่ง เพื่อให้ทราบถึงภัยจากสึนามิและให้รู้วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ในอนาคต ในบริเวณนี้อาจมีสึนามิเกิดขึ้นอีกในอนาคต เพียงแต่ไม่สามารถบ่งบอกวันเวลาที่ชัดเจนได้
      
       แต่หากช่วงเวลาที่จะเกิดยิ่งนานออกไปเท่าใด ความรุนแรงก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากลักษณะของการเกิดแผ่นดินไหวโดยเฉพาะบริเวณที่มีการมุดตัวของแผ่นเป ลือกโลกนั้น เมื่อแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เข้าหากัน เปลือกโลกที่มีองค์ประกอบที่หนักกว่าก็จะมุดตัวลงไปด้านล่าง ในขณะที่เปลือกโลกที่อยู่ด้านบนก็ถูกดันขึ้นเรื่อยๆ และเกิดการสะสมของแรงเครียด เมื่อเสียดสีกันมากขึ้นก็จะยิ่งเกิดแรงเครียดสะสมมากขึ้น
      
       เมื่อไม่สามารถรับได้ต่อไปเปลือกโลกที่อยู่ด้านบนก็จะดีดออก ทำให้เกิดแผ่นดินไหวพร้อมกับมีการเคลื่อนที่ของน้ำและเกิดเป็นสึนามิขึ้น ฉะนั้นยิ่งมีการสะสมของแรงเครียดเป็นเวลานานเท่าไร ขนาดของแผ่นดินไหวและสึนามิที่จะเกิดตามมาก็ยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นตามไปด้ วย
      
       “งานวิจัยชิ้นนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้มีการศึกษาเกี ่ยวกับเรื่องสึนามิมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภ ัย เพื่อให้คนตื่นตัว และรู้วิธีปฏิบัติตนเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้ หากรัฐบาลไทยร่วมกับกระทรวง ศึกษาธิการให้การศึกษาเกี่ยวกับสึนามิอย่างจริงจัง เพื่อถ่ายทอดข้อมูลและความรู้ไปยังคนรุ่นหลังได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง” อ.ดร.เครือวัลย์ กล่าวทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น