มวลชนร่วมแสนคน! ฮือปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมยื่นเงื่อนไข “สมชาย” ลาออกโดยปราศจากข้อแม้ ขณะที่ “น้องเขยแม้ว” ออกจากเมืองหลวงเปรูแล้ว ก่อนแวะเติมน้ำมันที่สวิตเซอร์แลนด์ และถึงไทยเย็นพรุ่งนี้ หุ่นเชิดสั่งการท่าเคลียร์ “อู่ตะเภา-สนามบินเชียงใหม่” รอรับฉุกเฉิน
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 25 พ.ย. ได้มีกลุ่มประชาชนประมาณ 1,000 คน พร้อมมือตบเดินทางไปปิดล้อมทางเข้าสนามบินสุวรรณทางด้านมอเตอร์เวย์ เพื่อเตรียมประท้วงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางกลับจากการร่วมประชุมเอเปกที่ประเทศเปรู ถึงไทยในเวลาประมาณ 12.55 น.วันที่ 26 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม ได้เกิดปัญหาเครื่องลากจูงเครื่องบินลำที่นายสมชายจะโดยสารกลับขัดข้อง ทำให้เครื่องบินต้องออกล่าช้ากว่ากำหนด
มีรายงานว่า เครื่องบินการบินไทยที่นายสมชายจะเดินทางกลับได้ออกจากกรุงลิมา เมืองหลวงของเปรูแล้ว และจะลงเติมน้ำมันที่เมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ ในเวลา 2 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณตี 2 ตามเวลาในไทย) แต่เนื่องจากเครื่องบินขึ้นช้ากว่ากำหนด ทำให้คาดว่าน่าจะถึงไปถึงเมืองซูริกหลังเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่น (ประมาณ 06.00 น.ตามเวลาในไทย) จากนั้นจึงจะบินเข้ามาในไทย ซึ่งตามกำหนดเดิมจะถึงไทยในเวลา 12.55 น. วันที่ 26 พ.ย. แต่ถ้านับชั่วโมงที่เครื่องบินออกช้า น่าจะช่วงถึงในช่วงเย็นๆ
สำหรับบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 16.00 น.มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังอยู่เป็นจำนวนมากและการจราจรติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากมีกลุ่มแท็กซี่ นปก.เข้าไปต่อต้านพันธมิตรฯ ทำให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าออกมีปัญหา
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น.มีรายว่า รัฐบาลได้สั่งให้การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเตรียมพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และสนามบินเชียงใหม่ไว้รองรับ หากเที่ยวบินที่นายสมชายเดินทางมาไม่สามารลงที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ และต่อมามีรายงานว่านายสมชายจะไม่ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่าจะลงสนามบินแห่งใด
รายงานข่าวแจ้งว่า ประชาชนในกลุ่มพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 และนายอมร อมรรัตนนานนท์ พิธีกรเวทีพันธมิตรฯ ได้ทยอยเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิอย่างต่อเนื่อง และบริเวณถนนมอเตอเวย์ที่จะมุ่งหน้าเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ ได้เกิดจราจรติดขัดเป็นอัมพาตอย่างหนัก เนื่องจากกลุ่ม นปช.หลายร้อยคนได้ขวางทางไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯเข้าไปในบริเวณดังกล่าว จนกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องจอดรถโดยสารชิดข้างทางเพื่อไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า พร้อมทั้งประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเจรจากับกลุ่ม นปช. ซึ่งหากการเจรจาไปสำเร็จ กลุ่มพันธมิตรฯจะไม่เข้าไปสนามบินแต่จะล้อมทางเข้าออกทั้งหมด ระหว่างนั้นพันธมิตรฯ ได้พากันนั่งบนถนนมอเตอร์เวย์เพื่อปิดทางเข้าสนามบิน
ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้ประกาศบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ถึงแม้นายสมชายอาจจะไม่ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เป้าหมายหลักของพันธมิตรฯ คือ ต้องการปิดสนามบินสุวรรณภูมิไปจนกว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เวลาประมาณ 19.30 น. มวลชนของพันธมิตรฯ ได้เดินทางเดินรถยนต์เข้าสมทบอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนกว่า 1 หมื่นคนและรถยนต์จำนวนนับพันคันได้ยึดพื้นที่บริเวณทางยกระดับข้างบนและข้าง ล่าง เป็นระยะทางประมาณ 5-6 กิโลเมตร ก่อนถึงสนามบิน และยังคงมีทยอยเดินทางเข้าสมทบอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการจราจรที่มุ่งเข้าสู่ตัวอาคารท่าอากาศยานจากทางด้านหน้าเริ่มค ลี่คลายลงบ้างแล้ว ไม่ติดขัดหนักเหมือนช่วงเย็นที่ผ่านมา ส่วนด้านในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณอาคารผู้โดยสาร มีการปิดประตูเข้า-ออกหลายจุดด้วยกัน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ได้มีการถ่ายทอดสดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ทางวิทยุชุมชนคลื่น 99.25 เมกะเฮิรตซ์ ให้แก่ผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิได้ติดตามการชุมนุมของพัน ธมิตรฯ ด้วย
เวลาประมาณ 20.20 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์บนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล ระบุถึงการยื่นเงื่อนไขให้นายสมชายลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยพันธมิตรฯ จะปิดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นมาตรการในการกดดัน
เวลา 20.25 น. พันธมิตรฯ ยึดทางยกระดับก่อนเข้าตัวอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีผู้ชุมนุมประมาณหมื่นคน และได้พยายามแทรกซึมจะเข้าไปในหน้าอาคารผู้โดยสารบริเวณอาคารสนามบินสุวรรณภ ุมิ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามสกัดกั้นอยู่บริเวณประตูทางเข้า
แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ของสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ขอให้พันธมิตรฯ ออกไปชุมนุมบริเวณห่างออกไปบนทางยกระดับ ห่างออกไปประมาณ 500 ม. ซึ่งมีการปิดการจราจรทั้งหมด และให้ใช้ถนนด้านล่างแทน แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเดินเท้าเพื่อจะเข้าไปในตัวอาคารเพื่อเข้าห้องสุขา เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินของประชาชนที่สร้างด้วยเงินภาษี โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าที่สนามบินปิดทางประตูไว้ทุกจุด
ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ได้ทำการประชาสัมพันธ์ว่านายกรัฐมนตรีจะไม่บินลงมาสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกพันธมิตรฯ เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ไม่อยากให้เข้าใกล้อาคารผู้โดยสารมากเพราะอาจจะเกิดความเสียหาย จะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯถูกมองว่าเป็นผู้กระทำ
เวลา 20.30 น. ขบวนผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ถูกส่งเป็นทัพหน้าได้เคลื่อนไปถึงเทอร์มินัลที่ 1 ชั้นที่ 4 แล้ว และถือว่าประตูทางเข้าด้านนี้ ถูกปิดโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้นได้เคลื่อนไปยังเทอร์มินัล 2
เมื่อเวลา 21.00 น. พันธมิตรได้หยุดอยู่ด้านหน้าประตู 4 ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ โดยพากันนั่งนั่งบนฟุตบาทและพื้นถนน เนื่องจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยสนามบินได้ล็อคประตูทุกประตูไม่ให้เข้าไป ทั้งนี้ภายในตัวอาคารซึ่งมีทั้งผู้โดยสารที่เพิ่งลงเครื่องและกำลังจะออกเดิ นทางบางคนแสดงความเป็นพันธมิตรด้วยการควักมือตบที่เก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางอ อกมาชูและกระพือเพื่อให้กำลังใจผู้ชุมนุมด้านนอก ทำให้ผู้ชุมนุมด้านนอกต่างพากันกระพือตอบกลับด้วยความดีใจ
มีรายงานว่า ต่อมาได้มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งออกไปจากกลุ่มพันธมิตรฯ บุกเข้าไปในเทอร์มินัล 2 ขณะที่แหล่งข่าวในกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่พันธมิตรฯ แต่น่าจะเป็น นปก.แฝงตัวมาเพราะพันธมิตรฯ ได้ประกาศแล้วว่าจะยึดพื้นที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้น โดยไม่บุกเข้าไป แต่คนกลุ่มนี้ได้ตะโกนว่าบุกเข้าไป ขณะเดียวกัน ตำรวจก็เปิดทางให้ ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งบุกเข้าไป
ต่อมาเวลา 21.30 น. ทางท่าอากาศยานฯ ได้ประกาศปิดสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว และประสานให้คนออกจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยเร็ว
เวลาประมาณ 21.50 น. ประชาชนได้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเกือบ 1 แสนคน และได้เดินไปถึงตัวอาคารผู้โดยสารแล้ว หลังจากนั้น ได้รวมตัวกันชุมนุมอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 4 ซึ่งเป็นจุดรับส่งผู้โดยสาร และตั้งเวทีปราศรัยย่อยขึ้นที่บริเวณดังกล่าว
จนเวลาประมาณ 00.30 น. ตำรวจนำกำลังปิดล้อมทางเข้าออกของพันธมิตรฯ ที่กำลังชุมนุมอยู่บริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้ง 2 ด้าน ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และเกิดความตึงเครียดขึ้น และนายอมร อมรรัตนานนท์ ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า ให้ตำรวจถอยออกไปภายใน 15 นาที ไม่เช่นนั้นจะบุกเข้าไปข้างใน
ขณะเดียวกัน เอเอสทีวีได้เริ่มถ่ายทอดสดการปราศรัยจากเวทีย่อยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 00.50 น.
นางสาวอัญชลี ไพรีรัก ได้กล่าวบนเวทีว่า ตำรวจทำผิดข้อตกลง เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานนายพิภพ ธงไชย และนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง ได้ไปเจราจากับผู้ว่าการการท่าอาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว โดยมีข้อตกลงว่าพันธมิตรฯ จะยอมให้ผู้โดยสารที่เช็กอินแล้วขึ้นเครื่องเดินทางต่อไปได้ ส่วนผู้โดยสารขาเข้าก็ให้ออกจากสนามบินได้จนถึงเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ย. แต่เมื่อตำรวจนำกำลังมาปิดล้อมพวกเรา ถือว่าข้อตกลงนั้นยกเลิก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปห้ามเครื่องบินขึ้น-ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิอีก
ต่อมา นางมนฤดี เกตุพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ขอเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ เพื่อขอให้เครื่องบินขาเข้าในวันรุ่งขึ้นสามารถบินลงได้ ซึ่งทางพันธมิตรฯ ยอมที่จะให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงแล้วออกจากสนามบินได้ แต่สำหรับเที่ยวบินที่จะเข้ามาใหม่นั้น ทางพันธมิตรฯ ได้ยื่นเงื่อนไขว่า จะต้องมีการถอนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปให้หมดก่อน จึงจะให้ลงได้ ซึ่งทางการท่าไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ จึงยังคงมีการปิดไม่ให้มีเครื่องลงต่อไป
ต่อมาเวลา 01.45 น.หลังจากที่ตำรวจจากตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี ได้เจรจากับการ์ดพันธมิตรแล้ว ได้ยินยอมที่จะถอนกำลังออกไป โดยขอให้ทางพันธมิตรฯ เปิดทางให้ด้วย ซึ่งผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ได้ยินยอมแต่โดยดี จึงยังเหลือเพียงตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ยังคุมเชิงอยู่ แต่สถานการณ์ความตึงเครียดได้คลี่คลายลง หลังจากนั้นบนเวทีมีการปราศรัยสลับกับเล่นดนตรีเป็นระยะๆ โดยมี "จอย-ศิริลักษณ์ ผ่องโชค"ดาราสาวชื่อดังขึ้นร้องเพลงด้วย
ต่อมาเวลา 04.00 น. ผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ จากทำเนียบรัฐบาลได้ทยอยเดินทางออกจากสนามม้านางเลิ้งมาสมทบที่สนามบินสุวรร ณภูมิ ขณะเดียวกันได้มีการประกาศจากเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลให้พี่น้องประชาชนไปร่วมช ุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้นายสมชายลาออก พร้อมกับมีการขอรับบริจาคอาหารและน้ำดื่มสำหรับผู้ชุมนุมที่อยู่ในสนามบินสุ วรรณภูมิด้วย เนื่องจากแต่ละคนอยู่ในสภาพที่อิดโรย
เมื่อเวลา 06.00 น. มีการส่องยิงการ์ดพันธมิตรที่บริเวณทางขึ้นสู่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งวิถีกระสุนเล็งมาจากตึกปฏิบัติการการบินไทย และยังคงมีการยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ ต้องหลบตามแท่งคอนกรีต
นางสาวอัญชลี ไพรีรัก ผู้ดำเนินรายการของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า วันนี้(26 พ.ย.) พันธมิตรฯ จะปักหลักชุมนุมเพื่อกดดันให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ลาออก โดยจะไม่มีการปล่อยให้เครื่องบินขึ้น-ลง แม้ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะได้เจรจาขอเปิดเส้นทางให้ผู้โดยสารแล ้วก็ตาม ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ยืนยันว่าจะเจรจากับนายกรัฐมนตรีผู้เดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ นางสาวอัญชลี ยังกล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯ ใช้อาวุธปืนยิงกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เมื่อวานนี้ว่า เป็นเพียงการป้องกันตัว เพราะที่ผ่านมาอดทนอดกลั้นกับการถูกทำร้ายหลายครั้งในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นอีก ฝ่ายที่บาดเจ็บคือฝ่ายตรงข้าม
ต่อมาเวลา 8.45 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่สนามสุวรรณภูมิว่า สนามบินสุรรณภูมิเป็นผลงานอัปยศของระบอบทักษิณ ที่มีการโกงและคอร์รัปชั่นใหญ่ๆ กว่า 14 โครงการ และประชาชนต้องลากคอ ทักษิณ สมชาย สุริยะ (จึงรุ่งเรืองกิจ) มาสารภาพว่าโกงอะไรไว้บ้าง การยึดสนามบินไม่เคยเกิดขึ้นในโลก เป็นการประจานรัฐบาลไปทั่วโลก ที่บริหารงานล้มเหลว แต่ปฎิบัติการยึดสุวรรณภูมิ ยังไม่ใช่ปฎิบัติการสูงสุด วันพรุ่งนี้จะมีปฎิบัติการสูงสุด แกนนำได้หารือกันแล้ว พรุ่งนี้คนทั้งโลกจะช็อค
ขณะนี้เรียกว่าปฎิบัติการไล่ล่าฆาตกร 7 ตุลาคม ทรราช สมชายและทักษิณ แม้ว่า รัฐสภา ทำเนียบ ส.ส.ไปย้ายไปประชุมที่เชียงใหม่ เราก็จะตามไป ซึ่งเราได้สั่งการไว้พร้อมแล้ว ชัยชนะต้องเป็นของประชาชน
นายสมเกียรติ กล่าวตอนท้ายว่า แกนนำพันธมิตรฯมีมติให้พี่น้องมุสสลิมเดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ส่วนบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยังคงมีแนวร่วมผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยบนเวทีอย่างต่อเนื่อง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากนั่งฟังการปราศรัยถึงท่าทีและทิศทางการเคลื่อนไ หวจากแกนนำต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น