++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551

กกต.ชี้ประชามติสุดขอบฟ้า! แฉเล่ห์ “หอกหัก” ยื้อเวลา

“ประพันธ์” แฉขั้นตอนทำประชามติรัฐบาล “หมัก” จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ปิดช่องออกเป็นพระราชกำหนด ย้ำหากเป็นเรื่องส่วนตัวทำไม่ได้ ด้านประธานวุฒิฯ หนุนเปิดประชุม 2 สภาอีกรอบ ชี้สถานการณ์พลิกผันเชื่อไม่ไร้สาระ
      
       วันนี้ (5 ก.ย.) นายประพันธ์ นัยโกวิท คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงแนวคิดทำประชามติของรัฐบาลว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนต รี ถ้ามีหัวข้อที่จะทำแน่นอนแล้ว กกต.ก็มีหน้าที่จะปฏิบัติตามรัฐธรมนูญ แต่ปัญหาขณะนี้คือกฎหมายประชามติยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญให้เวลาวุฒิสภาพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าวุฒิสภาจะพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อใด หลังจากนั้นก็จะต้องส่งกฎหมายดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อความด้วยว่ ามีจุดใดขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยใช้เวลาอีก30วันก่อนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ หากขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้น กกต.จึงจะสามารถทำประชามติได้
      
       นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องปรึกษากับประธานวุฒิสภากันเองว่าจะต้องใช้เวล าเท่าใด ทั้งนี้มีข้อห้ามไว้ว่าหากเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องส่วนบุคคลจะทำไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าจะกำหนดหัวข้ออย่างไร ขณะที่ต้องให้เวลาประชาชนได้รับทราบหัวข้อและรายละเอียดต่างๆที่จะทำประชาพิ จารณ์ก่อน 90-120 วันด้วย ตนดูช่วงเวลาแล้วคิดว่ากว่าจะทำได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6-7 เดือน เมื่อถามว่าจะสามารถเร่งรัดขั้นตอนต่างๆ ให้เร็วขึ้นได้หรือไม่ นายประพันธ์ ตอบว่า ขึ้นอยู่กับผู้พิจารณา เมื่อถามย้ำว่าสามารถออกเป็นพระราชกำหนดได้หรือไม่ นายประพันธ์ ตอบว่า ออกเป็นพระราชกำหนดไม่ได้
      
       นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดหารือ 3 ฝ่ายระหว่างตน นายชัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในวันนี้ (5 สิงหาคม) ว่า ยังไม่รู้ว่าจะหารือกันในประเด็นไหน แต่ยอมรับว่ามีเสียงส่วนหนึ่งอยากให้มีการเปิดประชุมร่วม 2 สภาอีกครั้ง เพื่อแก้วิกฤตชาติ แม้ว่าครั้งที่แล้วจะไม่ได้ผล แต่มีคนบอกว่าเหตุการณ์เปลี่ยนไปแล้ว การประชุมครั้งนี้อาจจะดีขึ้น โดยเชื่อว่าเมื่อถึงเวลา ไม่ว่าตน นายชัย หรือนายอภิสิทธิ์จะวางบทบาทของตนไว้ภายหลัง ทางออกของปัญหาขณะนี้อยากให้มีการเจรจาวงเล็กก่อนแล้วถึงไปคุยกับวงใหญ่ ซึ่งหากที่ประชุม 3 ฝ่ายมอบหมายให้ตนไปพูดคุยกับพันธมิตรฯ ก็ยินดี ไม่หนักใจอะไร แม้ส่วนตัวจะไม่มีสายสัมพันธ์กับทางนั้น แต่ก็อยากให้ฝ่ายพันธมิตรฯ เปิดใจเข้ามาหาทางออกร่วมกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น