++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

“ปราโมทย์” เฉ่งอัยการเตะถ่วงคดียุบพรรควอนทหารกล้าร่วมการเมืองใหม่

   เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น.วันนี้ (16 ก.ย.) การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงรู้ทันประเทศไทย ดำเนินรายการโดย นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้เชิญ นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอาวุโสด้านรัฐศาสตร์ มาเป็นวิทยากร
      
       นายปราโมทย์ ได้วิเคราะห์การเมือง ว่า แม้เวลานี้จะดูเหมือนการเมืองจะลงตัว ว่า จะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเมืองไทยยังมีปัจจัยหลายอย่าง ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะได้เป็นนายกฯหรือไม่ เพราะยังมีปัจจัยการต่อรองหลายอย่าง ต้องมีการจ่ายเงิน ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นไ ด้ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้เงิน 2 พันล้าน ซึ่งเรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หู แต่ถ้าดูตามพฤติกรรมของนักการเมืองแล้วมีโอกาสเป็นไปได้
      
       นายปราโมทย์ ได้ตำหนิพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ไม่มีความชอบธรรมในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล เพราะรู้อยู่แล้วจะต้องถูกยุบพรรค ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ก็ยังดึงดันจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็จะถูกตัดสิทธิ์การเมือง
      
       นายปราโมทย์ ยังตำหนิอัยการสูงสุด ที่เตะถ่วงไม่ยอมส่งฟ้องคดียุบพรรคการเมือง โดยปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานนับเดือน โดยคิดเพียงแค่หวังผลประโยชน์ข้างเคียงในทางส่วนตัวเท่านั้น เช่น มีภรรยาของอัยการบางคนกำลังลุ้นจะเป็นอธิบดีอยู่เป็นต้น ซึ่งการยื้อคดีเหล่านี้ต่อไปก็จะทำให้รัฐบาลผิดกฎหมายในอนาคต และว่าทั้งรัฐบาลและสภาถือว่าหมดสภาพไปแล้ว ทั้งในเรื่องความชอบธรรม ขัดกฎหมายและขาดอำนาจบารมี
      
       นักวิชาการผู้นี้ ยังได้ตอบโต้นักวิชาการบางคนที่กล่าวหาว่า การเมืองใหม่ที่ไม่ใช่เลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ประชาธิปไตยว่าเป็นการ บิดเบือน เพราะการเมืองใหม่ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์ได้ แม้แต่แกนนำพันธมิตรฯก็มากะเกณฑ์ไม่ได้ ดังนั้น อย่าไปยึดติดว่าประชาธิปไตยต้องเลือกตั้ง เพราะนั่นคือกระพี้ เพราะถ้าเราเลือกโจรเข้ามาก็จะเป็นสภาโจร และประชาธิปไตยต้องมีทั้งเนื้อหาและสาระ
      
       อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย นายปราโมทย์ เรียกร้องให้ทหารมีความกล้าหาญมาร่วมมือกับประชาชนร่วมสร้างการเมืองใหม่ เมื่อนั้นก็จะเห็นแสงสว่างมากขึ้น

อาจารย์ปราโมทย์มีสติปัญญาเป็นเลิศ
ท่านมองเห็นการณ์ไกล และได้กล่าวเตือนหลายเรื่องว่าถ้าปล่อยให้มีการเลือกตั้ง(ครั้งที่ผ่านมา)จะเกิดปัญหาที่ยุ่งยากมหาศาล
ท่านยังแนะว่าให้ประชาชนช่วยกันหยุดยั้งให้ได้(และได้แนะวิธีให้ด้วย)
แต่ผู้คนดูจะมองข้าม ไม่สนใจ
แล้วมันก็เกิดเหตุวิกฤต จนต้องมานั่งประท้วงกันแทบตายอยู่ตอนนี้นี่ไง
เวลาอาจารย์ปราโมทย์มาบรรยายให้ฟัง (เมื่อค่ำวันที่ 14 หรือ 15 ที่เวทีพธม ที่ทำเนียบ) ซึ่งเป็นข้อมูลเนื้อหาน่าฟังน่าสนใจมาก
ท ่านเพิ่งพูดไปได้ข้อเดียว (ยังเหลืออีกสามหัวข้อ) ทางผู้กำกับเวทีบอกหมดเวลา ทำให้เรื่องที่ทุกคนตวรรู้ ควรตั้งใจฟัง ว่าท่านจะให้เราทำอย่างไรบ้าง ก็มีอันต้องจบลงห้วนๆ
ซึ่งน่าเสียดายอย่างยิ่ง
อยากเสนอให้เชิญท่านมาออกรายการที่มีเวลามากกว่านี้ ตอนหัวค่ำ ให้เวลาเป็นพิเศษ ไม่ใช่เร่งรีบจนหายใจหายคอไม่ทัน
อย่ามองข้ามความสำคัญในเรื่องที่ท่านจะมาบอกเรา
เพราะมันจะเป็นทางออกของปัญหาที่ปฏิบัติได้
ก ็ยังดีนะที่ท่านมาพูดเพิ่มเติมในรายการ"รู้ทันประเทศไทย"ของ อ.เจิมศักดิ์ เมื่อหัวค่ำนี้ ทำให้รู้เพิ่มขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่ครบถ้วนอยู่ดี
โปรดอย่าได้มองข้าม


การเมืองใหม่
(ขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย)

ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษิตริย์เป็นพระประมุข นั้นเป็นระบอบการปกครองที่ดี

ส ำหรับประเทศไทย ต้องปรับปรุงเรื่องกระบวนการสรรหา ตรวจสอบ และการลงโทษ กับ 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายสภานิติบัญญัติ ส่วนฝ่ายตุลาการถือว่าทำหน้าที่ได้ดีเป็นส่วนใหญ่

ข้อเสนอ:
การสร รหารัฐบาล น่าจะทำแบบการเลือกผู้ว่า กทม. คือเปิดให้ประชาชนลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง แล้วให้นายกฯ จัดตั้งคณะรัฐมนตรีเอง ซึ่งก่อนที่จะได้รับเลือก ผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ แต่ละคนก็จะต้องนำเสนอข้อมูลส่วนตัว วิสัยทัศน์ นโยบาย และทีมงานของตน ในขั้นตอนการหาเสียงควรมีเวทีให้ผู้เข้าแข่งขันเป็นนายกฯ มีการดีเบตออกทีวีและวิทยุ รวมถึงมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนในเวทีต่าง ๆ และผู้ตัดสินคือประชาชนทั้งประเทศ เราจะได้นายกรัฐมนตรี(รวมทั้งทีมงานของเขา) อย่างที่เราคนส่วนใหญ่ต้องการ

ใ ครไม่ดีอย่างไรก็เป็นอิสระที่คู่แข่งจะนำเสนอข้อมูลต่อประชาชนผ่านสื่อ และก็เป็นความชอบธรรมที่ผู้ถูกกล่าวหาจะให้ข้อมูลในส่วนของตน ความไม่ดีบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ เช่น คดีความต่าง ๆ

กระบ วนการจัดการเลือกตั้งและควบคุมการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต. จะต้องได้ คณะกรรมการ กกต. ที่ซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา อย่างกับท่านเปาบุ้นจิ้น มีทีมงานคุณภาพมาตรฐานในทุกระดับ รวมถึงมีการจัดการกับปัญหาการซื้อเสียงและการทุจริตในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบการตรวจสอบรัฐบาล ควรปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าในปัจจุบัน เช่น รวดเร็ว และตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ควรให้อิสระกับคณะรัฐบาลหากเห็นว่ารัฐบาลทำดีทำเหมาะสม ไม่เข้มงวดในวิธีการทำงานของรัฐบาล จนรัฐบาลขาดความอิสระที่จะใช้ความรู้ความสามารถ ให้ได้ประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน

เดี๋ยวค่อย ๆ คิดครับ
แค

  

1 ความคิดเห็น: