++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการรถไฟไทย

โดย สิริอัญญา

บทความวันนี้เป็นตอนที่สามในเรื่องเกี่ยวกับยุทธศาสตร์รถไฟต่อจากเรื่อง “ยุทธศาสตร์รถไฟ…ปรับยุทธศาสตร์ประเทศ” และเรื่อง “ยุทธศาสตร์พัฒนาสองข้างทางรถไฟ” โดยมีความมุ่งหมายที่จะเชิดชูธงพระบรมราโชบายของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ที่ทรงมุ่งให้รถไฟเป็นหลักของการคมนาคมทางบกของประเทศมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่ อน ให้ปรากฏเป็นจริงขึ้น
      
       เพื่อส่งผลต่อการปรับทิศทางพัฒนาประเทศไทย ต่อการลดรายจ่ายด้านพลังงานซึ่งเป็นรายจ่ายลำดับหนึ่งของประเทศลง ต่อการอำนวยประโยชน์สุขแก่ประชาชนชาวไทย และต่อการยึดโยงราชอาณาจักรนี้ให้ทั่วถึงเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน
      
       ท ำไมจึงต้องกล่าวว่าเป็นปัญหายุทธศาสตร์เล่า? ก็เพราะว่าการรถไฟไทยมีสินทรัพย์มากกว่า 300,000 ล้านบาท และมีวิสัยที่จะอำนวยประโยชน์มหาศาลแก่ชาติและประชาชน แต่กลับเป็นภาระของชาติบ้านเมือง เป็นแหล่งก่อหนี้สินมหาศาลให้กับประเทศชาติ และกลายเป็นแหล่งฉ้อราษฎร์บังหลวงขนาดใหญ่ เมื่อเรื่องราวของการรถไฟใหญ่โตครอบคลุมปริมณฑลของปัญหาต่างๆ ไว้มากมายเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีฐานะหรือนัยทางยุทธศาสตร์
      
       ขอเพียงได้เชิดชูฟื้นเอาพระบรมราโชบายของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 มาทำให้ปรากฏเป็นจริงขึ้นได้สำเร็จเมื่อใด ประเทศไทยของเราก็จะถึงซึ่งความมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองเมื่อนั้น
      
       ปัจจุบันนี้การรถไฟไทยมีเส้นทางเดินรถไปถึงทุกภาคของประเทศ แต่ชำรุดทรุดโทรมและล้าหลังกว่าที่พึงเป็น มีผู้คนจำนวนมากที่ทำงานอยู่ในการรถไฟ มีที่ดินที่มีคุณค่ามหาศาลตามที่พระราชทานเอาไว้ให้ เพื่อสร้างประโยชน์และรายได้ให้กับการรถไฟ
      
       มีที่ดินเป็นปริมาณถึง 250,000 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นที่ดินซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่สามารถจัดประโยชน์ได้อย่างดียิ่ง และมีราคาสูงลิ่วอยู่ถึง 50,000 ไร่ ที่ถ้าหากบริหารจัดการให้ดีเพียงไม่ถึง 100 ไร่ แค่บางแห่งบางจุด ก็สามารถสร้างรายได้ให้กับการรถไฟร่วม 50,000 ล้านบาท
      
       แต่ตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา การรถไฟไทยซึ่งมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจได้กลับกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของนักกา รเมือง ที่ดินที่มีจำนวนมากและมีมูลค่ามหาศาลกลับถูกฉ้อฉลเอาเป็นผลประโยชน์ตัว ในขณะที่การรถไฟฯ ได้รับผลตอบแทนเพียงน้อยนิดและยังมีปัญหาพะรุงพะรังตามมา จนต้องแก้ไขไม่มีที่สิ้นสุด
      
       การรถไฟไทยถูกบริหารจัดการโดยคนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่าคณะกรรมการการร ถไฟ และตลอดมาส่วนใหญ่ก็ประกอบด้วยข้าราชการบำนาญ หรือข้าราชการในราชการ และทาสบริวารนักการเมือง ที่มิได้มุ่งหมายในการสร้างความรุ่งเรืองให้กับการรถไฟหรือสร้างสรรค์ประโยช น์ให้กับชาติบ้านเมือง หากมุ่งหมายเพียงเพื่อเกาะกินฉกฉวยเอาผลประโยชน์จากการรถไฟเป็นส่วนใหญ่
      
       เ หล่านี้จึงเป็นสาเหตุเภทภัยที่ทำให้การรถไฟไทยต้องชำรุดทรุดโทรมและล้าหลัง กระทั่งเป็นภาระของชาติบ้านเมืองดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
      
       ความจริงได้เผยให้เห็นชัดเจนแล้วว่าการบริหารจัดการในรูปของคณะกรรมก ารที่มีโครงสร้างแบบนี้ และขึ้นต่อนักการเมืองแบบนี้ ได้สร้างชะตากรรมที่เลวร้ายให้กับการรถไฟฯ และชาติบ้านเมืองอย่างไร จึงถึงเวลาต้องปฏิรูปการบริหารจัดการในส่วนของการบริหารให้เป็นแบบมืออาชีพ มีความเป็นอิสระ โปร่งใส และอำนวยประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นปฐม จึงจะเป็นที่ตั้งต้นของการแก้ไขปัญหาทางยุทธศาสตร์ของการรถไฟไทย
      
       แ ละนี่ก็คือภารกิจทางนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องเร่งรีบกำหนดนโยบายเพื่อแ ปรสภาพรถไฟจากปัญหาให้เป็นโอกาส ในการกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมืองของเรา
      
       ปัจจุบันนี้การรถไฟไทยมีงานใหญ่ๆ อยู่ 3 เรื่อง คือ การดูแลรักษาและพัฒนาก่อสร้างราง การเดินรถ และการจัดการทรัพย์สินของรถไฟ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องสำคัญใหญ่โตที่เป็นส่วนของยุทธศาสตร์บริหารจัด การรถไฟฯ ทั้งสิ้น
      
       ในเรื่องแรก คือปัญหาการแยกภารกิจหรือแยกองค์กรในการบริหารจัดการ ทำให้การบริหารดูแลรักษาและพัฒนาเส้นทางรถไฟหรือรางรถไฟเป็นองค์กรเฉพาะทำนอ งเดียวกับการท่าอากาศยาน ที่รับผิดชอบดูแลเรื่องสนามบิน แล้วแยกให้การเดินรถเป็นอีกกิจการหนึ่ง ทำนองเดียวกับบริษัทการบินทั้งหลาย
      
       กิจการเกี่ยวกับรางก็มุ่งสร้างขยายพัฒนาดูแลรักษาและเรียกเก็บค่าบริ การจากกิจการเดินรถ ซึ่งต้องทำให้มาก ทำให้ดี ยิ่งมีการเดินรถมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้นเพราะเป็นการเพิ่มรายได้มากขึ้นเท ่านั้น ไม่ใช่ต่างคนต่างก็ไม่สนใจไยดีเพราะไม่ใช่หน้าที่ตัวดังที่เป็นอยู่
      
       เพื่อการนี้ อาจให้ดำรงเรื่องรางอยู่กับการรถไฟฯ ดังเดิม แล้วตั้งบริษัทลูกขึ้นทำการเดินรถในส่วนที่การรถไฟมีอยู่ใช้อยู่ในปัจจุบันเ พื่อให้ดำเนินงานต่อไปได้
      
       สำหรับการบริหารจัดการเกี่ยวกับรางก็ถึงเวลาที่จะต้องพิจารณาทบทวนปร ับเปลี่ยนระบบรางที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นระบบมาตรฐานที่มีขนาดกว้างกว่า ทำให้รถไฟวิ่งได้เร็วกว่า และรองรับขบวนรถที่ใหญ่กว่าได้ด้วย
      
        รถไฟทางเดี่ยวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็ต้องปรับเปลี่ยนเป็นรถไฟรางคู่ทั่วทั้ง ประเทศ ซึ่งนอกจากเชื่อมโยงภาคต่างๆ เข้าด้วยกันแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงเส้นทางวงแหวนตลอดแนวพรมแดนทั่วประเทศ เพื่อร่นระยะทางและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตลอดจนอาจต้องมีการเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างจังหวัดสำคัญๆ ในแต่ละภาค เพื่อประหยัดเวลาเดินทางและค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
      
       เรื่องที่สอง คือเรื่องการเดินรถ ซึ่งนอกจากการรถไฟฯ จะจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเดินรถเป็นของตนเองแล้ว ยังจำเป็นต้องเปิดให้เอกชนหรือผู้สนใจอื่นๆ ก่อตั้งหรือสร้างกิจการเดินรถของตนเองขึ้นให้มากที่สุด
      
       เพราะเมื่อมีการเดินรถมากขึ้นเท่าใด การรถไฟฯ ก็จะได้รับผลประโยชน์จากรายได้ค่าใช้รางมากขึ้นเท่านั้น ในขณะที่ผู้ลงทุนสร้างกิจการเดินรถไฟก็ต้องรับผิดชอบและคำนึงถึงผลได้เสียขอ งตนเองในเชิงธุรกิจ การรถไฟจึงมีแต่ต้องส่งเสริมและแสวงหาให้มีผู้มาลงทุนเดินรถไฟให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มรายได้ของตนให้มากที่สุด
      
       ทำนองเดียวกับการท่าอากาศยานที่ยิ่งมีสายการบินมาใช้บริการมากเท่าใด ก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากเท่านั้น อุปมาฉันใดก็อุปไมยฉันนั้น
      
       นอกจากนั้นจะต้องเพิ่มประเภทบริการในการเดินรถไฟให้หลากหลายยิ่งขึ้น คือนอกจากเป็นรถไฟขนส่งคนโดยสารแล้ว ยังต้องมีรถไฟเพื่อการขนส่งสินค้าภาคเกษตร มีรถไฟขนส่งสินค้าภาคอุตสาหกรรม ซึ่งต้องเชื่อมโยงกับสถานีขนถ่ายและคลังสินค้าตามเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ
      
       แ ละยังต้องมีขบวนรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งอาจแบ่งเป็นหลายเกรด หลายชั้น ทำนองเดียวกับการแบ่งชั้นบนเครื่องบิน หรือการแบ่งชั้นของโรงแรม เช่น มีขบวนรถสำหรับการประชุม สำหรับการพักอาศัยในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ไปถึงไหนก็จอดได้ตามใจชอบถึงนั่น และใช้เป็นที่พักได้เช่นเดียวกับโรงแรม ซึ่งจะต้องเชื่อมโยงกับโรงแรมและสถานีพักตามเส้นทางรถไฟสายต่างๆ
      
       เรื่องที่สาม
คือการบริหารจัดการทรัพย์สินรถไฟ ซึ่งมีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ประกอบด้วยที่ดิน 250,000 ไร่ ในจำนวนนี้เป็นที่จัดหาผลประโยชน์ประมาณ 50,000 ไร่ มีตัวสถานีเก่าและคลังสินค้าหรือสถานีขนถ่ายเก่าอยู่เป็นบางแห่ง อาจคงให้การรถไฟฯ บริหารจัดการต่อไป แต่อาจแยกให้มีคณะกรรมการพิเศษอีกชุดหนึ่งเพื่อบริหารจัดการโดยเฉพาะ
      
       เ พราะการบริหารจัดการทรัพย์สินมหาศาลขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาใครไปทำก็ได ้ หากต้องใช้ผู้มีปัญญาวิชาคุณที่มีประสบการณ์หรือความชำนาญและเป็นคนมีฝีมือด ีจริงไปบริหารจัดการโดยเฉพาะ โดยมุ่งเป้าหมายทั้งเพิ่มรายได้ให้กับการรถไฟฯ เพื่อทำให้ต้นทุนของรถไฟต่ำลง และอำนวยประโยชน์ในการขนส่งของประเทศให้เจริญก้าวหน้าควบคู่กันไปด้วย
      
       ที่ดินที่เป็นส่วนจัดหาประโยชน์ถึง 50,000 ไร่นั้นจะต้องพิจารณาทบทวนปรับปรุงให้มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าและสามาร ถสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ ไม่น้อยกว่าปีละ 30,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
      
       ที่ดินที่อยู่สองข้างทางรถไฟและไม่เกี่ยวข้องกับเส้นทางเดินรถก็พัฒน าให้เป็นแหล่งสร้างรายได้ สร้างความเจริญ ตามแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาสองข้างทางรถไฟ
      
       บริหารจัดการให้สถานีรถไฟทั่วประเทศโดยเฉพาะสถานีใหญ่เป็นศูนย์กลางก ารพาณิชย์ของพื้นที่นั้นๆ ที่อำนวยประโยชน์ทั้งแก่การรถไฟฯ แก่ประชาชนในท้องถิ่น แก่การสร้างความเจริญในท้องที่และในทางเศรษฐกิจ การค้า ที่สำคัญคือเป็นแหล่งแสดงหรือติดต่อค้าขายสินค้าของท้องถิ่นไปยังทั่วประเทศ หรือเพื่อการส่งออกอีกด้วย
      
       การจัดตั้งโรงแรมซึ่งอำนวยประโยชน์ให้แก่กิจการรถไฟไม่ว่าการรถไฟฯ จะลงทุนทำเอง หรือจะให้สัมปทาน หรือจะให้เช่าที่ดินก็ตาม จะต้องวางโครงการให้รองรับกับเส้นทางรถไฟและประเภทของรถไฟด้วย
      
       การจัดตั้งคลังสินค้าและสถานีขนถ่ายสินค้าของกิจการรถไฟเพื่อทำให้ต้ นทุนในการขนส่งสินค้าภาคเกษตรและอุตสาหกรรมต่ำลง เป็นการขยายระบบลอจิสติกส์ตามเส้นทางรถไฟให้ทันสมัยและพรั่งพร้อม และสอดคล้องรองรับกันด้วยการจัดระบบตู้คอนเทนเนอร์และคลังเก็บสินค้าแต่ละปร ะเภทและระบบการขนถ่ายขนส่งบนรางรถไฟ
      
       เ หล่านี้คือยุทธศาสตร์ใหญ่ๆ และประเด็นใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องอันรวมกันเข้าเป็นยุทธศาสตร์การบริหารจัดการรถไฟไทย ที่ขอให้พี่น้องร่วมชาติและรัฐบาลได้ร่วมกันพิจารณาดำเนินการต่อไป.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000005737

อย่าคิดมากไปเลยครับ ถ้าหากว่า ร.5ท่านไม่สร้างไว้ให้ ณ.เวลานี้เราก็คงไม่แตกต่างจากเขมรและลาวที่ไม่มีรถไฟใช้ ขนาดมีแบบอย่างที่ดีของท่านที่ได้สร้างไว้ให้ยังไม่มีผู้บริหารคนไหนมีแนวคว ามคิดที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมเลย อนาจแท้รถไฟไทย เก่าก็เก่า เสียงก็ดัง ปัจุบันยังไม่มีปัญญาหรือความคิดที่จะสร้างรางคู่เลยสุดยอดผู้บริหารรถไฟไทย นอนกินผลประโยชน์ทั้งนั้น ทำงานให้คุ้มกับงินเดือนหน่อยนะครับ มีละอายบ้าง ประเทศชาติจะได้เจริญ(ผมเลิกนั่งมาตั้งนานแล้ว)ไม่เคยตรงเวลาเลย
คนใต้รักแผ่นดิน

เห็นด้วยอย่างยิ่งที่การรถไฟจะเป็นเจ้าของรางและดูแลราง ขยายรางให้ทั่วประเทศเท่านั้น และสัมปทานการเดินรถให้กับเอกชนหลายเจ้า (ขอย้ำว่าหลายเจ้า) เพื่อให้เกิดการแงขัการบริการ การรถไฟควรทำในสิ่งที่ตนถนัดเท่านั้นคือการดูแลราง สร้างรางใหม่ ขายราง และเส้นทางใหม่ๆ การบริการทำไม่เก่งก็ให้คนอื่นเขาทำไป และเก็บค่าใช้รางและกำกับการจราจรทางรางเท่านั้น ขอให้ส่งผ่านแนวความคิดนี้ไปยังรัฐบาลเพื่อปฎิรูปให้สำเร็จ
เป็ดน้อย

ถ้าจะมีการจัดสิบอันดับสิ่งที่ด้อยพัฒนาที่สุดของประเทศไทย นั่นคืออยู่อย่างไงก็อยู่อย่างงั้น มีการพัฒนาน้อยมาก คงจัดเรียงได้ยากเพราะหลายอย่างสูสีกัน เช่นฟุตบอลไทย การเมืองไทย การศึกษาไทย แต่อันดับหนึ่งต้องยกให้ รถไฟไทย เอาไปเลย ไม่รู้ว่าตั้งแต่หลังปี 2500 ถึงวันนี้ทางรถไฟมีการขยายเพิ่มบ้างหรือไม่ เพราะตั้งแต่จำความได้ใน 35 ปีที่ผ่านมา หัวรถจักรก็ตัวเดิม เส้นทางไม่มีเพิ่มเลย และยังต้องรถติดเพราะรถไฟกั้นกลางกรุงอยู่ทุกวัน

รัฐบาลไหนรื้อใหม่ ทำใหม่ ได้จะขอนับถือ
รอ

ปัญหาทั้งหลายในสังคมไทย ไม่ว่า การศึกษาที่ไร้คุณภาพ หรือการรถไฟที่พูดในบทความนี้ ถ้าค้นลึกลงไป ก็จะพบปัจจัย-สาเหตุอันได้แก่ ความไร้ประสิทธิภาพ -ผลประโยชน์ / เล่นพรรค-เล่นพวก --การโกงกิน -- => => การเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย - รัฐที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ฉะนั้นสิ่งที่คนไทยทั้งมวลในสังคมไทยต้องทำคือ "สร้างรัฐที่เป็นประชาธิปไตย"
ช่วยการสร้างรัฐประชาธิปไตย    

2 ความคิดเห็น: