++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

กตัญญูดูแลป้า แต่ได้มรดกมาเพียงน้อยนิด




ปุจฉา - ขอกราบนมัสการปรึกษาพระอาจารย์ดังนี้ค่ะ ดิฉันอาศัยอยู่กับป้าซึ่งเป็นโสดมาตั้งแต่เด็ก และต่อมาก็ดูแลป้ามาตลอด ทั้งค่ากินอยู่ ค่ารักษาพยาบาล ป้าเอ่ยปากไว้นานแล้วว่าจะยกบ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกัน รวมทั้งที่ดินอีกแปลงให้ดิฉัน แต่ยังไม่ได้โอน ป้าบอกว่าเอาไว้ก่อน แล้วต่อไปจะโอนให้ อย่างไรก็จะยกให้อยู่แล้ว ดิฉันก็ไม่ขัดใจ เพราะไม่อยากให้ป้าคิดว่าที่ดูแลเพราะหวังสมบัติและไม่คิดว่าใครจะมาแย่งชิง เพราะไม่มีญาติคนไหนอยู่กับป้าหรือมาดูแลหรือออกค่าใช้จ่ายให้ป้านอกจากดิฉันคนเดียว และดิฉันเองคิดอยู่เสมอว่าถ้ากลับกันดิฉันก็จะไม่ไปแย่งชิงคนอื่นเช่นกัน

แต่พอป้าเสียชีวิตกระทันหัน ญาติ ๆ อีก ๕ คน ที่เป็นหลานของป้าอีกสายหนึ่ง กลายเป็นทายาทตาม ก.ม. ญาติทุกคนรู้ว่าป้าตั้งใจยกให้ดิฉัน แต่ไม่สนใจ พากันทวงส่วนแบ่งตาม ก.ม. พูดจาก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ดิฉันปรึกษาทนายแล้ว ทนายบอกว่าเมื่อไม่มีพินัยกรรม ถือว่าคนตายไม่มีเจตนายกให้เรา ต้องแบ่งให้ทุกคนไปเท่า ๆ กัน ดังนั้น ดิฉันอาจจะต้องขายบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก และได้ส่วนแบ่ง 1 ใน 6 เท่ากับคนอื่น แล้วไปเริ่มต้นใหม่

จริง ๆ ดิฉันไม่ถึงกับเดือดร้อน อดอยาก เพราะพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง แต่ดิฉันเสียความรู้สึกมากมาย จึงอยากจะกราบนมัสการขอคำแนะนำจากพระอาจารย์ดังนี้

๑. ดิฉันแค้นใจมาก รู้สึกพ่ายแพ้ เหมือนโดนปล้น เจ็บใจตัวเองด้วย ว่าไม่น่าพลาดให้คนอื่นเอาเปรียบได้ ดิฉันเคยอ่านที่พระอาจารย์แนะนำว่า เมื่อเราเสียเงินไปแล้ว ขอให้เสียแต่เงิน ใจอย่าให้เสียตามไปด้วย ดิฉันทราบว่าเป็นคำแนะนำที่ดี และพยายามที่จะทำใจ แต่ก็ยังปล่อยวางไม่ได้เสียที พอคิดขึ้นมาทีไรยังรู้สึกเจ็บใจ รู้สึกเครียดอยู่ไม่หาย ขอกราบนมัสการขอคำแนะนำว่า ต้องทำใจอย่างไร จึงจะหายเจ็บใจ หายเครียด และปล่อยวางได้จริง ๆ เสียที

๒. ตอนนี้ดิฉันรู้สึกท้อใจ รู้สึกว่าการที่เราทำดี และมองคนอื่นในแง่ดี กลับทำให้ถูกเอาเปรียบ ถูกหาว่าโง่เอง ช่วยไม่ได้ ดิฉันเริ่มสงสัยว่า ที่ศาสนาสอนให้คนทำดี เพราะไม่อยากให้คนฆ่าฟันกัน เอารัดเอาเปรียบกัน เท่านั้นเอง แต่จริง ๆ แล้ว การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วไม่มีอยู่จริง มีแค่กฎธรรมชาติ ที่สิ่งมีชีวิตต้องต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อความอยู่รอด ใครแข็งแรงกว่า เหนือกว่า ก็ได้เปรียบหรือเปล่าคะ

๓. มีคนปลอบดิฉันว่า อาจเป็นเพราะกรรมเก่า ดิฉันต้องเคยไปคดโกงเขามาในชาติก่อน ชาตินี้เขาจึงได้มาเอาคืน แต่เรื่องนี้ไม่ทำให้ดิฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเลย กลับทำให้รู้สึกว่า เหมือนนิทานเรืองหมาป่ากับลูกแกะ ดิฉันเริ่มสงสัยว่า อย่างนี้คนที่ไม่เชื่อเรื่องกรรมดี หรือ กรรมเก่า ก็สามารถใช้จุดนี้เอาเปรียบคนที่เชื่อ ส่วนคนที่เชื่อก็ก้มหน้ายอมรับกรรม และถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคมหรือเปล่าคะ ดิฉันอยากทราบว่า กรรมเก่า และชาติก่อน มีจริงหรือไม่คะ หรือเป็นกุศโลบายเพื่อสอนให้คนทำดีเท่านั้น

พระไพศาล วิสาโล วิสัชนา - ฟังเรื่องราวของคุณแล้วก็น่าเห็นใจแต่อยากให้คุณลองมองในมุมนี้บ้าง การที่คุณดูแลป้ามาอย่างดีนั้นเป็นการตอบแทนบุญคุณของท่านที่ได้เลี้ยงดูคุณมาตั้งแต่เล็ก หากว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณของท่าน คุณก็ได้ใช้หนี้นั้นจนหมดสิ้นอย่างน่าภาคภูมิใจ ส่วนอะไรก็ตามที่ได้จากท่านหลังจากท่านเสียชีวิตถือเป็นกำไรหรือผลพลอยได้ มองในแง่นี้คุณไม่ได้เสียอะไรเลยแต่ได้สินทรัพย์ ๑ใน ๖

สาเหตุที่คุณทุกข์ก็เป็นเพราะคุณมีความคาดหวังว่าจะได้เต็มทั้ง ๖ ส่วนคือบ้านทั้งหลัง ซึ่งจะว่าไปนั่นเป็นเพียงคำมั่นสัญญาของป้า แต่ยังไม่ได้เป็นของคุณจริง ๆ ถ้าคุณยึดมั่นว่าบ้านหลังนั้นเป็นของคุณ คุณก็จะเป็นทุกข์มากเพราะรู้สึกว่าสูญเสียบ้านหลังนั้นไป ในทำนองเดียวกันเมื่อใดก็ตามที่คุณเปรียบเทียบกับบ้านทั้งหลัง คุณจะรู้สึกอยู่เสมอว่าส่วนแบ่ง ๑ ใน ๖ นั้นเป็นจำนวนน้อยมาก

อาตมาคิดว่าจริง ๆ แล้วคุณไม่ได้เป็นทุกข์เพราะได้มาน้อยกว่าที่คิด ฟังจากที่คุณเล่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ มีความเสียสละ ไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ แต่คุณรู้สึกโกรธที่หลาน ๕ คน ได้สวนแบ่งเท่า ๆ กับคุณ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ดูแลป้าเลย คุณจึงรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะคุณทำดีมาตลอดแต่กลับได้เท่า ๆ กับเขา ถ้ามองเพียงเท่านั้น อาตมาก็ต้องเห็นด้วยกับคุณว่าคุณไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่อาตมาอยากให้คุณมองว่าสิ่งที่คุณได้ไม่ใช่มีแต่ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น แต่ยังได้บุญกุศลและความเจริญงอกงามในจิตใจ สิ่งเหล่านี้แม้คุณยังไม่เห็นผลในวันนี้แต่จะส่งผลในวันหน้าอย่างแน่นอน ในทางตรงข้ามหลานทั้ง ๕ นั้น แม้เขาได้ทรัพย์สมบัติโดยไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ที่จริงมีบางอย่างที่เขาต้องสูญเสียไปนั่นคือบุญกุศล พูดอีกอย่างคือ เขาได้ทั้งเงินและบาปในเวลาเดียวกัน วันนี้ผลของบาปนั้นยังไม่ปรากฏ แต่วันข้างหน้าจะปรากฏอย่างแน่นอน

กรรมทุกอย่างย่อมส่งผลเสมอ กรรมดีย่อมส่งผลดี กรรมชั่วย่อมส่งผลชั่ว กฎแห่งกรรมนั้นเป็นธรรมเสมอ แต่อย่าตัดสินเพียงแค่วันนี้ ต้องดูกันไปนาน ๆ เหมือนดูฟุตบอล คุณดูแค่ ๑๕ นาที แล้วสรุปว่าทีมที่ถูกยิงประตูก่อน คือทีมที่แพ้ ย่อมเป็นการด่วนสรุป คุณต้องดูไปจนครบ ๙๐ นาที ฉันใดก็ฉันนั้น ความเป็นธรรมตามกฎแห่งกรรม จะเห็นได้ก็่ต่อเมื่อดูไปให้ไกลกว่าวันนี้ ถึงคุณไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า เพียงดูแค่ชาตินี้ ในที่สุดก็จะพบว่าทำกรรมดีย่อมได้ผลดีอย่างแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่คุณพึงตระหนักก็คือ เมื่อทำความดีแล้วไม่ได้แปลว่าชีวิตจะราบรื่นดังดอกกุหลาบ อุปสรรคเป็นธรรมดาของชีวิต เกิดขึ้นกับทุกคนทั้งคนดีและคนชั่ว ต่างกันก็ตรงที่คนดีนั้นรู้จักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี และสามารถหาประโยชน์จากสิ่งร้าย ๆ ได้เสมอ ดังหลวงพ่อท่านหนึ่งพูดเป็นคติว่า "คนดีนั้น ใครปาขี้หมาให้ก็กลายเป็นดอกไม้"

อาตมาเองเชื่อเรื่องชาตินี้และชาติหน้า แต่จะไม่หวังผลจากชาติหน้า เพราะมุ่งทำชาตินี้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าเจออุปสรรคเพียงใด ก็เชื่อว่าธรรมะจะพาข้ามพ้นอุปสรรคเหล่านั้นไปได้ในที่สุด

ที่มา http://www.facebook.com/visalo?fref=ts

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น