++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ให้คนโกงปราบโกง บ้านเมืองบรรลัยแน่


น่าอัศจรรย์ใจที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศว่าจะล้างโกงให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทยตั้งหลายครั้งหลายคนแต่ก็กลับไม่เคยปรากฏว่ารัฐบาลนี้จะจัดการคนโกงได้แม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าจะโกงเงินช่วยน้ำท่วม โกงรับจำนำข้าว โกงจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเลต และอีกสารพัดโกง

ขนาดสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาเปิดเผยว่าโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ดมีความเสี่ยงและมีโอกาสจะเกิดการทุจริตได้เกือบทุกขั้นตอน พูดเพียงเท่านี้นายกรัฐมนตรีผู้สร้างภาพว่าจะปราบโกงก็พยายามจะปิดปากสุภาด้วยการบอกว่าหากมีหลักฐานก็จงส่งให้กับรัฐบาลอย่าพูดลอยๆ

คำพูดดังกล่าวของยิ่งลักษณ์สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เอาจริงเอาจังในการปราบโกงอย่างเห็นได้ชัด เพราะหากเธอต้องการจะปราบโกงแท้จริงแล้ว เธอจะต้องขอบคุณที่สุภากล้าหาญเปิดเผยเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่สุภาเป็นเพียงข้าราชการคนหนึ่ง แล้วรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าตามหาความจริงว่าโกงตรงไหน โกงอย่างไร โกงที่ไหน โกงมากน้อยเท่าไร

ขอย้ำว่าหากยิ่งลักษณ์ต้องการปราบโกงจริงๆ จังๆ แล้ว เธอสามารถทำได้อย่างแน่นอน เพราะเธอมีอำนาจสูงสุดในฝ่ายบริหารของแผ่นดินนี้ แต่การแสดงท่าทีและคำพูดของเธอต่อสุภาทำให้สาธารณชนรับรู้ได้ทันทีว่าโดยเนื้อแท้แล้ว
ยิ่งลักษณ์ต้องการจะปราบโกงอย่างจริงจังหรือไม่

แม้ยิ่งลักษณ์จะเข้ามาทำงานการเมืองได้เพียงเกือบ 2 ปี แต่ที่ท่าและการแสดงออกของเธอนั้นสามารถทำให้นักการเมืองอาชีพที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงการเมืองน้ำเน่ามายาวนานต้องได้อายกันเป็นแถบๆ เพราะเธอเล่นการเมืองได้เนียนกว่านักการเมืองแก่ๆ เกือบทั้งแผ่นดิน

ข้ออ้างการเมืองของยิ่งลักษณ์ทำให้คนไทยฟังแล้วต้องปลงสังเวชคือ “ส่งหลักฐานให้กับรัฐบาล แล้วรัฐบาลจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” อันที่จริงแล้วคนระดับนายกรัฐมนตรีควรจะต้องสำเหนียกว่า หากตนเองต้องการหลักฐานการโกงบ้านกินเมืองแล้ว ตนสามารถสั่งหน่วยงานของรัฐให้ค้นหามาให้จงได้ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็อ้างเหมือนพวกนักการเมืองโกงชาติที่ชอบถามหาใบเสร็จ ก็จะมีใบเสร็จได้อย่างไรกัน เพราะนักการเมืองโกงชาติไม่ยอมให้มีหลักฐานมัดตัวเอง นักการเมือง
โกงชาติชอบใช้หุ่นเชิดหุ่นชักทำการแทนตนเอง บ้างก็ให้คนสวน คนรับใช้ คนขับรถ เป็นฉากบังเงาของตน ครั้น
พอจับได้ไล่ทันก็อ้างว่า “บกพร่องโดยสุจริต”

นักการเมืองบางคนมีผัว มีเมีย ก็ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสเพราะมีเจตนาจะยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินแบบไร้หลักฐานผูกมัดตน

ประเด็นทุจริตการจำนำข้าวนั้น เรื่องนี้มีความจริงมัดตัวรัฐบาลมากมาย แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธความรับผิดชอบความจริงข้อหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีอาจจะตั้งใจลืมก็คือคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาตินั้นมีนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานตามกฎหมาย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบในทุกกรณี

นายกรัฐมนตรีต้องรู้อยู่เต็มอกว่าคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวมีอำนาจหน้าที่อะไร เพราะนายกรัฐมนตรีคือผู้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ ด้วยตนเองหรือจะแก้ตัวอีกว่า ไม่ได้ลงนามด้วยตนเอง

นายกรัฐมนตรีอาจจะจงใจลืมด้วยว่าภารกิจสำคัญประการหนึ่งของผู้ปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวคือ เมื่อตรวจพบข้อบกพร่องในการทำบัญชี และตรวจพบภาวะการขาดทุนในโครงการ ผู้ปิดบัญชีจะต้องระบุสาเหตุของปัญหาการขาดทุน และระบุข้อบกพร่องให้ได้ เพื่อนำเสนอให้ผู้มีอำนาจนำไปแก้ไขปรับปรุง ดังนั้น การที่สุภาให้ข้อมูลในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่ชอบด้วยประการทั้งปวง แต่นายกรัฐมนตรีดันกลับเรียกร้องให้สุภานำหลักฐานการทุจริตไปมอบให้รัฐบาล

สำหรับประเด็นการขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวนั้น นายกรัฐมนตรีจะไร้เดียงสาจนถึงขนาดไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันขาดทุนเพราะว่ามีการตั้งราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาด ทั้งนี้ยังไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับจำนำ ค่าจ้างโรงสีข้าว ค่าเช่าโกดังเก็บข้าว และยังไม่คิดถึงการลักลอบนำข้าวออกจากโกดังไปขายในตลาดอีกหลายล้านตัน มิหนำซ้ำยังพบว่ามีการขาดทุนเนื่องจากการระบายข้าวของรัฐในราคาต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย

แรกๆ รัฐบาลก็ทำเป็นปากแข็งว่าข้าวไม่สูญหาย ไม่มีการทุจริต แต่เมื่อสังคมไม่เชื่อถือรัฐบาลจึงต้องยอมให้สำรวจข้าวทั่วประเทศภายในเวลาเพียง 1 วัน คือเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2556 แต่เป็นการสำรวจที่สุดพิสดาร เพราะแจ้งล่วงหน้าก่อนออกตรวจนานเกือบเดือน นี่ขนาดแจ้งล่วงหน้านานถึงเพียงนี้ก็ยังตรวจพบการทุจริตจนได้ แต่เมื่อตรวจพบแล้ว รัฐบาลก็กลับอ้างแบบไร้สำนึกว่ามีการทุจริตเพียงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

ส่วนการตรวจก็แสนจะน่าอัปยศ เพราะยิ่งกว่าผักชีโรยหน้า รัฐบาลไม่ได้ตรวจสอบให้ครบวงจร ไม่สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างบัญชีข้าวสารที่โรงสีแต่ละแห่งสีแปรสภาพแล้วส่งเข้าโกดัง รัฐบาลไม่ได้ตรวจว่าการส่งข้าวเข้าโกดังนั้นสอดคล้องกับบัญชีข้าวสารที่โกดังแต่ละแห่งได้รับมอบหรือไม่แล้วก็ไม่ได้ตรวจสอบว่าบัญชีดังกล่าวนั้นตรงกับปริมาณข้าวสารและข้าวเปลือกที่มีอยู่จริงในโกดังต่างๆ หรือไม่ สาธารณชนจับได้ว่ารัฐบาลไม่ได้นำข้อมูลของหน่วยงานรัฐทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการรับจำนำข้าวไปตรวจสอบพร้อมๆ กันซึ่งองค์กรดังกล่าว ได้แก่ องค์การคลังสินค้า องค์กรตลาดกลางเกษตรกร ธ.ก.ส. กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เป็นต้น

ต้องยืนยันว่าคนไทยทั้งประเทศไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา คนไทยพยายามติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด แล้วก็รับรู้ด้วยว่ามีการลักลอบนำข้าวในโครงการไปเวียนขายในตลาดก่อน แล้วจึงไปซื้อข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านมาแอบใส่ในโกดังเก็บข้าว

ส่วนประเด็นการระบายข้าวของรัฐบาลก็ไม่มีความโปร่งใสแม้แต่น้อย ถามกี่ครั้งนายกรัฐมนตรีก็ตอบไม่ได้ ถามว่าขายให้ใคร ขายราคาเท่าไร ขายไปกี่มากน้อย ขายเมื่อไร คำถามเหล่านี้นายกรัฐมนตรีตอบไม่ได้แม้แต่น้อย ถามกี่ครั้งก็อ้างว่าเป็นความลับ

มีคำถามง่ายๆ ที่สาธารณชนต้องการรู้ก็คือการที่รัฐบาลขายข้าว 7-10 ล้านตัน โดยขายขาดทุนนั้น รัฐบาลขายให้กับพ่อค้าคนไหน ทำไมเรื่องสำคัญเช่นนี้จึงไม่กล้าตอบ

ขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลจงอย่าคิดว่าคนไทยทั้งแผ่นดินโง่ คนไทยรู้ดีว่าเรื่องเหล่านี้รัฐบาลรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังทุกสิ่ง ขอให้
เลิกอ้างว่าเป็นความลับ เพราะมันจะลับอย่างไรกัน เนื่องจากข้าวที่ขายนั้นก็ขายภายในประเทศเกือบทั้งนั้น ขอย้ำว่าใบเสร็จทั้งหมดในเรื่องนี้อยู่ในมือรัฐบาล เพราะฉะนั้นอย่าถามหาใบเสร็จจากคนภายนอกเลย ขอย้ำว่าเรื่องแบบนี้คนไทยรู้เช่นเห็นชาติรัฐบาลเป็นอย่างดี แล้วก็รู้ดีว่า ไม่มีวันที่คนโกงจะปราบโกงได้เป็นอันขาด

http://www.naewna.com/politic/columnist/7738

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น