++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

" ข้อติดขัด การเจริญสติแบบเคลื่อนไหว ตามแนวหลวงพ่อเทียน "




ขอนมัสการพระอาจารย์

ผมได้ติดตามการถามตอบธรรมะของพระอาจารย์มาตลอด ผมเป็นคนหนึ่งที่สนใจในการปฏิบัติธรรมเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมเรียนวิศวะจนจบปริญญาเอก ใช้ชีิวิตแบบวิศวกรมาตลอด กินเที่ยวเล่นอบายมุขทุกอย่าง เพลิดเพลินมัวเมาไม่เคยคิดสนใจธรรมะเลย

จนกระทั่งเรียนจบปริญญาเอก ได้มาทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ทุ่มเทมุ่งมั่นกับงาน ไม่เคยสนใจที่จะมีครอบครัว เป็นคนมุ่งมั่นมาก เกิดความเครียดสูง จนกลายเป็นโรคย้ำคิด ไม่สามารถควบคุมความคิดได้ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เกิดความวิตกกังวลไปทุกเรื่อง จนคิดว่าปล่อยไว้ผมคงกลายเป็นบ้าแน่นอน ไปพบหมอจิตแพทย์ก็ให้ยาแก้เครียดมากิน แต่มันได้แค่บรรเทา

ผมจึงตัดสินใจลองเข้าวัด แต่ไม่สามารถกำหนดลมหายใจได้ เพราะฟุ้งซ่านไปหมด ผมได้ไปเจอการปฏิบัติธรรมแนวทางหลวงพ่อเทียนจาก youtube ของหลวงพ่อคำเขียน จึงเกิดแรงบันดาลใจ เพราะเชื่อว่าคงจะสามารถหยุดความคิดได้ จึงได้ลองไปกราบหลวงพ่อสงคราม ที่ อ. แกดำ จังหวัดมหาสารคามซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเทียน ผมไปกินนอนที่วัด 3 เดือน ผลการปฏิบัติธรรมในช่วงแรงเป็นที่น่าพอใจคือสงบลงได้บ้าง เลยตั้งใจปฏิบัติมาก จนเกิดอาการคร่ำเคร่ง แน่นหน้าอก ปวดหัว แค่คิดจะยกมือทำจังหวะก็แน่น เครียดหนัก หลวงพ่อท่านก็บอกว่าเพ่งมากไปให้ผ่อน ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าจะผ่อนยังไง ไม่เพ่งทำยังไง พอก้าวขาก็เพ่ง ขยับตัวก็เพ่ง เกิดความคิดมาก็เพ่งความคิด สลัดไม่หยุด เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา นอนไม่หลับ 3 เดือนเพราะเวลาหลับตาลงจะฟุ้งชนิดที่ ไม่ทราบว่าความคิดพลั่งพลูมาจาไหน บางคืนถึงขั้นร้องไห้

ผมท้อมาก จนผมคิดว่าไม่ไหวแล้ว หรือเดินผิดทาง จึงตัดสินใจเลิกปฏิบัติ กลับมาทำงานต่อด้วยสภาพที่เครียดมาก แต่พอได้ยาคลายเครียดจากหมอก็พอทนได้ ตอนนี้เกิดอาการกลัวการนอน นอนหลับยากมากครับ แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากปฏิบัติต่อไปเพราะผมทราบว่ามันเป็นนิวรอย่างหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังกินยาคลายเครียดก่อนนอนครับ เพราะยังฝังใจกับเรื่องนอนไม่หลับครั้งไปปฏิบัติธรรม ผมขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ดังนี้ครับ

1. ผมควรปฏิบัติธรรมแบบไหนต่อไป
2. ผมจะมีวิธีแก้ไขให้กลับมานอนได้ปกติเหมือนเดิมได้อย่างไรครับ

กราบขอบพระคุณพระจารย์เป็นอย่างสูง

ดร. สุดสาคร อินธิเดช

พระไพศาล วิสาโล - เมื่อบวชและปฏิบัติใหม่ ๆ อาตมาเคยเป็นคล้าย ๆ คุณ คือเครียดมากเพราะเพ่ง (ทั้งที่มือ/เท้าและที่จิต คือคอยตะปบความคิดตลอดเวลา) ทำให้เกิดความปวด เวลายกมือสร้างจังหวะก็จะปวดหัว จนอยากเลิกปฏิบัติ แต่เนื่องจากไปไหนไม่ได้ ก็เลยเลิกสร้างจังหวะ ไปใช้อิริยาบถอื่นแทน เช่น คลึงนิ้ว ขณะเดียวกันเวลาเดินจงกรม ก็จะพยายามแก้การเพ่ง ด้วยการมองไปที่วัตถุภายนอกแทน เช่น ประตูที่อยู่สุดทางจงกรม คือเนื่องจากจิตเพ่งเข้าในมากก็เลยพยายามส่งจิตออกนอก เหมือนกับนิ้วที่กำแน่นจนเกร็ง ก็ต้องพยายามดึงหรือยืดให้คลายออก ทำอย่างนี้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ดีขึ้น จิตเริ่มกลับสู่ความสมดุล ไม่เพ่งเข้าในต่อไป

กรณีของคุณ อาตมาขอแนะว่า ควรงดการปฏิบัติในรูปแบบสักระยะหนึ่ง โดยหันมาเจริญสติในชีวิตประจำวันแทน ใหม่ ๆ ก็จะเพ่ง แต่จะทำได้ไม่นาน (ขอให้สังเกตเวลากินข้าว อาตมาเข้าใจว่าคุณคงไม่เกิดอาการที่ว่า เพราะเวลากินข้าว ใจจะฟุ้งง่าย แม้จะพยายามบังคับจิตไม่ให้คิด ก็ทำได้ยาก เลยมีอาการเครียดน้อยลง) หากรู้สึกดีขึ้นบ้าง ก็ค่อยกลับมาปฏิบัติในรูปแบบแบบสบาย ๆ หากทำแล้วเครียด ก็ลองกำหนดสายตาไปที่ข้างนอกดู น่าจะดีขึ้น

ส่วนเรื่องนอนไม่หลับนั้น อาตมาว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความคิดฟุ้งซ่าน (ซึ่งจะเกิดมากขึ้นหากไปกดมันเอาไว้ตอนกลางวันหรือก่อนเข้านอน อาตมาก็เคยเป็นอย่างนั้นช่วงที่ปฏิบัติแบบเพ่ง ตอนปฏิบัติความคิดมันหลบในแต่พรั่งพรูมากเมื่อเข้านอนจนนอนไม่หลับ)

อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งสำคัญกว่าก็คือ ความกังวลว่าจะนอนไม่หลับ หรือกังวลว่าหากนอนไม่หลับจะเกิดผลเสียตามมา ความกังวลนี้แหละที่สร้างปัญหามากกว่าความฟุ้งซ่าน สิ่งที่จะช่วยได้คือมีสติรู้ทันกังวล คือรู้เฉย ๆ วางใจเป็นกลางต่อความกังวลและความฟุ้ง คือมันจะฟุ้งก็ฟุ้งไป จะนอนไม่หลับก็ไม่เป็นไร หากทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ช้าไม่นานก็จะหลับไปเอง แต่หากพยายามกดข่มบังคับจิตไม่ให้ฟุ้ง ก็จะยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นเมื่อมันฟุ้ง และจะยิ่งกังวลมากขึ้น

ถ้าคุณลดความกังวลได้ (ไม่ใช่ด้วยการห้ามใจไม่ให้กังวล แต่ด้วยการรู้หรือดูมัน หรือวางใจเป็นกลางต่อมัน)ความกังวลจะค่อย ๆ หายไป แม้ความฟุ้งยังอยู่ แต่ไม่นานมันก็จะเลือนหายไป หรือมีความง่วงมาแทนที่จนหลับได้ในที่สุด แต่ใหม่ ๆ ต้องใจเย็น อย่ารีบร้อน และอย่าคาดหวังว่าจะหลับได้ดี อาจมีหลับ ๆ ตื่น ๆ บ้าง แต่หากทำอย่างที่อาตมาแนะนำไปเรื่อย ๆ ก็จะดีขึ้น

by พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

2 ความคิดเห็น:

  1. ทำเล่นๆ สบายๆ รู้บ้างหลงบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน
    เดี๋ยวจะเป็นไปเอง รู้เอง เห็นเอง จริงๆ เจริญสติแบบแนวเคลื่อนไหว เป็นเคล็ดวิชา ที่เรียบง่าย สั้นกระชับ จริงๆ สาธุๆครับ

    ตอบลบ
  2. ทำเล่นๆ สบายๆ รู้บ้างหลงบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ใจเย็นๆ ไม่ต้องรีบร้อน
    เดี๋ยวจะเป็นไปเอง รู้เอง เห็นเอง จริงๆ เจริญสติแบบแนวเคลื่อนไหว เป็นเคล็ดวิชา ที่เรียบง่าย สั้นกระชับ จริงๆ สาธุๆครับ

    ตอบลบ