++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

" เป็นทุกข์เพราะสามีใฝ่ในธรรม "




ปุจฉา - ดิฉันเป็นทุกข์เพราะสามีใฝ่ในธรรมะ เราแต่งงานกันมาเข้าปีที่ 4 ยังไม่มีบุตร สามีและดิฉันชอบฟังธรรมะ สวดมนต์ ระยะหลัง สามีฝึกภาวนา นั่งสมาธิทุกวัน และมีความต้องการจะลางานบวชระยะสั้น ๆ ด้วยความศรัทธา และเพื่อศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้ง ซึ่งดิฉันก็อนุโมทนาและเห็นดีเห็นงามด้วย

แต่ดิฉันกลับมีความทุกข์ในใจที่ค่อย ๆ สะสมเข้ามาเรื่อย ๆ เกี่ยวกับชีวิตคู่ที่จืดจาง เรามีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันน้อยมาก เนื่องจากสามีไม่ได้แสดงอาการใส่ใจ เรื่องนี้ แต่ดิฉันยังมีความต้องการมีความสุขฉันสามีภรรยาอยู่บ้าง หากเป็นวันหยุด ไม่เคร่งเครียดจากการงาน ก็ยังต้องการให้สามีมีเวลา เอาใจใส่ แสดงความรักใคร่ แต่ดูแล้วเหมือนเค้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว หากมีเวลาว่างจากการทำงาน เค้าก็จะอ่านหนังสือธรรมะ ปฎิบัติธรรม ปล่อยให้ดิฉันเข้านอนคนเดียวเสมอ ๆ ดิฉันพยายามจะไม่ทุกข์ แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร แสดงอาการให้รู้ตัวออกไป เค้าก็ไม่ได้ตระหนัก ดิฉันจึงอยากกราบเรียนขอคำแนะนำ ว่าจะทำใจอย่างไรให้ไม่ทุกข์ได้คะ

พระไพศาล วิสาโล - ในการครองชีวิตคู่นั้น ความเข้าใจหรือรับรู้ทุกข์สุขของกันเป็นเรื่องสำคัญ เพราะช่วยประสานใจและเสริมสร้างความไว้วางใจให้มากขึ้น ดังนั้นเมื่อมีความทุกข์ใจเกี่ยวกับสามี คุณควรบอกความรู้สึกของคุณให้เขารู้ รวมทั้งบอกความปรารถนาของคุณด้วย เป็นทำนองปรึกษาหารือ แต่ไม่ควรคาดคั้นหรือเรียกร้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าเขาจะมีความเห็นอย่างไร ควรใช้โอกาสนี้แลกเปลี่ยนความเห็นและทำความเข้าใจกัน โดยที่คุณเองก็ไม่ควรรู้สึกผิดที่จะพูดถึงความปรารถนาของตน

อย่างไรก็ตามอาตมาคิดว่าถ้าคุณมั่นใจในความรักของสามี คุณก็คงจะมีความทุกข์น้อยกว่านี้ ที่คุณปรารถนาความเอาใจใส่และการแสดงความรักใคร่ ก็เพราะนั้นจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความรักของสามี แต่อาตมาคิดว่าการที่เขามีการแสดงออกในลักษณะดังกล่าวน้อยลง ไม่จำเป็นต้องหมายถึงความรักที่จืดจางลง เขาอาจจะยังรักคุณเหมือนเดิม เป็นแต่การแสดงออกนั้นแปรเปลี่ยนไปก็ได้ จึงอยากฝากประเด็นนี้ให้คุณไตร่ตรองด้วย

ถึงตรงนี้ ก็อยากพูดต่อว่า ความรักนั้นสามารถทำให้เป็นทุกข์ได้ หากคาดหวังหรือเรียกร้องอีกฝ่ายให้มาใส่ใจตนเอง แต่ถ้าเป็นความรักที่มีแต่ความปรารถนาดี ไม่เรียกร้องจากใครเลย จะทำให้มีความทุกข์น้อยลง และช่วยพัฒนาจิตใจของตนให้งอกงามขึ้น พระพุทธองค์ตรัสว่า ความรักนั้นมี ๒ อย่าง อย่างแรกเรียกว่าสิเนหะ หรือเสน่หา คือความรักที่มุ่งปรนเปรอตน เจือด้วยความเห็นแก่ตัว อย่างที่สองคือ เมตตา เป็นความรักที่ช่วยเปิดใจออกกว้าง มุ่งเผื่อแผ่ สิเนหะนั้นทำให้จิตใจรุ่มร้อนและเศร้าหมองได้ง่าย ส่วนเมตตานั้นทำให้จิตใจผ่องใสเบิกบาน หากคุณแปรเปลี่ยนความรักของตนให้เป็นเมตตา ก็จะมีความสุขอย่างมาก
พระไพศาล วิสาโล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น