ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยใด
ตราบเท่าที่ราคะยังฝังรากในปมของจิต
ตราบนั้นมนุษย์เรายังหลงรักใครบางคนได้เสมอ
ต่อให้นึกว่าความรู้สึกใคร่ๆหลงๆเหือดหายไปแล้ว
วันดีคืนดีเมื่อเจอบทพิสูจน์ใจ
ก็บังเกิดความปั่นป่วนรวนเร
ฟุ้งซ่านไม่หยุด ฉุดหัวใจไม่อยู่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
และคนเรานะครับ ฟุ้งซ่านขึ้นมาเมื่อไหร่
ก็มักออกอาการทึกทักมั่วขึ้นมาเมื่อนั้น
เห็นเขาเป็นคู่แท้ตามกันมาบ้าง
เห็นสวรรค์ประทานมาตั้งแต่โลกเกิดบ้าง
แล้วแต่จะสมัครใจเชื่อแบบไหน
ตอนยังไม่รู้จักก็ทึกทักแรงๆได้ตามอัธยาศัย
แต่พอเริ่มรู้จักบ้างแล้วนั่นแหละ
ถึงพอจะบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร
หลักการง่ายๆที่จะชี้ว่าคุณหลงรักหรือว่ารักจริง
บางทีไม่ขึ้นอยู่กับตัวเขาหรือเธออันเป็นเป้าล่อ
แต่อาจขึ้นอยู่กับความ "พร้อมจะรู้สึก" ของเราเองด้วย
หลงรักนั้นคือมุ่งมาดคาดหมายเอาจากตัวเขาท่าเดียว
อยากให้เขามีดีให้
อยากให้เขามีใจให้
อยากให้เขามีเวลาให้
ไอ้ที่บอกว่าพร้อมจะทำทุกอย่างให้
ก็เพราะหวังว่าจะได้ทุกอย่างตามคาดเท่านั้น
พอไม่ได้ตามคาด นอกจากจะไม่ทำอะไรให้แล้ว
ยังอาจจะอยากทำลายเขาให้ย่อยยับเป็นของแถมเสียอีก
ส่วนรักจริงนั้นคือรู้สึกถึงความพร้อมจะแบ่งปัน
ต่างแบ่งปันสิ่งที่อีกฝ่ายขาด
ต่างแบ่งปันความมีใจเดียวให้อีกฝ่าย
ต่างแบ่งปันเวลาที่มีให้เป็นของทั้งสองฝ่าย
และไม่เอาแต่ทุ่มเทข้างเดียว
แต่ร่วมกันเป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวไปด้วยกัน
ฝันอะไรก็เติมฝันด้วยกัน
ประสบความสำเร็จอะไรก็ร่วมความรู้สึกบนยอดเขาเดียวกัน
ที่สำคัญคือคุณจะมองข้ามข้อบกพร่อง
ยอมรับข้อผิดพลาด
และมีเหตุผลที่จะเห็นใจเขา
ไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องให้เขาเห็นใจคุณ
ราวกับเกิดมามีหน้าที่ตามสนองอารมณ์คุณคนเดียว
โลกทุกวันนี้เหมือนคนไม่มีเวลาสำหรับรายละเอียดในชีวิต
ได้แต่ติดความรู้สึกลุ่มหลงชั่วคราว
พอใจแบบผ่านมาแล้วผ่านไป
ไม่ต่างกับการตื่นเต้นได้ดูละครคู่พระคู่นางใหม่
สุดท้ายก็ตายน้ำตื้น มีคู่ แต่ไม่มีรัก เพราะรักไม่เป็น
พอหลงรักใคร
เขาก็เริ่มเป็นที่ตั้งของความรู้สึกไม่ได้อย่างใจคุณแล้ว
แต่พอรักใครเป็น
เขาจะเริ่มเป็นแบบฝึกหัดให้คุณรู้จักเห็นใจคนอื่นทันที
ดังตฤณ
พฤษภาคม ๕๔
ที่มา : http://www.dlitemag.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น