โพลเกือบทุกโพลบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร โพลเกือบทุกโพลบอกว่า พรรคเพื่อไทยของทักษิณจะชนะพรรคประชาธิปัตย์
บ่งชี้ว่า มีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งในระบบที่กำลังเกิดขึ้นนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้พรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน และมีแนวโน้มว่า พรรคประชาธิปัตย์รวมกับพรรคภูมิใจไทยแล้วยังแพ้พรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งตอกย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแพ้เกมในสภาและประทับตราความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทย
ถ้าสู้กันแค่นี้ไม่มีเหตุพลิกผัน นั่นหมายความว่า เราจะต้องจำนนอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคเพื่อไทยไปอีก 4 ปี และเราจะมีนายกฯ หญิงคนแรกชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และวันนั้นโลกก็คงต้องจารึกว่า เรามีนายกฯ หญิงที่แปลกที่สุดในโลกประชาธิปไตย เพราะเธอเสนอตัวต่อประชาชนและได้รับการคัดเลือกมา โดยที่ไม่เคยมีเกียรติประวัติในการต่อสู้ทางการเมืองมาก่อน ไม่เคยมีประวัติในการทำงานเพื่อสังคมและสาธารณะ แต่อวตารมาจากร่างทรงของพี่ชาย คล้ายกับการสืบทอดอำนาจในเกาหลีเหนือ เพียงแต่ของเรานั้นอ้างว่ามาจากระบอบประชาธิปไตยและมาจากการเลือกตั้ง
ถ้าจะว่าไปแล้วอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็ไม่ได้ต่างกับยิ่งลักษณ์มากนักในฐานะที่มา เพราะเป็นนักเรียนนอกจบมาแล้วก็มาเล่นการเมืองสมัคร ส.ส.เป็นรมต.ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นหัวหน้าพรรคและก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่เราเห็นการบริหารงานแล้วว่าเป็นอย่างไรตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองถูกเผาไป 2 ครั้ง และคนเผาบ้านเผาเมืองก็ถูกปล่อยออกมาโดยมาตรการและนโยบายของรัฐบาล
การที่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร คนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่จงรักภักดีต่อพรรคการเมืองคนเสื้อแดงส่วนใหญ่นั้นเลือกพรรคเพื่อไทยแน่ เช่นเดียวกับบรรดาพ่อยกแม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง และคนจำนวนหนึ่งอย่างน้อย คือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีเจตจำนงมุ่งหมายชัดเจนแล้วว่าจะไปกาช่องไม่ประสงค์จะเลือกใครหรือโหวตโน
แล้วคนกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ตัดสินใจจะไปทางไหน
แต่คำตอบที่เราพอจะเห็นเค้าลางอยู่แล้วว่า ถ้าเราเลือกพรรคไหนเป็นรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยของทักษิณนั้น ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
พรรคเพื่อไทยนั้นประกาศชัดเจนแล้วว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเอาทักษิณกลับประเทศและออกกฎหมายนิรโทษกรรมและสร้างบรรยากาศปรองดอง รวมไปถึงเหตุการณ์ทางการเมืองหลัง 19 ก.ย. 2549 ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีคนออกมาต่อต้าน พันธมิตรฯ เองก็บอกแล้วว่า ไม่เอานิรโทษฯ และพร้อมจะเดินหน้าสู้ในกระบวนการยุติธรรม นั่นหมายความว่า จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองไม่สามารถปรองดองได้อย่างที่คาดหวัง
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล นอกจากเราเห็นประสิทธิภาพการบริหารงานของอภิสิทธิ์ตลอดเกือบ 3 ปีแล้วว่า เป็นอย่างไร คนเสื้อแดงซึ่งต้องการให้ทักษิณกลับบ้านก็จะลุกขึ้นมาก่อหวอดอีกครั้ง พวกเขาจะมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างมากขึ้น เพราะแกนนำหลายคนจะมีเอกสิทธิ์ในสภาในฐานะ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย
ความไม่สงบสุขและฝันร้ายของคนไทยในการเผาบ้านเผาเมืองที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และปีก่อนจะย้อนมาหลอกหลอนคนไทยอีกครั้ง
ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เรื่องจึงไม่จบ ไม่สงบ และไม่มีวันปรองดอง
แล้วทางไหนคือทางออกของประเทศไทย ข้อเสนอโหวตโนของพันธมิตรฯ เป็นทางออกหรือไม่ และเมื่อโหวตโนไม่ได้มีผลในทางกฎหมายคะแนนโหวตโนจะเป็นคะแนนที่สูญเปล่าหรือไม่
ก่อนจะตอบคำถามนี้เราต้องถามตัวเองก่อนว่า เราเชื่อใช่ไหมว่า เลือกตั้งครั้งนี้พรรคที่มีแนวโน้มชนะเลือกตั้งแน่คือพรรคเพื่อไทย แล้วลองนึกต่อไปว่า บ้านเมืองจะมีสภาพเป็นอย่างไร
เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล คะแนนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นคะแนนที่มีค่าเป็นเพียงการประทับความชอบธรรมให้กับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ เลือกพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปเป็นผู้พ่ายแพ้ในระบบรัฐสภาใช่หรือไม่
และถ้าเราได้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ต้องถามตัวเองว่า เราจะยอมรับการนิรโทษกรรมเพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรมหรือไม่
ตอบคำถามให้ได้ว่า ถ้าเราไม่เอาโหวตโน การเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือผู้สมัครคนใดคนหนึ่งมีผลต่อบ้านเมืองอย่างไร เลือกไปแล้วได้อะไรขึ้นมาบ้าง
แม้ว่า โหวตโนจะไม่มีผลทางกฎหมายแล้วการเลือกพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่งหรือผู้สมัครคนใดคนหนึ่งมีผลอะไรที่เป็นบวกต่อบ้านเมืองขึ้นมาบ้าง
คำตอบก็คือ เราได้นักการเมืองชุดใดชุดหนึ่งเข้ามาบริหารประเทศและกอบโกยโกงกินหาประโยชน์จากการบริหารบ้านเมืองต่อไป
ถามว่า ถึงเราจะโหวตโนกันมากเท่าไหร่ เพราะต่อให้ชนะพรรคที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง พรรคการเมืองพรรคนั้นก็ได้เป็นรัฐบาลอยู่ดี
คำถามนี้แม้จะเป็นไปได้ยาก เราคงไม่คาดหวังเสียงโหวตโนมากขนาดนั้น ขอเพียงแต่ให้เสียงโหวตโนมากกว่าเที่ยวที่แล้วสัก 1 เท่า จาก 1.5 ล้านเป็น 3 ล้านก็พอ แต่ถ้าเป็นจริงถามว่า เมื่อมีคะแนนเสียงโหวตโนจำนวนมาก พลังของเสียงโหวตโนจะสามารถกดดันให้เกิดการปฏิรูปการเมืองหรือไม่ แล้วถามกลับไปว่า ถ้าพรรคใดพรรคหนึ่งเข้ามาบริหารประเทศในขณะที่ประชาชนมีเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองมาก เขาจะบริหารประเทศไปโดยไม่รับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนได้หรือไม่
ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่กล้าที่จะเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมือง และคิดไปว่าโหวตโนจะสูญเปล่ายอมจำนนอยู่กับระบอบการเมืองที่เป็นอยู่ ถามว่า เราจะรอให้นักการเมืองเปลี่ยนแปลงตัวเอง และสร้างระบบการเมืองที่ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และสร้างระบบริหารประเทศที่มีประสิทธิภาพขึ้นมาหรือไม่
และถ้าเป็นเช่นนั้น หน้าที่ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ก็จะมีเพียงการออกไปเลือกตั้ง 4 ปีครั้งหนึ่งใช่หรือไม่ เมื่อได้รับการเลือกตั้งแล้วเราก็ยอมที่จะให้นักการเมืองบริหารประเทศอย่างไรก็ได้ใช่หรือไม่ เราจะยอมเป็นพลเมืองของประเทศที่เดินไปตามระบอบและระบบอย่างเชื่องๆ
หรือเราคิดว่า เราควรจะมีส่วนในการกำหนดชะตากรรมของบ้านเมืองด้วยตัวเราเอง
การออกมาเรียกร้องเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นเพียงภาระหน้าที่ของพันธมิตรฯ หรือควรจะเป็นของคนไทยทุกคน
เราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า การทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองนั้น มันมีผลกระทบต่อประชาชนที่เป็นพันธมิตรฯ เท่านั้นหรือ คำตอบ ย่อมไม่ใช่ เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจะยอมให้บ้านเมืองเป็นขุมทรัพย์ที่นักการเมืองผลัดกันเข้าไปหาผลประโยชน์เท่านั้นหรือ ทำไมเราไม่ลุกขึ้นมาพร้อมที่จะร่วมกันสร้างกติกาของประเทศขึ้นมาใหม่เพื่อหยุดวิกฤตของบ้านเมือง
เราต้องถามตัวเองซิครับว่า ปัญหาของบ้านเมืองทุกวันนี้ ที่ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายนั้น มาจากปัญหาของนักการเมืองหรือของประชาชน ถ้านักการเมืองไม่โกงบ้านโกงเมืองจะเกิดวิกฤตการณ์การแบ่งสีเสื้ออย่างทุกวันนี้ไหม
เราจะยอมจำนนต่อนักการเมืองด้วยการทำหน้าที่เข้าคูหากาบัตรเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่ง หรือจะเข้าคูหาไปกาช่อง “ไม่ประสงค์จะเลือกใคร”เพื่อบอกพวกเขาว่าเราต้องการการเปลี่ยนแปลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น