++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คำบูชาพระ 2003 ของใหม่ล่าสุด.

1. คำบูชาพระ

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ

(ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระพุทธเจ้า ด้วยเครื่องสักการะนี้)

อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

(ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระธรรม ด้วยเครื่องสักการะนี้)

อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

(ข้าพเจ้าขอบูชาอย่างยิ่งต่อพระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะนี้)

2. คำบูชาพระรัตนตรัย

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวา เทมิ​(กราบ)

สะวากขาโต ภะคะวาตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)

3. คำนมัสการพระพุทธเจ้า

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)

4. คำขอขมาพระรัตนตรัย

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ

หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน ต่อพระรัตนตรัย
อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม
และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี
ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดงดเว้นโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ

5. คำอาราธนาศิล 5

อะหังภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ

ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ

ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ

ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ

ปัญจะ สีลานิ ยาจามิ



ถ้าขอหลายคนเปลี่ยนคำที่ขีดเส้นใต้จาก อะหัง เป็น มะยัง , ยาจามิ เป็น ยาจามะ.

6. บทไตรสรณคมณ์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

7. บทสมาทาน ศีล 5

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

8. บทสวดถวายพรพระ ( ตั้งนะโม 3 จบ)

พุทธคุณ

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ

ธรรมคุณ

สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ

สังฆคุณ

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ

9. บทพุทธชัยมงคลคาถา

พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

มาราติเร กะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

กัตตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะยะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เมชะยะมังคะลานิ

สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกาวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม ชะยะมังคะลานิ

เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฉฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะเนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ

หมายเหตุ : คำที่ขีดเส้นใต้ ถ้าสวดให้แก่ผู้อื่น เปลี่ยนจาก เม เป็น เต ทุกแห่ง

10 บทสวดมมหากา

มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลังฯ

ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ ชะยามิ** ชะยะมังคะเล

อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร

อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ

สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง

สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัมหมะจาริสุ

ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง

ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เม* ปะทักขิณา

ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ

* ถ้าสวดให้ผู้อื่นเปลี่ยน เม เป็น เต แปลว่าท่าน

** ถ้าสวดให้ผู้อื่นเปลี่ยนเป็น ตวัง วิชะโย โหมิ ชะยัสสุ แปลว่า ขอท่านจงเป็นผู้มีชัย ขอท่านจงชนะ

11. บทสัพพมงคลคาถา

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เตฯ

ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต

บทอิติปิโส เท่าอายุ + 1

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ

ให้สวดเกินอายุ 1 จบ เช่นอายุ 25 ปี ให้สวด 26 จบ

โปรแกรมของคุณอาจไม่สนับสนุนการแสดงรูปภาพนี้


13 โพชฌังคปริตร

โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา ( โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ )
วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร ( วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ )
สะมาธุเปกขะโพชฌังคา ( สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ )
สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา ( 7ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว )
ภาวิตา พะหุลีกะตา ( อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว )
สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา ( ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา ( ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า

ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับความลำบาก )
โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ ( จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง )
เต จะ ตัง อะภินันทิตวา ( ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม )
โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ ( โรคก็หายได้ในบัดดล )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต ( ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า)

ทรงประชวรเป็นไข้หนัก )
จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง ( รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวาย โดยเคารพ )
สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส ( ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง ( ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์นั้น

หายแล้วไม่กลับเป็นอีก )
มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง ( ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว

ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ ( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา ( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ. )

หมายเหตุ : เม ถ้าสวดให้คนอื่นฟังเปลี่ยนเป็น เต

โพชฌังคปริตร ถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจาก

โรคภัยไข้เจ็บได้ ที่เชื่ออย่างนี้เพราะมีเรื่องในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปเยี่ยม พระมหากัสสปะที่อาพาธ พระองค์ทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ พบว่าพระมหากัสสปะสามารถ หายจากโรคได้ อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ หลังจากนั้น พบว่า พระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้ ในที่สุด เมื่อพระพุทธองค์เองทรงอาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระ แสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่า โพชฌงค์นั้น สวดแล้ว ช่วยให้หายโรคได้ ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับ ปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับ ร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน จึงทำให้หายจากโรคได้

13. 1 นั่งสมาธิ ( ถ้าไม่นั่งก็ทำหัวข้อต่อไป )

14. คำอธิฐานอโหสิกรรม

ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ทำแก่ผู้ใดในชาตินี้และชาตืใดๆก็ตาม ขอให้เจ้ากรรมนายเวรจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย

และกรรมอันใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมนั้นทั้งหมด ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทานเพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป

ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงศาคณาญาติ และผู้อุปการคุณทุกคนทุกท่าน จงมีแต่ความสุขความเจริญในทุกถิ่นสถาน ดำรงตนมั่นอยู่ในคำสอนที่ดีงามของพระสัมาสัมพุทธเจ้า อย่าได้ตกไปสู่ทุคติอบายภูมิ จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน ในอนาคตกาลเทอญฯ

15. คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง ( จำเป็นอย่างมากๆ )

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากทุกข์
อะหัง อเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความลำบาก
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากอุปสรรค
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ จงรักษาตนให้มีความสุขตลอดกาลนานเทอญ


16. คำแผ่เมตตาให้แก่ผู้อื่น

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียน ซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุข เป็นสุขเถิดอย่าได้มีความ ทุกข์กายทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยสิ้นเถิด

1 บทแผ่ส่วนกุศล ( ถ้ามีเวลาน้อยใช้บทนี้ )


อิทังเม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า

ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทังเม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า

ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทังเม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า
ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข

อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง
ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง
ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง
ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข

17.2 บทกรวดน้ำใหญ่

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญให้ท่านทั้งหลายด้วยเถิดพระเจ้าข้า ขอให้สุขกายเจริญวัย สุขใจเจริญธรรม พระจัตตุโลก พระยมกทั้งสี่ ขอส่งน้ำอุทิศนี้ เข้าไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็นที่ประชุมการใหญ่ ของแม่พระธรณี ขอให้แม่พระธรณี จงมาเป็นทิพย์ญาณ เป็นผู้ว่าการ ในโลกอุดร ขอให้แม่พระธรณี จงนำเอากุศล ผลบุญของข้าพเจ้า ที่ได้กระทำในวันนี้ นำส่งให้แก่ข้าพเจ้า ในกาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ พุทธังอนันตัง ธัมมังจักรวาลัง สังฆังนิพพานัง
ข้าพเจ้าขอแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ให้แก่สรรพสัตว์ที่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ และขอถวายเป็น ปฏิบัติบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ และพระปัจเจกโพธิเจ้า พระอรหันตเจ้า

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ บิดา มารดา ตระกูลพ่อ ตระกูลแม่ ตระกูลพี่ ตระกูลน้อง ตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ญาติพี่น้องทั้งหลาย เพื่อนสนิทมิตรสหายทั้งหลาย จงนำและได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำ ในครั้งนี้ ขอให้บุคลที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ทั้งในภพนี้ และในภพที่เคยผ่านมา จงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าได้พึงกระทำ เมื่อได้รับอานิสงส์แล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ปลดปล่อยกรรม ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้แก่ข้าพเจ้าพร้อมทั้งครอบครัวข้าพเจ้า ทั้งตระกูลปู่ ตระกูลย่า ตระกูลตา ตระกูลยาย ตระกูลพี่ ตระกูลน้อง

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้พระราชาพระมหากษัตริย์ เศรษฐี มหาเศรษฐี
ที่สืบสานพระศาสนาตั้งแต่พุทธกาลจนถึงปัจจุบัน มีพระเจ้าพิมพิสาร
พระเจ้าอโศกมหาราช พระราชามหากษัตริย์ไทย มีสมเด็จพระนเรศวรมาหาราช
สมเด็จพระเอกาทศรถ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และวีรกษัตรีย์ทุกๆพระองค์
อันได้แก่ สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา ฯลฯ ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ จตุสดมภ์ทั้ง 4 ขุนเวียง ขุนวัง ขุนคลัง ขุนนา
ท่านแม่ทัพนายกอง หัวหมู่ ขุนพล ทหารหาญทั้งหลาย ข้าทาสบริพาร
ครูหมัด ครูมวย ครูหอก ครูดาบ ครูศาสตราวุธ ครูทุกแขนงศาสตร์ ทั้ง 108 วิชา ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทุกกรมกอง

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระแม่ธรณี แม่พระคงคามหาสมุทร แม่พระโพสพ
แม่พระเพลิง แม่พระพาย เจ้าทะเล เจ้าบาดาล เจ้าพิภพ

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สุริยจักรวาล มีพระอาทิตย์ พระจันทร์

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัตตะโลหะ นวโลหะ รัตนชาติ แร่ธาตุทั้งหลาย ช้างศึก ม้าศึก ช้างเสบียง ม้าเสบียง ทั้งหลาย วัว ควาย ทั้งหลาย หมู เห็ด เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา ทั้ง สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั้งหลาย สัตว์ปีกทั้งหลาย สัตว์ปีนป่ายทั้งหลาย สัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย สัตว์ในไข่ทั้งหลาย สัตว์ในครรภ์ทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าเข่นฆ่าก็ดี บริโภคก็ดี อยู่ในเนื้อ อยู่ในหนัง อยู่ในกระดูก อยู่ในตับ ไต ไส้พุง อยู่ในทั้งหมดอาการ 32 ของตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ สัมมาอาชีพของข้าพเจ้า ที่ได้มีกินมีใช้ ขอให้สัมมาอาชีพ และอุปกรณ์สัมมาอาชีพ จงได้รับอานิจสงฆ์ผลบุญนี้

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ทรัพย์ของแผ่นดิน
ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ดวงจิตดวงวิญญาณ ทั้งหลายที่เคยจะเกิดมาเป็นลูก เป็นหลาน แล้วไม่เกิด จงได้รับในบุญกุศล และจงเว้นจากการจองเวร

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ดวงจิตของข้าพเจ้าที่เคยตกหล่นเป็นกรรม
อยู่ในนรกภูมิที่อยู่ทุกๆขุมนรกจงหลุดพ้นจากอุปกรรม วิบากกรรม
เคราะห์กรรม ด้วยกุศลในครั้งนี้

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ เชื้อโรคเชื้อรา เชื้อร้าย เชื้อมะเร็งทั้งหลาย เชื้อไวรัสทั้งหลาย เชื้อโรคทั้งหลาย จงมีส่วนได้รับในบุญกุศลนี้ และโรคร้ายทั้งหลายขออย่าพึงมี อย่าได้เกิดกับลูกหลานข้าพเจ้า จงหยุดที่ข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ตั้งแต่นรกภูมิ อบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานทั้งหลาย เปรตทั้งหลาย อสูรกายทั้งหลาย ทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน นรกทุกชั้น นรกทุกขุม ทุกภูมิ สัมภเวสีทั้งหลาย ทั้งที่เป็นญาติ และไม่ใช่ญาติ ที่อยู่ใกล้และอยู่ไกล ที่รู้จักก็ดี ที่ไม่รู้จักก็ดี ที่เอ่ยถึงก็ดี ไม่เอ่ยถึงก็ดี ที่ล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ทั้งที่มีกาย และไม่มีกายทั้งที่มีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม่มีธาตุ จงรับเอาส่วนกุศลที่ได้กระทำในครั้งนี้

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พระอินทร์ พระพรหม พระยายม พระยายักษ์

พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬชัยศรี เจ้าพ่อเจตคุป เจ้าพ่อหอกลอง ท้าวกุเวรมหาราช ท้าวทศรถ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรุฬปักษ์

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ พญาครุฑ พญานาค พญาอนันตนาคราช พญางู พญาเงือก
พญาหนุมาน พญาเสือ พญาสิงห์ พญาเต่า พญาจระเข้ พญาปลาไหล พญาตะขาบ พญาแมงป่อง ปู่ฤาษีทั้ง 108 พระองค์ ปู่อินตา ครูยา หมอยา เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าที่ที่บ้าน เจ้าที่ที่ทำงาน รุกขเทวดา นางไม้ทั้งหลาย

ข้าพเจ้าขอนำส่งให้ ธนบัตร ทุกสกุลเงินตรา ของโลกนี้ ที่เป็นทรัพย์ภายนอก
จงได้รับในกุศลผลบุญของข้าพเจ้า กรรมใดก็ดีที่ข้าพเจ้าเคยมีกรรมต่อทรัพย์ของแผ่นดิน คนของแผ่นดิน ทำผิดเป็นถูก ทำถูกเป็นผิด และกรรมใดที่ข้าพเจ้าเคยสร้างกรรมกับผู้ใดไว้ ไม่ว่าอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ ไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้าเคยสร้างเวรสร้างกรรมต่อท่าน จงได้รับอานิสงส์ผลบุญของข้าพเจ้า เมื่อได้รับผลบุญของข้าพเจ้าแล้ว จงปลดปล่อยกรรม ปลดเปลื้องกรรม งดเว้นการจองเวรและขอดวงจิตที่เกิดในภพนี้ ชาตินี้ ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ ทั้งปวง ด้วยกุศลในคราวครั้งนี้ด้วยเทอญ นิพพานะ ปัจะโย โหตุ

( ถ้ามีเวลามากหลังจาดสวดมนต์แผ่เมฆตาแล้ว ขอให้ใช้กรวดน้ำบทใหญ่นี้ เคยใช้แล้วได้ผลดีมากๆ ไปทำบุญน้อยหรือใหญ่ที่ไหนมา เช่นสร้าง โบสถ์ วิหาร หรือ สร้างพระ หรือสังฆทาน ที่ไหนมา ก็เอาบทกรวดน้ำใหญ่แผ่กุศลออกไป ใช้ได้ผลมาก รับรองชีวิตหน้าที่การงาน และชีวิตครอบครัวจะ ดีขึ้นตามลำดับ )

บทอธิษฐานจิตหลังจากกรวดน้ำแล้ว

ข้าพเจ้า ( บอกชื่อ - นามสกุล ) ได้บำเพ็ญกุศลด้วยการสวดมนต์ ( หรือไปทำบุญอะไรมาก็ตามให้อธิษฐานจิตไว้ทุกครั้ง ) ขออาราธนาบารมีทั้งปวง พระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ พระสังฆานุภาพ โปรดอภิบาลคุ้มครองให้ข้าพเจ้าหายจาก ทุกข์ โศก โรค ภัย สรรพเคราะห์เสนียดจัญไรที่เกิดขึ้นในดวงจิตและในกายจงหายไปอย่าได้เกิดขึ้นอีก ขอให้ชนะต่ออุปสรรค์ศัตรูหมู่มาร ขอให้การประกอบสัมมาอาชีพของข้าพเจ้าและปัจจัยสี่ ของข้าพเจ้า ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองก้าวหน้าตลอดไป ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ประสบความสุขความเจริญตามที่ปรารถนาทุกๆๆประการ บุญที่ข้าพเจ้าทำอยู่นี้เป็นความดีงามเท่าใดข้าพเจ้าขอใช้บุญนี้ในชาติปัจจุบัน หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึงพระนิพพาน ขอให้ข้าพเจ้าได้ไปเกิดในตระกูลที่ดี เป็นผู้มีธรรมะบริสุทธิ์ พบพระพุทธศานาไปทุกภาพทุกชาติ ตราบเท่าถึงพระนิพพานในอนาคตกาลเบื้อหน้าโน้นเทอญ

19. ตั้งนะโม 3 จบ ( ทำหลังจากอษิฐานบุญแล้ว )

กรรมใดก็ดี ที่ข้าพเจ้า เคยมีความเห็นผิด ว่า พ่อแม่ ไม่มีคุณ เห็นว่าครูบาอาจารย์ไม่มีคุณ เห็นว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่มีคุณ เห็นว่ากรรมไม่มีจริง ขอให้พระแม่ธรณี เป็นพยาน ว่าข้าพเจ้า ขออโหสิกรรม ขออโหสิกรรม ขออโหสิกรรม

**หมายเหตุ **

ก่อนสวดมนต์ควร สวดอาราธนาศีล 5 สมาทานศีล 5 ซะก่อน ขอแนะนำวิธีสวดมนต์ไหว้พระที่ถูกต้องและให้เชิญให้เพื่อนๆ ปฏิบัติตามอานิสงส์อันยิ่งใหญ่จะให้ของเพื่อนๆได้ปฏิบัติตามนะครับ หลังจากสวดมนต์ปฏิบัติตามขั้นตอนจนเสร็จ ก็สวดมนต์บทต่างๆ ที่ท่านตั้งใจไว้ เช่น คาถาชินบัญชร คาถาชัยมงคลคาถา พาหุงมหากา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น หลังจากสวดมนต์เสร็จ ต้องสวดบทแผ่เมตตา ทุกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

เหตุผลที่จะต้อง สวดอาราธนาศีล 5 สมาทานศีล 5 ก่อนนั้นเป็นเพราะพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ต้องมี ศีล 5 จึงจะได้ผลดี ไม่ใช่ว่าสวดมนต์ทุกวัน แต่ไม่มีศีล 5 ในใจ การสวดมนต์ก็เป็นเพียงการท่องจำไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะ มีศีล 5 อยู่ในใจเสียก่อน เพราะศีล 5 จะทำให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม กรรมชั่วก็จะเกิดได้ยาก รักษาศีลเท่ากับรักษาตัว ครอบครัวมีความสุข ค้าขายเจริญรุ่งเรือง ท่านที่สวดมนต์ก่อนหน้านี้ทุกวัน อานิสงส์ผลบุญยังไม่หายไปไหน รอวันที่ท่านเริ่มสวดอาราธนาศีล 5 สมาทานศีล 5 ผลบุญเดิมที่ท่านสวดมนต์ไว้จะกลับคืนมาให้ท่านทันที

การที่เรา มีใช้ มีกิน ทุกวันนี้ เกิดจากสัมมาอาชีพของเรา ดังนั้นเราจึงต้องแผ่เมตตาให้กับอาชีพของเรา เพื่อเราจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการงาน ส่วนอาหารที่เรากินก็ได้มาจากเนื้อสัตว์ต่างๆ ดังนั้นเราจึงต้องแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านี้ด้วย เพราะวิญญาณสัตว์เหล่านี้ จะได้ไปสู่สุคติ ไม่อาศัยอยู่ในตัวเรา เราจึงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากโรคเวรโรคกรรม ที่เราไม่สามารถรักษาได้

ถ้าใครมีปัญหาเรื่องงาน แนะนำให้สวดมนต์บท พระธรรมจักร์นะครับ ไม่ว่าท่านจะทำกิจการงานใดก็ตาม ค้าขาย ทำบริษัท หรือทำข้าราชการ อยู่ในองค์กรใดๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้เลย จะทำให้กิจการท่านฟื้นฟูดีขึ้น

------------------------------------------------------------------------------------------

การขออโหสิกรรมจากพ่อแม่ ของหลวงพ่อจรัล

ขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครู บาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆๆน้องๆๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่า โทษทัณฑ์ใดความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คุณพี คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย เอาน้ำรดมือ รดเท้าฯ แล้วกราบที่เท้าท่าน 3 ครั้ง

(ลูกๆๆจะทำตอนวาระไหนก็ได้ที่ใจของลูกอยากทำแล้วพร้อมที่จะทำด้วยใจจริง)


การอธิษฐานในการทำทานบารมี เช่นใส่บาต หรือทำสังฆทาน หรือทอดกฐิน ผ้าป่า

ตัวอย่างคำอษิฐานการทำสังฆทาน

ข้าพเจ้าขอน้อมถวายสังฆทานเหล่านี้ แด่พระอริยสงฆ์ 4 คู่ 8 บุคคล และถวายแด่ พระภิกษุสงฆ์ ขอคำว่าไม่รู้และคำว่าไม่มี อุปสรรค์อันตราย โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง จงอย่าบังเกิดกับตัวข้าพเจ้า ในจักรวาลน้อยใหญ่ทั้งหลาย จนกว่าข้าพเจ้าจะสำเร็จมรรคผลนิพพานในปัจจุบันและในอณาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญ การทำสังฆทานในครั้งนี้เกิดคุณงามความดีเท่าใด ข้าพเจ้าขอใช้บุญนี้ในชาติปัจจุบัน



หลักของการทำสังฆทานที่ถูกต้องคือ


ต้องมีความเคารพในพระสงฆ์ที่เป็นตัวแทนของพระในวัดนั้นมารับวัตถุทานบารมีจากเรา
ต้องไม่เจาะจงพระในรูปใดรูปหนึ่ง จะเป็นท่านใดก็ได้
ต้องอษิฐานถวายทานแด่พระอริยสงฆ์ 4 คู่ 8 บุคคล และพระภิกษุสงฆ์ ะต้องต้องมีพระมารับสิ่งของจากเราเป็นคณะสงฆ์ อย่างน้อย 4 รูปขึ้นไป จึงจะสมบูรณ์ได้อานุภาพของบุญไปถึงจนกว่าเราจะเข้ากระแสแห่งพระนิพพาน พระอริยงสงฆ์ 4 คู่ 8 บุคคล ที่ว่านั้นคือ

1.พระโสดาปัตติมรรค

2. พระโสดาปัตติผล

3.พระสกทาคามีปัตติมรรค

4. พระสกทาคามีปัตติผล

5. พระอนาคามีปัตติมรรค

6. พระอนาคามีปัตติผล

7. พระอรหันต์ปัตติมรรค

8. พระอรหันต์ปัตติผล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น