ทุกคนอยากมีชีวิตสุขสบายไร้โรคา ท่านทั้งหลายมาฟังการบรรยายก็มีจุดประสงค์อย่าง
เดียวกัน ผมขอถามว่า อายุขัยของคนเราสูงสุดคือเท่าไร บางคนบอกว่าสูงสุด 150 ปี ต่ำสุด 120
ปี ซึ่งไม่ถูก มนุษย์เรามีระยะเจริญเติบโต 20-25 ปี อายุขัยเป็น5-7 เท่าของระยะเจริญเติบโต
คือต่ำสุด 100 ปี สูงสุด 175 ปี การจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ใช่ฝันอีกแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากอยู่ถึง
ขนาดนั้นหรือไม่
จะอยู่ร้อยปีก่อนอื่นต้องมีสุขภาพดี แล้วสุขภาพดีมาจากไหน ? มาจาก พื้นฐาน 4
ประการในชีวิตประจำวัน
ประการแรก คือภาวะจิตที่สงบสุข
ประการที่สอง คือรับโภชนาการที่สมดุล
ประการที่สามคือออกกำลังกายพอเหมาะ
ประการที่สี่คือนอนหลับเพียงพอ โดยปรกติแล้ว ประการที่สี่ชักจูงให้งดบุหรี่และเหล้า ผมขอแก้เป็นนอน
หลับเพียงพอ ดั่งที่โบราณท่านว่า “ อดนอนทุกวัน ชีวิตสั้นไป10 ปี ”
พื้นฐานสุขภาพ 4 ประการ ต้องเรียงตามลำดับ สมัยนี้มีบทความมากมายเขียนถึง
เรื่องนี้ แต่ถ้าไม่พูดถึง ภาวะจิตใจเป็นประการแรก แสดงว่าผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ต้องอ่านต่อ
แล้ว เพราะแพทย์แผนจีนจัดภาวะจิตใจเป็นอันดับหนึ่งในการบำรุงสุขภาพ กล่าวคือ ภาวะจิตเป็นตัว
กำหนดพฤติกรรม และผลพวงต่างๆ เกิดจากพฤติกรรม
มองในแง่สรีระ คนเราอยู่ได้โดยอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด และไตยกตัวอย่างเช่น
โรงพยาบาลออกใบมรณะบัตร มักจะระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เป็นต้น
ถ้าผู้ป่วยตายด้วยเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แสดงว่าเลือดเข้มข้นสกปรก แต่เลือดฟอกมาจากตับ แสดงว่า
ตับหมดสมรรถภาพในการฟอกพิษหรือกลั่นกรองเลือดให้บริสุทธ ิ์ ไหลเวียนไม่คล่องตัว ทำให้อุดตัน
ในเส้นเลือดผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมาก ก่อนหัวใจวายมักจะบันดาลโทสะซึ่งเป็นสาเหตุทำลายการทำ
งานของตับ ด้วย เพราะฉะนั้น โปรด จำไว้ว่า อย่าโมโหโทโสซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย นอก
จากทำลายร่างกาย เ ท่านั้น ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ หัวเราะสามเวลา ห่างไกลโรคและยา
หัวเราะสามเวลา หมอต้องผูกคอลา ”
ทีนี้มาพูด เรื่องโภชนาการ อักษรจีนต้องเขียนตามลำดับก่อนหลัง ภาษาก็เช่นเดียวกัน
เราพูดวา “ ดุลยภาพแห่งโภชนาการ ” หมายความว่า ดุลยภาพต้องมาก่อน โภชนาการจึงตามหลัง
มา WHO เตือนเราว่า คนเราเกิดโรคมาจากสาเหตุ (1) รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม (2) กิน
อาหารไม่สมดุล หมายรวมถึงมากเกินและขาดแคลน นั่นคือ ไขมันมากเกิน แต่แร่ธาตุและวิตามินขาด
แคลน สรุปคือ ไม่รู้จักกิน ทำให้เกิดโรค
อยากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร ? คำตอบคือ
(1) เพื่อดำรงชีพ
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค บรรดาโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น ใน
เมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้ ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกัน
แพทย์แผนจีนเป็นมรดกตกทอด 5 พันปี ให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5 ขั้นตอน
ขั้นตอน 1 รักษาด้วยอาหาร หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะ
ใช้
ขั้นตอน 2 กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ บีบนวดและดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 3 ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 4 ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้
ขั้นตอน 5 ใช้ยา ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา เป็นยาย่อมมีพิษ คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี
ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด
Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน เคยกล่าวเตือนว่า “ จงกินอาหารให้เป็นยา
อย่ากินยาเป็นอาหาร ” จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า “ ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา ” แต่ทุกวันนี้มันกลับกัน
หมด
เรากินอาหารวันละ 3 มื้อ กินเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่ ?
เราอยู่ได้เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง 5 พลังงานของอวัยวะได้มาจากการกิน แต่ทุกวันนี้เรากิน
ตามใจและปาก ชอบอะไรก็กินมันทุกวัน อวัยวะทั้ง 5 ก็เหมือนกับคน มีรสนิยมแตกต่างกัน
· ตับชอบกินสีเขียว
· หัวใจชอบกินสีแดง
· ม้ามชอบกินสีเหลือง
· ปอดชอบกินสีขาว
· ไตชอบกินสีดำ
คำว่าดุลยภาพหมายถึงกินหลากหลายชนิด
แพทย์แผนจีนใช้วิธีมอง ฟัง ดม ถาม แมะ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ในที่
นี้ก็รวมทั้งการมองดูสี ทั้ง 5 บนใบหน้านั่นเอง ตัวอย่างเช่น
· ตับมีปัญหา สีหน้าจะออกเขียว
· หัวใจมีปัญหา สีหน้าจะออกแดง
· ม้ามมีปัญหา สีหน้าจะออกเหลือง
· คนไข้หอบหืด สีหน้าจะออกขาว
· คนไข้ไตเสื่อม สีหน้าจะออกดำ
ดังที่กล่าวแล้ว
· ถั่วเขียวเหมาะสำหรับบำรุงตับ เพื่อให้ตับขับพิษออกจากร่างกาย แต่ก็ต้องกินให้ถูกวิธี คน
ทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง วิธีที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมารณ 5-6 นาทีก่อนที่ถั่วจะ
แตกเม็ด รินเอาน้ำออกซึ่งจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด จากนั้นเอา
ถั่วเติมน้ำต้มต่อจนเละกินเป็นอาหาร
· หัวใจชอบสีแดงให้กินถั่วแดง
· ม้ามชอบสีเหลืองให้กินถั่วเหลือง
· ปอดชอบสีขาวให้กินถั่วขาว
· ไตชอบสีดำให้กินถั่วดำ
ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว ? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า “ คนเรากินถั ่วทั้ง 5 จะสมบูรณ์พูนสุข ”โภชนาการ
แผนจีนก็เน้นว่า “ กินไม่พ้นถั่ว ” ขอยกตัวอย่างไม่ค่อยสุภาพ ในชนบทเขาใช้ถั่วดำเลี้ยงปศุสัตว์ ทำให้
ไตแข็งแรงมีกำลังวังชา สามารถทำงานหนักเตะปี๊บดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุภาพสตรีควรบริโภคถั่ว
ตลอดชีวิต เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะทั้ง5 แล้ว ในถั่วยังมีสารที่กระตุ้นการทำงานของรัง
ไข่
ต่อไปจะพูดถึง รสชาติ
· เปรี้ยวบำรุงตับ
· ขมบำรุงหัวใจ
· หวานบำรุงม้าม
· เผ็ดบำรุงปอด
· เค็มบำรุงไต
หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติอย่างละนิด ให้เกิดสมดุล เช่น รสเปรี้ยวบำรุงตับ กินมากตับ
พัง จีนเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคตับมาก ในจีนเองต้องยกให้มณฑลซันซีครองแชมป์โรคตับ เพราะคนที่นั่น
ชอบกินน้ำส้มสายชู รสเผ็ดบำรุงปอด กินมากปอดพังเช่นกัน สถิติกระทรวงสาธารณสุขจีนปีที่แล้วระบุว่า
ชาวเสฉวนและชาวหูหนันที่อพยพจากจีนใต้ไปอยู่ภาคเหนือ นำเอานิสัยชอบกินพริกติดตัวไปด้วย นานวัน
เข้าเป็นโรคมะเร็งในปอดตามๆ กัน ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ภาคใต้อากาศชื้น กินเผ็ดป้องกันความชื้นได้
แต่ภาคเหนืออากาศแห้ง กินเผ็ดมากจะทำลายปอด พึงจำไว้ว่า ใครอยู่ถิ่นไหนให้กินของถิ่นนั้น ไม่ใช่
ว่ากินของได้ทั่วทุกถิ่น
กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ ?
ง่ายนิดเดียว มีหลักการจำดังนี้ “ สีสัน หยาบ - ละเอียด ดิบ - สุก คาว - เจ ”หมายความว่า
กินอาหารต้องคละกันหลากสีและรสชาติ หยาบแข็งควบคู่กับละเอียดนิ่ม สุกควบคู่กับดิบ คาวควบคู่กับเจ
ขอแนะนำว่า แต่นี้ไปให้กินผักดิบผลไม้สดแต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี เพราะแพทย์
แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า
สุดท้ายจะพูดถึง ยาบำรุง
เราไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อยามาบำรุงร่างกาย ผักและผลไม้มีวิตามินสูง ถ้ากินให้ถูกวิธี ก็สามารถ
ดูดซึมวิตามินเพียงพอต่อร่างกาย สิ่งที่ต้องการคือแคลเซียม ผู้หญิงควรกินแคลเซียมวันละ 3000 มก .
ขึ้นไป ผู้ชายกินวันละ 4000 มก . ขึ้นไป พร้อมกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ คนทั่วไปมักเข้าใจ
ผิด คิดว่าแคลเซียมใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ ที่จริงแล้วแคลเซียมช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน
นอกจากนั้น ยังป้องกันเส้นโลหิตแข็งตัว ดังนั้น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรกินแคลเซียมให้เพียง
พอ เพื่อให้เส้นโลหิตอ่อนตัว ความดันก็จะลดตาม ยาลดความดันก็ไม่ต้องกินมาก
ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ อยากให้ร่างกายดี กินอาหารถูกวิธี อยากให้สุขภาพเยี่ยม
อย่าลืมกินแคลเซียม ” อย่าลืม อาหารต้องมาก่อนยา เป็นโรคอย่าพึ่งแต่ยา พึงใช้ยาในยามวิกฤติเท่า
นั้น
ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้ “ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคือ
อาหารมีคุณค่า การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา ” หมายความว่า ตัวคุณเองต้องรู้จักรักษาตัวเอง ห้องครัว
ในบ้านคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ยากับอาหารมีความหมายเดียวกัน กินอาหารให้ถูกต้องก็คือยาที่ดีที่
สุด การรักษาต้องต่อเนื่อง ไม่ใช่ทดลองแล้วก็หยุด หรือเปรียบเสมือนใช้อวนจับปลา 3 วัน แล้วก็ตาก
อวนหยุดจับปลา 2 วัน ต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี
ท้ายที่สุด ผมขอแนะนำดังนี้
1. หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพ
ดี และเป็นการทบทวนในตัว
2. เขียนข้อความ “ ก่อนถึงเก้าสิบเก้า ห้ามเข้า ( โลง ) เด็ดขาด ” ติด
ไว้หน้าเตียง เพื่อเตือนตัวเองกินให้ถูกวิธี
ก่อนลาจาก ขอให้เราทุกคนตะโกน “ ยืนหยัดไม่ไป ( ตาย ) ก่อนอายุ 99”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น