นิราลัยบรรยายภาพ
จัดพิมพ์โดย..สำนักพิมพ์ธรรมสภาสนใจหนังสือติดต่อได้ที่...
ธรรมสภา เลขที่ ๑/๔-๕ ถนนบรมราชชนนี ๑๑๙
เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทรศัพท์..(๐๒)๔๔๑๑๕๘๘,๘๘๘๗๙๔๐,
โทรสาร..(๐๒)๔๔๑๑๔๖๔,๔๔๑๑๙๘๓
นิทานธรรมะเรื่องหมาหางด้วนนี้ท่านพระอาจารย์พยอม กลฺยาโณแห่งวัดสวนแก้ว ได้สร้างขึ้นตามแนวคำสอนของท่านเจ้าคุณพุทธทาสที่ได้แสดงธรรมไว้ว่า การศึกษาปัจจุบันของเรานี้มันไม่สมบูรณ์ คือสอนกันแต่ให้รู้หนังสือ รู้อาชีพ แต่ไม่สอนให้รู้ว่าจะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้โดยวิธีใด มันจึงเป็นการศึกษาแบบหมาหางด้วน
เพราะเราไปตามก้นการศึกษาของฝรั่งมากเกินไป ซึ่งมุ่งแต่เรื่องวัตถุเท่านั้น ไม่สนใจในเรื่องคุณธรรมด้านจิตใจ การศึกษาจึงไม่สามารถทำให้เยาวชนยุคปัจจุบันรู้ว่า “เกิดมาทำไม?” “ศึกษาเล่าเรียนกันไปทำไม?” “ทำอย่างไรชีวิตจึงจะมีค่า?”
กิเลสโลกยุควัตถุนิยม ปัจจุบันนี้โลกของเรากำลังเป็นโลกวัตถุนิยม ผู้คนต่างพากันหลงใหลในวัตถุนิยมกันอย่างบ้าคลั่ง จนลืมถึงเรื่องจิตใจ
เมื่อกิเลสครองโลก
เมื่อกิเลสไหลนองยึดครองโลก มันสุดแสนโสโครกที่โกรกไหล
เมื่อกระแสไฟตัณหาไหม้พาไป ทิ้งซากไว้ระเกะระกะอนิจจัง
กลับยกย่องว่านั่นสิ่งศิวิไลซ์ ยั่วความใคร่เพิ่มเหยื่อแก่เนื้อหนัง
เป็นเครื่องล่อกามาบ้าติดตัง ทั่วโลกคลั่งก็ยิ่งคล้ายอบายภพ
ทั้งแก่เฒ่าสาวหนุ่มล้วนจมกาม เกลียดศีลธรรมเห็นเป็นหนามระคายขบ
อาชญากรรมลุกลามสงครามครบ ร้อนตลบโลกกิเลสสังเวชจริง.
(พุทธทาสภิกขุ)
มีเรื่องเล่าว่า หมาฝรั่งตัวหนึ่ง มันฝักใฝ่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องวัตถุนิยม บ้าคลั่งหลงใหลในเรื่องเทคโนโลยีมาก มันคิดว่าความสุขแสวงหาได้จาก ไฮเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่บ้านของมันจึงเต็มไปด้วยรถยนตร์ วิทยุ สเตริโอ โทรทัศน์ พัดลม เครื่องเล่นวีซีดี เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือนานาชนิด ประเภทที่เรียกว่าขับเบ็นซ์โก้ โชว์โนเกีย เชียร์แมนยู ดูโซนี่ ขี่ฮอนด้า บ้าแชทอินเตอร์เน็ตเป็นต้น
วันหนึ่งมันได้เทคโนโลยีชิ้นใหม่มา มันก็จับขึ้นเทินเล่นบนหัว แต่ปรากฏว่าเทคโนโลยีชิ้นนั้นได้เกิดพลัดตกลงมากระแทกหางมันขาดกระเด็น เพราะความที่มันลุ่มหลงมัวเมาวัตถุนั่นเอง หางนั้นเปรียบเหมือนกับศีลธรรม เมื่อวัตถุครอบงำจิต มันก็เลยลืมเรื่องศีลธรรมเรื่องจิตใจ แล้วก็ตัดหางทิ้งคือตัดเรื่องศีลธรรมออกไป
พอหางมันขาด มันกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวกลัวเสียเปรียบ ทำตัวเป็นเด็กแนวตามใจกิเลส อยู่ที่ไหนก็ก่อความเดือดร้อนให้เพื่อนฝูง เลยไม่ได้รับการยอมรับจากพวกเดียวกัน จึงถูกเนรเทศระหกระเหินเร่ร่อนบินลัดฟ้าโดยสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์มุ่งตรงมายังประเทศไทย
พอมาถึงเมืองไทย บรรดาหมาไทยวัยรุ่นเป็นจำนวนมากเห็นเข้าก็พากันทึ่งหมาฝรั่ง จึงเข้าไปรุมตอมกันเต็มเลยทีเดียว เจ้าหมาฝรั่งเมื่อได้โอกาส ก็โฆษณาชวนเชื่อว่า พวกเอ็งดูอย่างข้าซิเห็นไหมไม่มีหางนี่มันเท่ห์เหลือเกิน ทำอะไรก็ดูเก๋ไก๋ไปหมด โก้สมาร์ตสง่างามกว่าพวกเอ็งใช่ไหม พวกหมาไทยวัยรุ่นก็บอกว่าใช่ ไม่ว่าหมาฝรั่งจะทำอะไรมันก็ดูโก้ไปหมด พอหันมาดูตัวเองรู้สึกว่าอะไรที่เป็นของตัวเองวัฒนธรรมที่เป็นของไทย ๆ นี่มันเชยแหลก เจ้าหมาฝรั่งก็ร้องบอกว่า ถ้าเอ็งอยากโก้อย่างข้าละก็ให้ตัดหางทิ้งเสีย
นี่ ! ที่หมาน้อยเมืองไทยไม่เจริญเหมือนพวกข้าก็เพราะพวกเอ็งยังมีหาง คือยังติดอยู่กับเรื่องศาสนาเรื่องศีลธรรม เพราะฉะนั้นจงพากันตัดหางทิ้งกันเสียเถอะ พวกเอ็งจะได้โก้เก๋สมาร์ตสง่างามอย่างข้า
ปรากฏว่ามีหมาไทยวัยรุ่นจำนวนหนึ่งหลงเชื่อ พากันตัดหางวิ่งตามก้นเจ้าหมาฝรั่งอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็มีอยู่ 2-3 ตัวที่มันไม่ยอมตัด เพราะมันคิดขึ้นในใจว่า ไอ้เรือที่ไม่มีหางเสือ รถที่ไม่มีเบรค เจดีย์ยอดด้วน หมาหางด้วน มันจะเดินไม่ตรงทาง รับรองว่าไม่งามแน่ ๆ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยอมตัดหางตาม ถ้าหากว่าศาสนาหรือศีลธรรมไม่อยู่คู่กับการศึกษาหรืออยู่กับคนแล้วมันจะอยู่ไม่รอด มันจะเดินไม่ตรงทาง แล้วก็จะวุ่นวายกันใหญ่แน่ ๆ
พอตัดหางแล้วมันก็พร้อมที่ลอกเลียนแบบเจ้าหมาฝรั่ง พร้อมที่จะซึมซับเอาวัฒนธรรมสิ่งโสโครกของฝรั่งมาไว้ในวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยเราได้เสมอ นี่เป็นเหตุให้พวกฝรั่งดูถูกคนไทยว่า “ทันสมัยแต่ไม่พัฒนา ล้ำสมัยแบบไร้สมอง” เราจึงตกเป็นทาสอาณานิคมทางความคิดของพวกฝรั่งทางตะวันตกอยู่ตลอดเวลา
หลังจากที่หมาจำนวนหนึ่งได้ตัดหางทิ้ง ท่านผู้อำนวยการก็มานั่งกุมขมับปวดหัว ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยิ่งได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ แล้วนึกถึงภาพที่เรือไม่มีหางเสือ รถที่ไม่มีเบรก คนไม่มีศีลธรรม เจดีย์ยอดด้วน หมาหางด้วนแล้ว มันเป็นสิ่งอุบาทว์ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ มากมาย
ขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็ไปเจอข่าวหน้าหนึ่งซึ่งน่าตกใจมาก “อนาถแท้สังคมบัดซบเด็กอายุแค่ 12 ขวบเป็นหัวหน้าโจร” ปรากฏว่าพออ่านไป ๆ ก็พบว่าเด็กเหล่านั้นกลับกลายเป็นนักเรียนที่โรงเรียน เป็นลูกศิษย์ของตนเอง ก็ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
นี่ ! ที่ข่าวคราวลงพาดหัวหน้าหนังสือพิมพ์ รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของวัยรุ่นในสังคมปัจจุบัน ก็เพราะมาจากการศึกษาที่ขาดคุณธรรมนั่นเอง จึงกลายเป็นการศึกษาหมาหางด้วน หางที่มันด้วนนี้เปรียบเหมือนกับศีลธรรม การศึกษาที่พากันตัดศีลธรรมหรือศาสนาออกเสียแล้ว จึงทำให้คนรู้แต่เพียงหนังสือและอาชีพเท่านั้น ส่วนเรื่องจิตใจหรือศีลธรรมนั้นไม่มี
เมื่อพากันตัดศีลธรรมออกจากการศึกษา สถาบันการศึกษาจึงกลายเป็นวิทยาลัยหมาหางด้วน ไอ้พวกนักเรียนนักศึกษาหมาหางด้วนก็พากันยกพวกตีกัน พอไปถามว่ายกพวกตีกันทำไม มันกลับบอกว่า ตีกันเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างสถาบัน มันตีกันถึงขนาดตายก็มี เรียกว่า
“หัวโขยกโขกกำแพงมีดแทงปอด ตีด้วยน็อตฟาดด้วยชามตามด้วยไห
หนีบด้วยคีมจิ้มด้วยเกลือลนด้วยไฟ ไอ้จัญไรทำซ่าส์จึงโดนฆ่าตาย”
เดี๋ยวนี้อย่าว่าแต่ต่างสถาบันเลย แม้อยู่ในโรงเรียนเดียวกันก็ยังฮื่อ ๆ แฮ่ ๆ ใส่กันยกพวกตีกันก็มี พอยกพวกตีกันแต่ละครั้ง จะต้องเสียกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก แทนที่จะเอาไปปราบปรามพวกโจรผู้ร้าย ก็จะต้องมาคอยปราบปรามพวกนักเรียนนักศึกษาหมาหางด้วน การศึกษาสมัยนี้เขาเรียนกันอย่างไรทำไมจึงเป็น
เช่นนี้
นักเรียนนักศึกษาสมัยนี้พากันบ้าคลั่งหลงใหลในแสงสี เสียง บ้าคลั่งคอนเสิร์ตดนตรี พอ มีการจัดคอนเสิร์ตที่ไหน ก็จะยกพวกแห่กันไปดู ยิ่งถ้าเป็นนักร้องหรือดาราดังยอดนิยม ก็ จะแห่กันไปแน่นขนัด นักเรียนนักศึกษาหมาหางด้วนก็ไปร่วมก๊วนกับเขาด้วย เลยเกิดการเขม่นกันขึ้นแล้วก็ยกพวกตีกันเป็นประจำ
พอตีกันแต่ละครั้งก็มักจะสร้างปัญหาปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะพวกนักศึกษาอาชีแวะหมาหางด้วน เจอคู่อริที่ไหนก็แวะจัดการคิดบัญชีที่นั่น ที่ต้องเศร้าใจก็คือพ่อแม่ถึงกับช็อกรับศพลูกที่ตกเป็นเหยื่อสงครามนักเรียนนักศึกษาหมาหางด้วน
ยิ่งนับวันปัญหายิ่งมากขึ้นกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่แก้กันไม่ตก ไม่ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะหามาตรการอะไรมาก็ตาม ถึงขั้นสั่งปิดสถาบันการศึกษาก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ นี่เป็นเพราะแก้ปัญหาไม่ถูกจุด แม้จะมีการปฏิรูปการศึกษามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา การศึกษาที่ยึดเอาผู้เรียนเป็นสำคัญ (Child center) จนถูกนักเรียนล้อเลียนว่าเป็น “ควายเซ็นเตอร์” เพราะเราไปตามก้นการศึกษาของพวกฝรั่งตะวันตกเกินไป ไม่เอาแนวทางของพระพุทธศาสนามาใช้ ที่สอนให้เน้นถึงธรรมะ คือเอาความถูกต้องเป็นเซ็นเตอร์
เพราะ การศึกษาหมาหางด้วน ทำให้แม้แต่กีฬาที่เราคิดว่าจะ มีส่วนช่วยให้เยาวชนรักกันสามัคคีกันและจะได้ช่วยลดปัญหายาเสพติดอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง เห็น ไหม? พอกีฬาแพ้คนกลับไม่ยอมแพ้ พวกนักเรียนนักศึกษาหมางหางด้วนก็ยกพวกตีกัน
นี่ ! ข่าวลงว่านักเรียนปทุมคงคาถูก นักเรียนเทพศิรินทร์รุมสกรัมเสียจนงอม ในระหว่างแข่งขันฟุตบอลกรมพละฯ รอบชิงชนะเลิศ น้ำใจนักกีฬา(Sporting Spirit) หายไปไหนกันหมด กีฬา ๆ เลยไม่เป็นยาวิเศษ อย่างนี้ต้องร้องเพลงกราวกีฬาใหม่เสียแล้ว “กีฬา ๆ เป็นยาผีเปรต เพิ่มเติมกิเลสทำคน ให้เป็นควาย ผลคือความวอดวาย พอ แข่งกันเสร็จก็ตีกันตายตะละล่า” ไม่รู้ว่ารัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาการสังคมและมนุษย์จะคิดเปิดสนาม กีฬาให้มันยกพวกตีกันหรือเปล่านะ !
วัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาสมัยนี้เลือดร้อนไม่รู้จักบังคับตนเอง ระงับอารมณ์ ข่มนิวรณ์ ถอนอุปาทาน ประหารกิเลส เฉดหัวอวิชชา ฆ่าความเมา เขย่าความทุกข์ เดี๋ยวนี้พอเจอหน้ามองหน้ากันหน่อยก็ไม่ได้แล้ว “เฮ้ยมึงมองหน้ากูทำไมวะ” “อ้าวถ้ากูไม่มองหน้ามึง แล้วจะรู้หรือมึงมองหน้ากู”
ผลสุดท้ายเป็นอย่างไร พอทำกำแหงซ่าส์จัด ก็ยกพวกตีกัน ถล่มกันเละตายไปสองศพ นี่เรียกว่าหลั่งเลือดละเลงดินหลั่งเลือดละเลงถนน เลือดอย่างนี้ไปบริจาคใครเขาคงไม่เอาแน่ เพราะมันเป็นเลือดบวกสี่
ผลของการที่เราพากันตัดศีลธรรมออกจากการศึกษา มันก็มาตกลงที่ครู นักเรียนหมาหางด้วนเดี๋ยวนี้ไม่รู้จักบุญคุณของครูบาอาจารย์ ไม่ว่าครูจะว่ากล่าวตักเตือน สอนอย่างไรก็ไม่ฟัง ดื้อด้านว่ายากสอนยาก เมื่อไม่พอใจครู ผลเป็นอย่างไร “นักเรียน ม. 3 หมัดโหดทิ่มหน้าครูสาวสลบเหมือดทันที” แค่อู้งานไม่ยอมทำความสะอาดโรงเรียน พอครูมาพบเข้าว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่พอใจ กลับมาทำร้ายครูเสียนี่ !
เมื่อตัดศีลธรรมออกจากการศึกษา แทนที่นักเรียนนักศึกษาจะอ่านหนังสือตำหรับตำรา หนังสือธรรมะประเภทที่ทำให้จิตใจละลายออกจากราคะ โทสะ โมหะ ก็กลับไปหาหนังสือประเภทดารา ทีวีพูล หนังสือปลุกเซ็กซ์ หนังสือยั่วยุกามารมณ์ หนังสือการ์ตูนลามกต่าง ๆ จนหนังสือพวกนี้ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พออ่านมากเข้าจิตใจก็มั่วไปในทางกามารมณ์ เป็นผลให้ชิงสุกก่อนห่ามในวัยเรียนกันมากขึ้น
ยิ่งสมัยนี้การศึกษาพากันส่งเสริมเรื่องเพศศึกษา การวางแผนครอบครัวอะไรรวดเร็วเกินไป จนทำให้เด็กขาดการบังคับตนเอง หลักสูตรการศึกษาที่ร่างกันขึ้นมาก็เพื่อให้นักเรียนนักศึกษารู้จักคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น เด็กเดี๋ยวนี้มันจึงคิดเรื่องเพศเป็น(บางทีเก่งกว่าผู้ใหญ่เสียอีก) แล้วก็ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นเสียด้วย คือมันพากันพกยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย ไม่เชื่อก็ไปลองค้นดูในกระเป๋านักเรียนนักศึกษาหนุ่ม ๆ สาว ๆ สมัยนี้ดูก็ได้
แต่ทีนี้บางทีมันก็แก้ปัญหาผิดพลาด เมื่อมันพากันชิงสุกก่อนห่าม จึงมีข่าวนักเรียนตั้งท้องในโรงเรียนบ้าง หนีตามผู้ชายบ้าง พอตั้งท้องขึ้นมาก็พากันไปทำแท้ง ไปตายที่ปารีดกันก็เยอะ
เดี๋ยวนี้นักเรียนนักศึกษาเริ่มหวือหวาไวไฟ เรียกว่ามีแฟนกันตั้งชั้นประถมศึกษากันแล้ว เดินควงแขนกันเป็นคู่ ๆ อย่างไม่อายสายตาผีสางนางไม้แม้แต่นิดเดียว พากันสนใจเรื่อง “สามัคคีเพศศึกษา” มากว่าสนใจเรื่อง “สามัคคีเภทคำฉันท์”
พอนักเรียนนักศึกษามั่วสุมเรื่องเพศกันมากขึ้น ผลเป็นอย่างไร นักศึกษานับร้อยท้องโตไม่มีพ่อ เที่ยววิ่งพล่านไปคลินิกเถื่อนให้หมอเถื่อนพยาบาลเถื่อนรีดมารหัวขน บางคนโชคร้ายตกเลือดอันตรายถึงกับเสียชีวิตไปเลยก็มี เด็กที่จะเกิดมาไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ก็ต้องพลอยมารับกรรมตายตามไปด้วย
อย่างวันนี้เจ้าหมาน้อยตัวหนึ่งมายืนร้องไห้ มันร้องลั่นเอาทีเดียว พอดีมีเจ้าหมาใหญ่ตัวหนึ่งเดินผ่านมามันไม่ได้ตัดหาง จึงเดินเข้าไปถาม “อ้าวนังติ๋มนี้เองมาร้องไห้อยู่ทำไม?” นังติ๋มก็ร้องลั่นแล้วตอบว่า “คุณน้าครับ แม่หนูเขาคลอดหนูแล้วเอามาทิ้งไว้ข้างกองขยะครับ” โถทำไมถึงใจดำทำกับเจ้าหมาน้อยได้ลงคอ “แล้วแม่หนูเขาไปไหนเสียละ” “หนูก็ไม่รู้ เห็นได้ข่าวว่าไปเรียนทำปริญญา ค.บ.อยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่ง ตั้งใจว่าจะเรียนให้จบจนถึงปริญญาโท ค.บ. แต่ดันไปจบปริญญาโทต้อง(คือท้องโต)เสียก่อน”
เดี๋ยวนี้เขาเรียนไปด้วยมีลูกไปด้วยก็ได้ นี่ ! สมัยการศึกษาที่เขาเรียกว่าเจริญแล้ว มันจึงมีไอ้ลูกประเภทแม่บุญทิ้งเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่เชื่อก็ลองไปดูที่โรงพยาบาลหรือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ได้ จะเห็นพวกลูกแม่บุญทิ้งของนักศึกษาใจแตก พอคลอดลูกแล้วก็นำมาทิ้งไว้
พอ สนใจแต่เรื่องรักสวยรักงาม แข่งขันกันในเรื่องแฟชั่นโดยเฉพาะแฟชั่นนักศึกษาสาว ๆ มักจะแข่งกันนุ่งกระโปรงสั้น ๆ เที่ยวโชว์ขาอ่อนล่อตะเข้ผู้ชาย ผลเป็นอย่างไร? หนังสือพิมพ์ลง ข่าว “นักเรียนฉุดนักเรียนจะข่มขืน 6 ต่อ 1” แล้วจะไปเหลืออะไร นี่ยังโชคดีนะที่เป็นเพียงแค่ Future Tense (คือจะข่มขืน) ถ้าเกิดเป็น Present Tense แล้วไม่รู้จะบรรยายอย่างไร?
พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกสอนก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง แม่ บอกว่า “นี่ ! ลูกเวลาไปโรงเรียนอย่ากลับให้มืดค่ำ นักนะ ระวังจะเสียเด็ก” มันกลับเถียงแม่ว่า “ใครบอกว่าหนูจะเสียเด็ก หนูกำลังจะได้เด็ก ต่างหากละแม่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น