เลขาฯ การเมืองใหม่ ร่อนจดหมายโต้ “สมศักดิ์” ยันพรรคไม่เคยมีมติส่งผู้สมัคร ส.ส.ชี้ หัวหน้าพรรคพูดแค่ความเห็นส่วนตัว เล็งยื่นกกต.อีกสัปดาห์หน้า เผย ยังไม่ได้ยื่นใบลาออก แฉค้างค่าเช่ารายการเอเอสทีวี หยันไร้ยอดบริจาคหลัง “สนธิ” ไขก๊อก หน.ปัดอม 6.5 แสน ยันตามทวงค่าบัตรระดมทุนแล้วเหลือต้องรับผิดชอบแทนแค่แสนเดียว ปูดใช้เงิน 2 ล้านจ่ายช่วยพรรคเป็นระยะ ลั่นค้านพวกไม่เคารพเสียงสมาชิกพรรคถึงที่สุด
วันนี้ (13 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อมวลชนชี้แจงปัญหาภายในพรรคการเมืองใหม่ โดยระบุว่า ตามที่ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่อีก 4 คน ร่วมกันแถลงข่าว เมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) ณ ที่ทำการพรรคการเมืองใหม่ว่าพรรคการเมืองใหม่จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทั้งในระบบสัดส่วนและระบบเขต และกรณีเงินบริจาคของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และกรณีเงินค่าบัตรดินเนอร์ทอล์คในงานระดมทุนพรรคนั้น ผู้แถลงข่าวทั้ง 5 คนกำลังนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนและไม่เป็นความจริง ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะสมาชิกพรรคและผู้สนับสนุนพรรคสับสนต่อจุดยืนของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ รวมทั้งทำให้ตนในฐานะเลขาธิการพรรคได้รับความเสียหายโดยตรง จึงขอเรียนชี้แจงเป็นประเด็นดังนี้
1.พรรคการเมืองใหม่ไม่เคยมีมติส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบเขตและระบบสัดส่วนก็ตาม นอกจากนี้คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครของพรรคที่ต้องทำหน้าที่รับรองผู้สมัคร ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 37 และ 38 ก็ยังไม่เคยมีการประชุมเพื่อรับรองและเสนอชื่อผู้สมัครของพรรคแม้แต่ครั้งเดียว ฉะนั้นการที่นายสมศักดิ์ ประกาศส่งผู้สมัครในนามพรรคการเมืองใหม่ จึงเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ไม่มีมติพรรครองรับ และกรรมการบริหารพรรคเสียงข้างมากทั้ง 10 คน ที่ยืนตามความเห็นของที่ประชุมใหญ่พรรค จะไปยื่นหนังสือพร้อมบันทึกการประชุมเพื่อยืนยันต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในสัปดาห์หน้าอีกครั้งหนึ่ง
2.กับความพยายามปล่อยข่าวว่าตัวผม ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคก่อนหน้านี้นั้น ข้อเท็จจริงก็คือผมเคยแจ้งในที่ประชุมกรรมการบริหารว่าหลังการประชุมใหญ่พรรคในวันที่ 24 เมษายน 2554 ผมจะลาออกเมื่อมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค แต่เมื่อผมพบพิรุธและขบวนการตุกติกและบิดเบือนของคนบางกลุ่มในพรรคที่พยายามจะฝ่าฝืนและไม่เคารพความเห็นของสมาชิกพรรคมากกว่าร้อยละ 90 ที่เห็นว่าพรรคไม่ควรส่งผู้สมัครฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเหตุให้ผมตัดสินใจไม่ยื่นหนังสือลาออกตามข้อบังคับพรรค ข้อที่ 23 (2) ที่ระบุว่า การลาออกจากกรรมการบริหารพรรคจะสมบูรณ์เมื่อได้ยื่นใบลาออกต่อหัวหน้าพรรคหรือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค ซึ่งที่ผ่านมาผมยังไม่เคยยื่นใบลาออกแต่อย่างใด
3.กรณีที่ นายสมศักดิ์ ระบุว่า พรรคไม่เคยได้รับเงินบริจาคจาก นายสนธิ ลิ้มทองกุล จำนวน 3 ล้านบาทนั้น เป็นการแถลงข่าวโดยยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะพรรคการเมืองใหม่ยังเป็นหนี้ค้างค่าเช่ารายการ “ก้าวที่กล้า สู่การเมืองใหม่” และค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจการของพรรคทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี หนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการ และเว็บไซต์แมเนเจอร์ออนไลน์ ซึ่งพรรคยังไม่ได้จ่าย และหากมีข้อชวนสงสัย หัวหน้าพรรคก็ควรตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพราะพรรคได้ทำสัญญาค่าเช่าไว้ด้วย ที่สำคัญ กก.บห.พรรคต่างก็ทราบดีว่า นับตั้งแต่ นายสนธิ ลาออกจากหัวหน้าพรรค และ นายสมศักดิ์ ขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าแทนยอดบริจาคของประชาชนที่ให้กับพรรคก็แทบไม่มีเลย
4.ส่วนที่มีการกล่าวหาตนว่ายังเป็นหนี้พรรคอยู่ 6.5 แสนบาท เพราะยังไม่ชำระค่าบัตรดินเนอร์ทอล์คหรืองานระดมทุนของพรรค ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ปีที่แล้ว โดยข้อเท็จจริงนั้นตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 ที่มี กก.บห.หลายท่านยังไม่สามารถทวงค่าบัตรดินเนอร์ทอล์คได้ ในส่วนของผมคือยอด 6.5 แสนบาท หลังจากนั้นก็เริ่มได้เงินค่าบัตรมาเป็นระยะๆ บางคนก็นำบัตรมาคืนจนมีการตัดยอดของผมเหลือแค่ 1 แสนบาท ตามมติที่ประชุม กก.บห. ซึ่งตนต้องรับผิดชอบแทนผู้ที่ซื้อบัตรไปแต่ได้นำบัตรมาคืน (รายละเอียดเอกสารหลักฐานดูได้ที่ www.facebook.com/suriyasai)
“ฉะนั้น การระบุว่า ผมยังค้างหนี้พรรคอยู่ 6.5 แสนบาทนั้น จึงเป็นการยกเอายอดหนี้ค้างตั้งแต่ปีที่แล้วซึ่งได้มีการจัดการไปแล้ว ขึ้นมากล่าวหาเพื่อทำลายความชอบธรรมของผม ทั้งที่นายสมศักดิ์ และกรรมการบริหารพรรคก็ทราบดีว่างานระดมทุนพรรคครั้งนั้น ผมสามารถจำหน่ายบัตรได้มากกว่าคนอื่น กรรมการบริหารบางท่านไม่ได้ช่วยขายเลยแม้แต่ใบเดียว ผมและพรรคก็ไม่ติดใจเพราะเราทำงานโดยยึดถือความเสียสละและคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละคน นอกจากนี้ กก.บห.พรรคทราบดีว่าผมได้ใช้เงินที่กู้ยืมส่วนตัวมาสำรองจ่ายให้กับพรรคเป็นระยะๆ เกือบ 2 ล้านบาท ผอ.พรรค และเจ้าหนี้พรรคทราบเรื่องนี้ดีเพราะทุกอย่างมีเอกสารหลักฐานรองรับ” นายสุริยะใส กล่าว
5.สำหรับจุดยืนตนต่อสถานการณ์ปัญหาในพรรคนั้น ตน และ กก.บห.10 คนยังยืนยันที่จะคัดค้านความพยายามของ กก.บห.บางคน และ สาขาบางสาขา ที่ไม่เคารพเสียงของสมาชิกพรรคจนถึงที่สุด โดยเฉพาะการพยายามของกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่มที่หวังใช้พรรคการเมืองใหม่ เป็นเครื่องมือเพื่อเผชิญหน้า และกล่าวหาโจมตีการเคลื่อนไหวของพี่น้องพันธมิตรฯ และทำลายความชอบธรรมของการรณรงค์โหวตโน ขบวนการนี้ถือเป็นไส้ติ่งของพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ต้องต่อต้านและกำจัดออกไปให้ถึงที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น