++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทำอย่างไรหากขึ้นTAXIแล้วเกิดอาการมึนงง -Byหมอแมว

มีกระทู้หรือคำถามที่คนถามกันมาเกี่ยวกับเรื่องยาป้ายยาสลบในแท๊กซี่ ยาป้ายยาสั่งที่ทำให้คนหลับ
วันนี้จะมาขอเล่าประสบการณ์ของตนเองครับ เกี่ยวกับประสบการณ์อาการหลับแบบไม่รู้ตัวในรถแท็กซี่
เหตุการณ์จริง เกิดเมื่อ 6 สค. 2549 ครับ ... แจ้งรายการวิทยุรายการหนึ่งไปด้วย

ผมนั่งแท๊กซี่ขึ้นจากบางขุนนนท์ เพื่อจะไปหมอชิต
เมื่อขึ้นไปแท๊กซี่มีท่าทีแปลกๆ ลุกลี้ลุกลนตลอดเวลา
ระหว่างทาง คนขับควักยาดมมาสูดตลอดเวลา ย้ำว่าตลอดเวลา คาจมูก...
ขับไปจะกดแตรแบบไม่มีเหตุผล หันซ้ายหันขวาบ่อยๆ
ช่วงไปสะพานพระราม7 ขับเลนขวาสุด ความเร็ว40km/h .... เราก็เร่งบอกว่ากำลังรีบ คนขับก็เงียบ
... พอขึ้นสะพานพระราม7เป็นทางตรงระยะหนึ่ง ได้ยินเสียงกรนสองครอก...ก่อนที่จู่ๆก็เกิดหักซ้ายกระทันหัน...จากเลนขวาสุด ปาดเข้าเลนซ้ายสุด(ชนอะไรไม่รู้นิดนึง) ก่อนที่คนขับ

จะหักกลับเข้ามาก่อนบ่นว่า "ถนนไม่ดี"

... มาถึงหมอชิตด้วยใจระทึก

จากนั้นแจ้งรายการวิทยุรายการหนึ่งไปเพราะเกรงว่าคนขับขับออกไปแล้วอาจจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ทางนั้นบอกว่าต้องแจ้งทางอื่น
ไม่รู้ว่าวันนี้ลุงแท๊กซี่คนนั้นยังอยู่ดีหรือเปล่า





ครับ วันนี้ผมจะมาคุยกันแบบกึ่งๆวิทยาศาสตร์ในเรื่องอาการแปลกๆที่เกิดขึ้น ระหว่างนั่งรถแท๊กซี่ครับ เกิดจากอะไรได้บ้าง และเราจะทำอะไรได้บ้าง

อาการที่ว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง

1. Carbon monoxide Poisoning
อาการ ที่พบได้บ่อยเวลาหลายๆคนขึ้นรถแท๊กซี่ก็คือ เมื่อขึ้นไปแล้วเกิดอาการเวียนหัวมึนงง อยากจะหลับ พยายามฝืนลืมตาให้ตื่นขึ้นก็แล้ว แต่ว่าก็จะไม่ไหว ... หลังจากลงจากรถมาแล้วก็มึนๆงงๆ จำเหตุการณ์ไม่ค่อยชัดเจน
ไม่ว่าอาการ เวียนหัว งง ง่วง คลื่นไส้อาเจียน จำเหตุการณ์ไม่ได้ จำหน้าตาคนขับหรือทะเบียนรถไม่ได้ และ หลับไปเป็นวันๆ ...

อาการเหล่านี้เข้าได้กับอาการ "ถูกพิษของคาร์บอนมอนออกไซด์" ครับ

ซึ่ง ก๊าซตัวนี้เกิดได้จากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์รถคันนั้นและ เกิดการรั่วซึมเข้ามาทางใดทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อก๊าซตัวนี้เข้าไปจับกับเม็ดเลือดแดง ก็จะก่อเกิดสารที่เรียกว่า COHb (carboxyhemoglobin ) ทำให้เม็ดเลือดนั้นขนส่งออกซิเจนไม่ได้ ร่างกายก็จะเกิดอาการของการขาดออกซิเจนขึ้นโดยอาการจะไปเกิดที่สมองเป็น อาการดังที่กล่าวมาครับ

ในคนปกติในสังคมทั่วไป มีค่า COHb ได้ที่ 1-2% ครับ ส่วนในคนที่สัมผัสกับคาร์บอนมอนออกไซด์บ่อยๆเช่นคนที่สูบบุหรี่ ตำรวจจราจร หรือ คนขับรถที่มีรูรั่ว อาจจะมีค่า COHbได้สูงถึง 10%

ข้อสงสัยแรก : รถแท๊กซี่ก็ดูดี ไม่น่ามีรั่วนะ
คำตอบ : การรั่วไม่รั่วต้องตรวจสอบครับ เพราะสารนี้ไม่มีกลิ่นไม่มีสี ถ้ามีรูรั่วเยอะๆนั่งรถแป็บเดียวได้กลิ่นควันเสีย คนขับรถคงรู้ตัวและเอาไปซ่อมแล้ว ... แต่ถ้าหากการรั่วเกิดขึ้นช้าๆน้อยๆในระดับที่เราไม่ได้กลิ่นไอเสียตัวอื่นๆ ร่วมกับเรานั่งรถเป็นระยะทางไกลๆ นั่นจะทำให้เกิดอาการครับ

ข้อสงสัยสอง : ทำไมคนขับไม่เป็นแต่เราเป็น
คำตอบ : จริงๆควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วครับ เพราะเค้าขับทุกๆวัน ดังนั้นหากเค้าได้รับคาร์บอนมอนออกไซด์ติดต่อกันเป็นเวลานานร่างกายก็จะมี การปรับตัวช้าๆ โดยการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากเราเอาเลือดคนขับรถที่มีการรั่วของก๊าซนี้ไปตรวจ ก็จะพบว่ามีระดับของ COHb สูงร่วมกับมีความเข้มข้นของเลือดสูงกว่าปกติ

การแก้ไขหรือจัดการ ดูข้างล่างครับ


2. เมารถ : กลิ่น อาหาร นอนไม่พอ
อาการเมารถ หรือ Motion Sickness เป็นอาการที่เกิดจากการที่ระบบประสาทที่ควบคุมการทรงตัวทำงานไม่สัมพันธ์กัน ครับ ซึ่งระบบการทรงตัวของคนเราจะประกอบไปด้วย
" ดวงตา - เส้นประสาทที่กล้ามเนื้อ - ระบบประสาทในหู - สมอง "





ในการนั่งรถ เรารับรู้ว่ารถเคลื่อนตัวโดย ตาเรามองเห็นว่าเราเคลื่อนไปในทิศทางไหน ระบบประสาทกล้ามเนื้อเรารับรู้ว่าเรานั่งยังไงเอนซ้ายขวาแบบไหน ระบบประสาทในหูบอกว่าเรานั่งในมุมใดองศาใด สุดท้าย สมองของเราจะบอกประมวลผลว่าเราไปในทิศแบบไหน
ตัวอย่างกรณีที่เราจะมึนงงเมารถได้ง่ายขึ้นคือ

- เราไม่ใช่คนขับ : การที่เราไม่ใช่คนขับทำให้เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะเคลื่อนต่อไปอย่าง ไร กล้ามเนื้อและดวงตาจึงปรับตัวไม่ทัน ... ส่วนคนขับเค้ารู้ตัวล่วงหน้าก่อนว่ารถจะวิ่งไปมาแบบไหน ดังนั้นจึงไม่งง

- คนขับขับเร่งและเบรกไม่ดี : พวกเบรกกระตุก ออกตัวแรง เล่นคลัทช์ วิ่งฉวัดเฉวียน ทำให้ดวงตาซึ่งกำลังมองไปทางด้านหน้าปรับไม่ทัน รถก็กระชากไปทางซ้าย กล้ามเนื้อและหูบอกว่าไปทางซ้ายแต่ตายังมองตรง พอส่งสัญญาณไปสมอง สมองก็แปลผลผิด เกิดอาการงง

- กระจกรถฝ้าหมอกมัว : กระจกที่มัวจะทำให้ตาของเราโฟกัสตำแหน่งการมองไม่ได้ ดังนั้นสัญญาณจากตาที่ไปสมองก็จะผิดปกติไป

- สิ่งรบกวนหรือสิ่งที่ทำให้เราอาเจียนเวียนหัวง่ายขึ้น ไม่ว่ากลิ่นในรถที่เหม็น / เสียงรบกวนของเครื่องยนต์ / อาหารที่เรากินก่อนขึ้นรถ (กินมากไปหรือกินอาหารมันๆ) / รายการวิทยุการเมืองที่ด่าเสียงสูงๆดังๆ ... ของพวกนี้ก็ทำให้เราอาเจียนเวียนหัวได้ง่ายขึ้น
อ้อ อีกอย่างครับ ... บางคนอดนอนมาหลายๆวัน พอมาขึ้นรถเบาะนุ่มๆก็หลับครับ

3. เจอยานอนหลับ
บางคนมีความรู้สึกว่างุนงงง่วงนอนจริงๆ และสงสัยว่าเกิดจากยานอนหลับ
มาวิเคราะห์สั้นๆครับ
- ยานอนหลับแบบฟุ้งกระจายหรือระเหย ... พวกนี้คนจะใช้คงต้องระวัง เพราะว่าถ้าวางไว้ในรถแล้วตัวเองย่อมโดนไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีที่บอกว่าเปิดกระจก / หันแอร์ไปทางคนนั่ง / หรือว่าออกจากรถไปฉี่ ... ของพวกนี้ไม่แน่นอนและมีการพูดในเชิงวิทยาศาสตร์มานานแล้วว่าเป็นไปไม่ได้

- ยานอนหลับแบบกิน ... มีบางคนชอบพูดถึงยานอนหลับ พวกโรฮิปนอล ดอร์มิคุม ของพวกนี้ก็ไม่ได้หากันง่ายๆและต้องใช้ในรูปกิน (บางคนชอบบอกว่าแท๊กซี่ละลายยาพวกนี้ในน้ำแล้วเอาไปป้ายที่ช่องแอร์หรือพ่น ใส่ผิวหนัง ... โอ้ว ฉีกตำรายาเขวี้ยงทิ้งไปเลย) ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้รับของมากินจากแท๊กซี่คุณก็ไม่น่าจะเจอยานอนหลับได้ครับ
กรณี ที่เป็นไปได้ที่คุณคือ คุณไปกินอาหารหรือน้ำแล้วไปเจอแก๊งค์ที่หย่อนยานอนหลับลงแก้วน้ำหรืออาหาร แล้วบังเอิญคุณหลุดจากพวกมันมาขึ้นแท๊กซี่พอดีครับ .... กรณีนี้เจอได้ง่ายกว่าและเป็นไปได้กว่าเป็นไหนๆครับ

ถ้าจะคิดในแง่ ทางเศรษฐศาสตร์นะครับ ถ้ามียาพวกนี้จริง ราคาต้องแพงมาก โอกาสที่ใช้แล้วผู้โดยสารมีเงินน้อยกว่าก็มีมาก (ไม่คุ้ม) , หรือจะเอาไปข่มขืนสาวๆก็ไม่คุ้ม เพราะราคายาพวกนี้แพงกว่าไปลงอ่างเป็นไหนๆ

ต่อไปจะเป็นข้อควรทำเมื่อเกิดอาการแปลกๆบนรถครับ เป็นวิธีที่ผมเห็นว่าเป็นวิทยาศาสตร์และไม่เกินเลยความจริงครับ .....

เพราะเรื่องพวกนี้ เราควรจะทำอะไรบางอย่าง
แต่เราควรจะทำให้อยู่ในแนวทางที่สมเหตุสมผล ... ไม่ใช่ตื่นตระหนกจนเกินขอบเขตครับ



สิ่งที่ควรทำ "ก่อน" จะขึ้นTaxi
1. ก่อนออกจากบ้านควรบอกคนที่บ้านว่าจะเดินทางไปไหน
2. ควรรู้ว่าระหว่างทางจากบ้านไปยังที่ทำงานหรือสถานที่ที่ไปประจำมี "สถานีตำรวจ" และ "โรงพยาบาล" ไหนบ้าง
3. ควรรู้ว่าเส้นทางที่เราจะไปเรียกว่าอะไร
ที่ จริงควรจะพอรู้ๆไว้บ้างนะครับ เพราะเราจะเดินทางไปไหนมาไหน คนที่บ้านย่อมเป็นห่วง ถ้าระหว่างการเดินทางเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาหรือว่ามีคนในบ้านที่ไปทำงานแล้ว หายไป อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าจะติดต่อสถานีตำรวจหรือโรงพยาบาลไหนว่ามี อุบัติเหตุกับคนชื่อนี้บ้างหรือเปล่า
อีกประการนึง หากเราเกิดการสงสัยในความน่าเชื่อใจของTAXI แล้วยกโทรศัพท์มาคุย ... การที่เราบอกตำแหน่งเราได้ ย่อมฟังดูไม่เป็น "หมู" ให้เคี้ยวเล่นเหมือนคนที่บอกว่า "ไม่รู้ว่าอยู่ไหน"
4. ถ้ารู้สึกว่าแปลกๆตั้งแต่แรก อย่าเรียกแท๊กซี่ที่หน้าร้านนั้น ... เช่น สงสัยว่าโดนวางยาและกินอาหารนั้นไปแล้ว ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือเลย ... มิฉะนั้นถ้ายังอยากขึ้นแท๊กซี่ ก็เลือกที่ที่ห่างออกไปเช่นฝั่งตรงข้าม
(ข้อ 4 ในกรณีที่นอยด์มาก กลัวว่าแท๊กซี่ร่วมมือกับแก๊งค์ตกทอง)




สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้สึกบนรถว่าแปลกๆไม่น่าไว้ใจ
บาง คนกลัวว่าการกระทำบางอย่างบนรถแท๊กซี่ของเรา อาจจะทำให้คนขับเค้าไม่พอใจว่าเราไปมองเค้าเป็นโจร ... แต่เท่าที่ลองสอบถามมา คนขับแท๊กซี่ส่วนใหญ่จะกลัวผู้โดยสารมากกว่า และถ้าเรามีท่าทางไม่ค่อยวางใจแท๊กซี่ แท๊กซี่บางคนอาจจะรู้สึกอุ่นใจว่าเราไม่น่าจะใช่โจร
ดังนั้นบางอย่างก็ไม่ต้องอายครับ ทำได้โดยเลือกวิธีพูดวิธีทำสักนิดไม่ให้น่าเกลียด

1. โทรบอกคนที่บ้านให้ออกมารับ
ก่อน โทรมองสภาพแวดล้อมหาจุดหาตำแหน่งก่อน เมื่อโทรแล้วก็บอกไปเลยว่า ตอนนี้เราอยู่ตรงไหน (ทำเป็นชำนาญในเส้นทาง...จริงๆอาจจะเพิ่งมองป้ายตะกี้เอง)
บอกให้คนที่บ้านออกมารับ(หรือถ้าไม่อยู่บ้านก็เนียนๆไป แต่เปิดเสียงเบาๆหน่อยแล้วกัน)
บอกอาการที่เป็น
บอก สีรถ และป้ายทะเบียนไป ... บอกปลายสายไปด้วยว่าสาเหตุที่เราบอก เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นคันนี้ จะได้รับถูกคัน (จริงๆเราบอกเพราะไม่ไว้ใจต่างหาก)
ตัวอย่าง
"ฮัลโหล พี่เอ ตอนนี้น้องตามาถึงแยกสะพานควายตรงหน้าโรงแรมสุดาแล้วนะ เดี๋ยวพี่เอมารับหน้าปากซอยหน่อยนะพอดีน้องตางงๆหัว ... แท๊กซี่สีเขียวเหลือง ป้ายทะเบียน AS-1234 กรุงเทพ"
วันนี้ควรไปตกลงกับคนที่บ้านหรือคนใกล้ตัวครับ ... ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้ใส่ใจนิดนึง ถือว่ามีเรื่องผิดปกติแล้ว


2. ให้จอดรถขอลงเมื่อเห็นว่าไม่น่าไว้ใจ
ไม่ ว่าคุณจะง่วง งง เมารถ หรืออะไรก็ตาม และรู้สึกว่าคนขับที่นั่งใกล้ๆไม่น่าไว้ใจ ก็ให้เล็งๆจุดที่จะลงไว้ โดยอาจจะเป็นจุดที่มีคนพลุกพล่าน ใกล้โรงพยาบาล หรือว่าเห็นตำรวจกำลังโบกรถอยู่ ... เมื่อเห็นจุดที่ต้องการแล้ว ก็ให้บอกแท๊กซี่ให้จอดและอย่าลืม "จ่ายเงินค่าโดยสาร" ครับ
แท๊กซี่ตามปกติเห็นคุณจะลงก่อนถึงที่หมายและมีเงินในมือ ต้องจอดอย่างแน่นอน ... ถ้าไม่จอดมักจะผิดปกติ
ถึงตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมครับทำไมให้ขอลงในที่ที่มีคนพลุกพล่าน
ก่อนลงอย่าลืมจดหรือจำป้ายทะเบียนรถ/สีรถไว้ด้วย


3. ถ้าอาการมันดูแปลกๆให้ขอความช่วยเหลือแล้วไปโรงพยาบาล
ถ้าคุณลงมาจากรถด้วยอาการที่มึนงงมาก ง่วงจัด หรืออาการผิดปกติอย่างชัดเจน ถ้าไปต่อไหว ให้เปลี่ยนTaxiแล้วไปต่อยังโรงพยาบาลใกล้ๆ
ถ้าคุณคิดว่าเดินทางต่อไม่ไหว ให้ไปหาตำรวจจราจรแถวนั้น ขอให้เขาช่วยเหลือ ...
ถ้าไม่ไหวจริงๆให้หาร้านสะดวกซื้อ หรือร้านค้า บอกให้เค้าตามตำรวจหรือรถพยาบาล โดยคุณเองก็อาจจะโทรบอก191เองด้วย
จริงๆ ถ้าเป็นไปได้ผมแนะนำให้หาตำรวจมากกว่า ... เพราะว่ากันตามจริงคนที่เค้าไม่รู้จักคุณ เค้าก็ไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นแก๊งค์ต้มตุ๋นจะมาหลอกเค้าหรือเปล่า


4. ถ้าสงสัยว่าโดนวางยาไม่ว่าจากไหน ก็แจ้งความด้วย
ถ้าสมมุติว่าคุณสงสัยมากๆว่าจะโดนวางยานอนหลับระหว่างไปกินอาหารนอกบ้าน เมื่อตำรวจพาไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ก็บอกหมอว่าสงสัยอะไรยังไง
เรื่อง การตรวจหาสารพวกนี้เป็นประเด็นทางกฎหมายครับ ... ปกติต้องมีตำรวจร่วมด้วย ต้องมีการแจ้งความ ถ้าคุณดุ่มๆเข้าไปแล้วบอกว่าจะขอตรวจ ต่อให้จ่ายเงินเองหมอก็มักจะไม่ตรวจให้ ...

5. โทรแจ้งตำรวจหรือรายการวิทยุ
บาง คนอาจจะมองว่าเกินไปหรือตื่นตูม ... ซึ่งก็แล้วแต่เหตุการณ์ครับ แต่การแจ้งผมว่ามีประโยชน์ เพราะ ถ้าหากรถแท๊กซี่คันดังกล่าวมีการแจ้งว่าผิดปกติบ่อยครั้ง ก็จะเกิดการตรวจสอบ
เผลอๆอาจจะเจอว่าแท๊กซี่คันนั้นรั่ว มีก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์รั่วก็ได้ และคุณอาจจะได้รับการสดุดีในรายการวิทยุของแท๊กซี่ว่าได้ช่วยชีวิตคนขับรถ ไว้คนนึงhaha

สรุป
สิ่งที่ควรทำ
- วางแผนในครอบครัวเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
ไม่ ใช่แค่เรื่องนี้ครับ ... รวมไปถึงเรื่องคนในบ้านหาย ไฟไหม้ ภัยพิบัติ รถชน รถตกน้ำ โจรขึ้นบ้าน ฯลฯ ... ของพวกนี้ควรจะทำทุกบ้านครับ ไม่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด
อย่างน้อยตอนไปอยู่บ้านปู่ ปู่ผมก็ซ้อมแผน ... เคยใช้ครั้งนึงตอนที่ไฟไหม้ในซอยหลังบ้าน (แต่ที่ซ้อมแผ่นดินไหว หวังว่าคงไม่ได้ใช้นะ)
- อย่าลืมการจดเบอร์ทะเบียนรถ และสีรถ
- ทำความรู้จักเส้นทางประจำของคุณ และเส้นทางเลี่ยงอื่นๆ (เผื่อวันไหนรถติดTaxiพาไปทางอื่นแล้วบอกว่าทางลัด)
- เมมเบอร์บ้านในชื่อ "บ้าน" เผื่อนอนสลบไสลไม่ได้สติสมประดี ตำรวจหรือพยาบาลจะได้โทรไปบอกที่บ้านได้ (ถ้าอยู่คนเดียว ก็เมมเบอร์ "แม่" "พ่อ")

เบอร์โทรที่ควรรู้และพกไว้
1644 สวพ. 91 รายการวิทยุจราจร
1137 จส.100 รายการวิทยุจราจร
1669 ศูนย์สั่งการระบบรถโรงพยาบาล ... เอาไว้โทรเวลาตามรถโรงพยาบาล (ต้องบอกชื่อ ที่อยู่ สถานที่เกิดเหตุ)
xxxxxxxx เบอร์โทรโรงพักในละแวกบ้าน (สถานีเดียวก็พอมั้งครับ นอกนั้นใช้191)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น