อาจารย์บันไก ได้เปิดสอนวิปัสสนากรรมฐาน ขึ้นที่วัดของท่าน เนื่องจากท่านเป็นอาจารย์เซ็น
ที่มีชื่อเสียง จึงมีนักศึกษามาจากทั่วสารทิศในประเทศญี่ปุ่น เข้ามารับการศึกษาเป็นจานวนมาก ใน
จานวนนักศึกษาที่มาศึกษานั้น มีผู้หนึ่งชอบประพฤติตัวเป็นขโมย ชอบขโมยทรัพย์สินของนักศึกษา
ด้วยกัน วันหนึ่งถูกจับได้พวกนักศึกษาโกรธแค้นมาก จึงนาเรื่องไปฟ้องร้องท่านอาจารย์บันไก แต่
ท่านก็กลับนิ่งเฉย ต่อมา นักศึกษาผู้นั้นก็ทาการขโมยของ และถูกจับได้อีก พวกนักศึกษาจึงพากัน
ไปกล่าวโทษอีก แต่ท่านอาจารย์กลับทาเป็นไม่สนใจ คราวนี้พวกนักศึกษาโกรธมาก จึงยื่นคาขาด
กับท่านอาจารย์บันไกว่า หากท่านอาจารย์ยังไม่ยอมชาระโทษหัวขโมยให้อีก พวกตนจะพากันออก
จากสานักทั้งหมด เมื่อท่านอาจารย์บันไกได้อ่านคาฟ้องแล้ว ท่านก็ให้เรียกประชุมบรรดานักศึกษา
ทั้งหลาย และกล่าวว่า
"พวกเธอทั้งหลายที่ลงชื่อในหนังสือฟ้องร้องนี้ นับว่าเป็นคนฉลาดมาก เพราะเธอต่างก็รู้ว่า
อะไรถูกอะไรผิด อะไรควรทาอะไรควรละเว้น หากพวกเธอประสงค์จะออกจากสานักฉันไปศึกษาต่อที่
อื่นฉันก็ยินดี ให้เธอไปได้ตามแต่ใจปรารถนา แต่เจ้าเพื่อนขี้ขโมยที่น่าสงสารของเธอคนนี้ เขายังโง่
เขลามาก ยังไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ถ้าหากฉันไม่สอนเขาแล้ว ใครล่ะจะเป็นผู้สอน เธอทั้งหลายจง
เห็นใจเถิดที่ฉันต้องให้เขาอยู่กับฉันต่อไป"
พอท่านอาจารย์กล่าวจบลง นักศึกษาหัวขโมยก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็กลับตัวเป็นคนดีไม่มีนิสัยชอบขโมยของอีกเลย ท่านอาจารย์คงได้พิจารณาดู
แล้วว่า นักศึกษาหัวขโมยยังคงพอจะโปรดได้แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ ท่านอาจจะต้องใช้วิธีตรงกันข้ามก็ได้
คัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น