++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่าคือกิเลส!

รักแท้ในความรู้สึกของคนทั่วไป หมายถึงรักจริงหวังแต่ง แต่งแล้วอยู่กันยืดจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ที่สำคัญคือต้องมีความสุขกับการอยู่ร่วมกัน ไม่รังเกียจกันเลยตั้งแต่ต้นจนปลาย ทั้งนี้เพราะรักแบบชายหญิงหมายถึงความรู้สึกยินดีในอีกฝ่าย ส่วนคำว่า ‘แท้’ หรือ ‘จริง’ นั้นหมายถึงยืนยงคงกระพันไม่กลับเปลี่ยนเป็นอื่น

ที่กล่าวได้เต็มปากเต็มคำว่ารักแท้มีจริง ก็เพราะเมื่อกวาดตามองบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ตามงานศพคนชรา คุณสามารถหาตัวอย่างคู่ครองที่เข้าข่ายข้างต้นได้ไม่ยากจนเกินไป แต่ถ้าพยายามถามไถ่ว่าทำไมจึงมีรักแท้เช่นนั้นได้ ก็อาจพบว่าพวกท่านใช่จะตอบให้คุณหายสงสัยง่ายๆ

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อแอบขุดคุ้ยเอาความจริงแบบเปิดอก ฝ่ายชายอาจบอกว่าฝ่ายหญิงเหมือนเทพธิดาในฝัน อยู่ใกล้แล้วทำให้รู้สึกแสนดีอย่างประหลาด และความรู้สึกแสนดีนั้นก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพร่างกายเลย กลับจะดีขึ้นทุกวันเสียอีก

ส่วนฝ่ายหญิงอาจเปิดอกในอีกห้องหนึ่ง ว่าอันที่จริงแล้วฝ่ายชายน่ารำคาญออกจะตาย เธอต้องปรับตัวเป็นสิบปีกว่าจะชินกับการอยู่ร่วมกับเขา แต่ความอบอุ่นและเสน่ห์จากฝ่ายชายก็มีพลังดึงดูดอย่างลึกลับ อย่างน้อยก็ไม่เคยทำให้เธออยากห่างเขาไป แม้จะเบื่อหน่ายระอิดระอากับความเป็นเขามิใช่น้อยก็ตาม

ลองถามคู่รักวัยชราที่อยู่กันมาหลายสิบปีให้ได้หลายๆคู่ แล้วคุณจะสับสนว่าเหตุผลของการอยู่กันได้ตลอดรอดฝั่งคืออะไรกันแน่ คำตอบอาจเป็นอะไรที่แม้แต่คู่แท้ก็นึกไม่ถึง หรือตอบถูกเพียงบางส่วน

เพื่อจับจุดให้ถูกว่ารักแท้เกิดจากอะไร ก็อย่าเริ่มมองสิ่งที่ไม่มีให้เห็น แต่ให้นับหนึ่งกันจากสิ่งที่จับต้องได้เสียก่อน ดังเช่นร่างกายอันเป็นพื้นยืนของการมีชีวิตมนุษย์ เริ่มต้นที่สุดเลยกายเปล่าๆไม่รู้จักความรัก ร่างกายรู้จักแต่ราคะ

หมายความว่าถ้าเอาร่างกายชายหญิงมาอยู่ใกล้กัน ความดึงดูดทางเพศจะเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครบงการ เพราะกายเป็นวัตถุทางเพศโดยตัวเอง มีพลังขับดันทางเพศในตนเอง ทำให้คุณเกิดสัญชาตญาณทางเพศเองโดยไม่ต้องเรียนรู้จากไหน ราวกับร่างกายเป็นวัตถุส่งพลังดึงดูดถึงกันได้ และพลังที่ว่านี้เองก็รบกวนจิตให้เกิดราคะกระสันอยาก กระทั่งต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามไปทำเรื่องบนเตียงในที่สุด

หากเป็นเหล่าสัตว์เดรัจฉานก็คงไม่ต้องมีพิธีรีตองกันมาก ถึงฤดูอยากเมื่อไรก็สมสู่กันให้เสร็จๆ ไม่ต้องเจรจากันมากความ ทว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่รู้สึกได้ว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องต่ำ เป็นเรื่องของสัญชาตญาณดิบ ไม่ใช่สำนึกรู้สึกอันประณีต มนุษย์จึงต้องสกัดกั้นตนเองมิให้ตกต่ำด้วยการมีเซ็กซ์ไม่เลือกหน้าแบบสัตว์

โดยธรรมชาติมนุษย์เป็นผู้มีใจสูง มนุษย์จึงต้องการแสดงให้เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์เห็นว่าตนมีจิตสำนึกมากพอจะควบ คุมสัญชาตญาณดิบ ยิ่งใครแสดงว่าควบคุมได้มากเพียงใด ใครๆก็จะยกย่องว่ามีจิตใจสูงส่งขึ้นเพียงนั้น แต่ถ้าไม่มีเอาเสียเลย ก็ถูกเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์หาว่า ‘ผิดปกติ’ เข้าให้อีกเหมือนกัน

ทางออกที่เหมาะสมคือ ‘มนุษย์ปกติ’ จะต้องมีความสามารถแปลงสัญชาตญาณดิบให้กลายเป็นจิตสำนึกที่สุกงอมแล้ว คือมีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับคู่ครองในที่ลับ ไม่มีใครรู้เห็นหรือได้สิทธิ์ร่วมสนุกด้วย

ธรรมเนียมของการมีคู่ครองในหมู่มนุษย์นั้น เป็นเรื่องของภาพลักษณ์อันสง่าผ่าเผย ก่อให้เกิดความรู้สึกอันประณีตและมีศักดิ์ศรี นับแต่การสู่ขอหญิงสาวจากเจ้าของเดิมคือพ่อแม่ ไปจนกระทั่งจัดทำพิธีหมั้นเพื่อเป็นสัญญาระหว่างครอบครัว แล้วลงเอยด้วยพิธีแต่งงานประกาศให้โลกรู้ว่าจะมีการส่งตัวเข้าเรือนหอในที่ สุด หาได้ฉุดกันมาหรือพากันหนีแต่อย่างใด

พูดให้สั้นที่สุด โดยศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เซ็กซ์ต้องถูกเก็บไว้ท้ายสุด ศักดิ์ศรีต้องนำมาข้างหน้าสุด แต่ที่สุดของที่สุดคือเริ่มต้นด้วยเซ็กซ์ และลงท้ายด้วยเซ็กซ์อยู่นั่นเอง

บางคนอาจเถียงว่าไม่จริงเลย ตนเองไม่ใช่คนชอบเซ็กซ์ การแสวงหาคู่ครองของตนเป็นไปเพื่อให้ได้เพื่อนแก้เหงาเท่านั้น แต่ถ้าถามกลับว่า ‘แล้วความเหงามันมาจากไหน? ทำไมต้องเอาเพศตรงข้ามมาเคียงกัน?’ อันนี้คงทำเอาคนเถียงอ้ำอึ้งและอ้อมแอ้มตอบทำนอง ‘ก็เพื่อให้เป็นไปตามธรรมชาติ’

ธรรมชาติคืออย่างไร? ธรรมชาติคือทุกคนต้องมีเพศประจำตน ไม่หญิงก็ชาย ความเป็นเพศหนึ่งๆนั่นแหละ คือที่มาของความรู้สึกขาด ต้องการคู่ประกบ ต้องการส่วนเติมเต็มที่หายไปของเพศตน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเพศ ก็ขอให้ทราบว่านับจากตรงนั้นแหละ ที่ตัวคุณถูกออกแบบให้เหงา และความเหงาจะเป็นตัวการบีบให้คุณคิดถึงการแสวงหาคู่ ส่วนจะเจอคู่แบบไหน เพศเดียวกันหรือตรงข้าม อันนี้ก็ต้องว่ากันไปตามชะตากรรม

สรุปคือก่อนมีความรักทุกคนมีราคะ ราคะเป็นของติดตัว ไม่ใช่สิ่งที่ต้องสร้างขึ้นภายหลัง รักแท้อาจมีจริงหรือไม่มีอยู่เลยยังต้องพิสูจน์หรือถกเถียงกัน แต่กิเลสราคะนี่ไม่ต้องพิสูจน์หรือถกเถียงที่ไหนให้เสียเวลา ทุกคนมีราคะหมด และสัญลักษณ์ของราคะก็คือการมีเพศนั่นเอง พอตายแล้วเกิดใหม่คุณอาจหลงลืมรักแท้ไปเสียสนิท แต่คุณจะไม่มีทางลืมราคะ ตราบเท่าที่ต้องอาศัยเพศชายหรือเพศหญิงเป็นเครื่องปรากฏในภพชาตินั้นๆ

และเมื่อความรักมีรากมาจากราคะ ความรักก็พังได้เพราะราคะเช่นกัน คู่รักจะเลิกกันก็ด้วยเหตุใหญ่สองประการ หนึ่งคือหมดความยินดีในคู่ของตน สองคือเกิดความยินดีในคนอื่นยิ่งกว่าคู่ของตน

รักแท้แม้ไม่จริงเท่ากิเลส แต่ก็สูงส่งเหนือกิเลสได้ ขอเพียงคุณเข้าใจและรู้วิธีสร้างความรักที่เป็นอิสระจากราคะ และเมื่อเป็นอิสระจากราคะก็ย่อมไม่พังเพราะราคะ กล่าวคือต่อให้คู่ของคุณหมดสมรรถภาพทางเพศ คุณก็จะยังคงรักเขาหรือเธอไม่เปลี่ยนแปลง หรือต่อให้ใครที่เลิศเลอกว่าคู่ของคุณผ่านเข้ามารบกวนจิตใจให้ไขว้เขว ในที่สุดคุณก็จะเห็นคู่ของคุณมีค่าเหนือกว่าอยู่ดี จะมีสัมพันธ์ทางเพศก็เฉพาะกับคู่ของคุณเพียงคนเดียว

โจทย์คือทำอย่างไรจะสร้างรักอันทรงพลังและมีอายุยืนให้เกิดขึ้น คำตอบคือเนื้อหาที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ครับ



ท้ายบท

หวังว่าบทนี้คงช่วยให้คุณตื่นจากฝันส่วนตัว ที่เอาแต่นึกว่ารักแท้ไม่มี หรือมีก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงส่งเกินเอื้อม เพราะแท้จริงความรักก็คือกิเลสดีๆนี่เอง

เมื่อคุณมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็ถึงเวลาพร้อมจะยอมเล่นตามเกมของความรัก โจทย์สำคัญข้อต่อไปคือรู้ให้ชัดว่าความรักเรียกร้องสิ่งใดเป็นอันดับแรก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น