++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"ประพันธ์" แจงแถลงการณ์อาเซียนตบหน้า "มาร์ค" ชี้ชัดแหลสุดๆ

วานนี้ (24 ก.พ.) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดินถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะเข้าประชุมสภาในวันนี้ ที่ดื้อดึงดันว่าไทยยังไม่เสียดินแดน แถมกล่าวหาว่าพันธมิตรฯอยู่ข้างเขมร และไล่ให้ไปอ่านคำแถลงการณ์ให้ดี

นายประพันธ์กล่าวว่า ดูลักษณะการพูดจา ดูกริยาวาจาของนายอภิสิทธิ์ อาการยกตนคิดว่าตัวเองแน่ พี่น้องและผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพ ช่วยดูอาการของนายอภิสิทธิ์ ว่าไม่ผิดไปจาก 27 ลักษณะที่ตนเคยพูดถึงเลย

ถ้าดูจากคำสัมภาษณ์ นายอภิสิทธิ์บอกปัดว่าไทยยังไม่เสียดินแดน แล้วให้เราไปอ่านแถลงการณ์ของอาเซียน อย่าเชื่อสิ่งที่เขมรพูด ขอถามนายอภิสิทธิ์ว่าเคยเอาแถลงการณ์ของอาเซียนมาอ่านให้ประชาชนฟังหรือไม่ โดยหน้าที่ของนายกฯทำไมต้องไล่ประชาชนไปอ่าน ในเมื่ออยากให้อ่านตนก็จะอ่านให้ฟังเหมือนกัน ให้รู้ว่านายกฯตอแหล เล่นสำบัดสำนวน คงนึกว่าเป็นคนเดียวหรือที่เข้าใจภาษาอังกฤษ

"แถลงการณ์ของประธานอาเซียนนี้ เป็นแถลงการณ์หลังการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2554 แถลงการณ์มีเนื้อความดังนี้ ตามคำเชิญของประธานสมาคมประชาชาติอาเซียน รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและตัวแทน เลขาธิการใหญ่อาเซียนได้เข้าร่วมประชุมด้วย การประชุมได้หารือพัฒนาการในภูมิภาคและนานาชาติ รวมถึงเหตุการณ์พรมแดนล่าสุดของไทย-กัมพูชา ในความเชื่อมโยงนี้ตามการสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษรก่อนหน้า อินโดนีเซียประธานอาเซียนได้อ่านสรุปต่อหน้ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและ ตัวแทน ในผลการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียไปยังพนมเปญและกรุงเทพ เมื่อวันที่ 7 - 8 ก.พ. 2011 ตลอดจนการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง 2011 รัฐมนตรีต่างประเทศไทย และกัมพูชา ก็ได้บรรยายสรุปเพิ่มเติม ให้กับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในกรณีมีปัญหาหลังการหารืออย่างกว้างขวางระหว่างกันของรัฐมนตรีต่างประเทศอา เซียนและตัวแทนยินดีและสนับสนุนการเน้นย้ำของประเทศกัมพูชาและประเทศไทย ในพันธะของทั้ง 2 ประเทศ ต่อหลักการณ์ที่มีอยู่ในสนธิสัญญา ไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกฎบัตรอาเซียน รวมทั้งการยุติความแตกต่างหรือข้อพิพาทด้วยวิถีทางสันติ และสละการคุกคาม หรือใช้กำลัง ตลอดจนหลักการณ์ที่มีอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ"นายประพันธ์ อ่านรายละเอียดของแถลงการณ์

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า เห็นหรือยัง ไทยและกัมพูชา ยอมสละหลักกการณ์ที่ตัวเองมีสิทธิตามกฎบัตรสหประชาชาติไปด้วยในการประชุม คราวนี้ ต่อมาเขายินดีการเข้าร่วมประชุมของกัมพูชา ประเทศไทย โดยให้มีอินโดนีเซียเข้าร่วม และใช้ความพยายามของฝ่ายหลังในนามของอาเซียน นายอภิสิทธิ์อ่านและแปลให้ประชาชนฟังสิถ้าไม่ตอแหล คำว่า Bi lateral ของคุณ ทวิภาคีของคุณมันอยู่ในนิยามนี้หรือเปล่า ในขณะแถลงการณ์บอกว่าการประชุมไม่ได้มีแค่ 2 ประเทศ มันมีผู้แทนของกลุ่มอาเซียนทั้งหมด มาร่วมประชุมด้วย แล้ว Bi lateral หมายความว่าอย่างไรมิสเตอร์ตอแหล

นอกจากนี้แถลงการณ์ยังอ้างถึงการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง สหประชาชาติ ต่อความพยายามของอาเซียนด้วย แสดงว่าที่อาเซียนมาใช้ความพยายามนี้ก็โดยการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่นคง อีกแรงหนึ่ง ซึ่งมี 5 ชาติใหญ่ และ 10 ประเทศไม่ถาวรอีก สนับสนุนและหนุนหลังอยู่อีกทอดหนึ่ง มัน Bi lateral อย่างไร

นายประพันธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้แถลงการณ์ระบุอีกว่า สนับสนุนพันธะของกัมพูชาและไทยตั้งแต่ 22 ก.พ. 2554 เป็นต้นไป ที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยอาวุธในอนาคต ดังที่สะท้อนในการเริ่มต้นหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างตัวแทนทางทหาร ของประเทศกัมพูชา และไทยครั้งล่าสุดเมื่อ 19 ก.พ.

เห็นหรือไม่เขาบอกสนับสนุนการที่พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ไปเจรจาหยุดยิง เขามาบรรจุในนี้แล้ว และการที่รัฐบาลไม่เคยคัดค้านในข้อแถลงนี้ แสดงว่ายอมรับใช่หรือไม่ แล้วที่มาอ้างว่าการเจรจาหยุดยิงไม่มีแค่การตกลงของลูกผู้ชายนี่ใครตอแหล นี่ไงเขาบันทึกไว้แล้ว ยังมาโกหกหน้าด้านๆอยู่ทำไม

ต่อมาเพื่อสนับสนุนการหลีกเลี่ยงการปะทะระหว่างกัน โดยสังเกตการณ์และรายงานผ่านอินโดนีเซีย ประธานอาเซียนปัจจุบัน นั้นหมายความว่าจะมีผู้มาสังเกตการณ์ทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลก็บอกว่าไม่เป็นไรจะได้มีคนมาบอกว่าใครยิงก่อน แสดงว่ารัฐบาลหมดเครดิตไม่มีปัญญาแก้ปัญหาของตัวเองแล้ว ทำไมต้องให้คนอื่นมาพูด พูดเองไม่เป็นหรืออย่างไร

นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ไทย กัมพูชา รือฟื้นการเจรจาทวิภาคี ผ่านกลไกที่มีอยู่ในโอกาสอันอำนวย พร้อมการเข้าร่วมอย่างเหมาะสมของอินโดนีเซีย สรุปแล้วต่อไปนี้คุณจะเจรจาทวิภาคีต้องมีอินโดนีเซียเข้าร่วมทุกครั้ง การประชุมในอนาคตในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนกัมพูชา ในการจัดทำหลักเขตแดนทางบก และการประชุมกรรมการชายแดนทั่วไป ในเวลาที่จะพิจารณาต่อไป นั่นตกลงคือเขารับรองเอ็มโอยู 43 โดยอาเซียนแล้ว ว่ากลไกเจบีซี กลไกคณะกรรมการปักปันเขตแดน และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ต้องปฏิบัติตามกรอบนั้น สรุปเขมรเอาเอ็มโอยู 43 โดยยืมมืออาเซียนมาครอบกบาลนายอภิสิทธิ์ให้อยู่ในกะลาเอ็มโอยูหนักต่อไปอีก ที่เราเรียกร้องให้เลิกเอ็มโอยู เพราะเป็นต้นตอในการเสียดินแดน นี่ไม่เลิกแล้วยังเสือกไปทำให้เหนียวแน่นเข้าไปอีก

สุดท้ายก็คือ ร้องขออินโดนีเซียให้คงความพยายามของอาเซียนในเรื่องนี้ สรุปแล้วก็คือความพยายามของอาเซียน และอินโดนีเซีย เป็นไปตามคำร้องขอของทั้ง 2 ประเทศ นี่ไม่ได้เป็นเรื่องที่อาเซียนเข้ามาเอง เป็นเรื่องที่คุณยินยอม ร้องขอให้เขาเข้ามา

นายประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า ที่นายอภิสิทธิ์ให้พวกเราไปอ่านแถลงการณ์นั้น ความจริงตามรัฐธรรมนูญนั้น ต้องพิมพ์แจกให้ประชาชนอ่านด้วยซ้ำไป แต่มาตอแหล ทำเป็นให้ไปอ่าน Bi lateral แปลว่าอะไร ไม่เคยสำนึก วันนี้ถ้าเห็นนายอภิสิทธิ์จะขอต่อยปากสักที เป็นไปได้อย่างไรมีการศึกษาขนาดนี้ พูดจาไม่มีสามัญสำนึกของความรับผิดชอบเลย คำสัมภาษณ์เต็มไปด้วยคำโกหกตอแหลทั้งสิ้น

คำค่อคำ “ประพันธ์ คูณมี” ปราศรัย

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่านครับ และกราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกท่านที่อยู่ทั่วโลก กราบสวัสดีด้วยความคารวะอย่างยิ่งครับ ขอเสียงปรบมือทักทายพี่น้องเราทุกท่าน ทั้งที่อยู่ที่นี่ และที่อยู่ทางบ้าน หรือรับชมอยู่ที่ต่างประเทศก็ตามแต่นะครับ ก็ต้องกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกท่านนะครับที่สนใจและติดตามการ ปราศรัยและการชุมนุมของพวกเรามาโดยตลอด ด้วยการรับฟังด้วยเหตุด้วยผล

พี่น้องครับ ผมได้มีโอกาสพบปะกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนเยอะมาก ขอเรียนตรงๆ ว่า หลังจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่เรารู้สึกช็อก หรือสะเทือนใจกับแถลงการณ์ของประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ หรือ อาเซียน และก็รู้สึกสะเทือนใจกับการตัดสินใจของรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ และรัฐมนตรีต่างประเทศของเรา ที่ซ้ำเติมต่อปัญหา การตอกย้ำให้เห็นว่าเราต้องเสียดินแดนและอธิปไตยไปอย่างแน่นอน ถ้ารัฐบาลยังไม่เปลี่ยนใจและยังยืนหยัดในแนวทางที่กำลังกระทำอยู่ในขณะนี้

แต่ในวันนี้ ปรากฏว่าหลังจากที่เราได้มีความพยายามและมีความอดทนในการที่จะให้เหตุผล ให้ข้อมูล ให้ข้อเท็จจริง และแสดงความจริงใจ ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย แผ่นดินจะมอดไหม้ลุกเป็นไฟ หรือความตายความเป็นใดๆ ก็ตามแต่ ไม่อาจขวางกั้นการยืนหยัดต่อสู้ของพวกเรา เพื่อทวงเอาแผ่นดินของเราคืนมา

มาถึงวันนี้ผมคิดว่าเราได้ก้าวพ้นความยากลำบาก ความหวาดวิตก ความกังวลใจใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว จะเป็นยังไงก็เป็นกัน ถ้าไม่ได้แผ่นดินของเราคืนมา ไม่มีวันเลิกราอย่างแน่นอนครับ และขอกราบยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่า ใครก็ตามที่ขวางภารกิจในการทวงแผ่นดินคืน มันคือศัตรูของชาติ ศัตรูของแผ่นดิน ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนก็ตามแต่ ผมคิดว่ามาถึงวันนี้ เรียกว่าไม่มีคำว่ากลัวใน DNA ของนายประพันธ์ คูณมี ก็แล้วกันครับ

พี่น้องครับ ผมรู้ว่าที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ และที่ผมพูดทุกวันนี้ มีคนเดือดร้อน มีคนไม่พอใจผม มีคนเคียดแค้นชิงชังผม แต่มันและบุคคลเหล่านั้นก็คือคนชั่ว คนโกง และคนขายชาติทั้งนั้น มีคนคิด มีคนพยายามที่จะสกัดขัดขวางไม่ให้ผมพูดความจริงกับพี่น้องประชาชน แต่ขอบอกมึง และมัน อี/ไอ้ทั้งหลาย ว่ากูไม่กลัวมึงก็แล้วกัน ชีวิตคนเรามันตายครั้งเดียว ไม่ตายหลายครั้ง ถ้ากูยังอยู่ มึงก็ไม่ควรจะอยู่ในแผ่นดินนี้ เอาเถอะ ผมรู้ว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรกันอยู่ แต่อย่าคิดว่าผมไม่รู้ และผมก็มีวิธีการที่จะรับมือกับมึงเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น พี่น้องครับ ผมมีความมั่นใจเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ในสิ่งที่เราทำอยู่ ณ ขณะนี้ ว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศให้กำลังใจ ให้ความเห็นใจ ให้ความเข้าใจ และสนับสนุนการต่อสู้ของพวกเราอย่างแน่นอนครับ

วันนี้คนที่เดือดร้อนคือคนที่คิดร้าย คิดชั่ว กับแผ่นดิน กับบ้านเมืองเท่านั้น และก็คือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เท่านั้น ไม่มีใครอื่นครับ ถ้าคนเป็นคนดี เป็นคนไทย เป็นคนที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง รักความถูกต้อง ยุติธรรม เขายืนหยัดเคียงข้าง และเห็นชอบด้วยกับสิ่งที่เราทำอยู่ เป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะฉะนั้นเราอย่าได้ไปหวั่นไหวและวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้นครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น

วันนี้มีการประชุมที่สภา รัฐบาลแถลงผลงานที่ดำเนินงานมาในรอบปี บังเอิญผมไม่ได้ฟัง ผมไปศาลกับ อ.ปานเทพ พี่สุวัตร เพื่อยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่ได้ออกโดยอาศัย พ.ร.บ.ความมั่นคง มาประกาศห้ามพวกเราเข้า-ออกในพื้นที่นี้ หรือใช้ยานพาหนะ หรือมาชุมนุมในที่นี่นั่นเอง อันเป็นการคุกคาม ขัดขวางการใช้สิทธิของเราตามรัฐธรรมนูญ คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ เราจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ของเราทางศาล เพื่อฟ้องบุคคลดังกล่าวต่อศาล และขอไต่สวนฉุกเฉิน ศาลได้รับคำฟ้องแล้ว และได้นัดไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่ง อ.ปานเทพ ได้เรียนให้พี่น้องทราบแล้ว ในวันที่ 28 วันจันทร์นี้ ศาลจะเปิดการไต่สวนตามคำฟ้องและคำร้องขอคุ้มครองของพวกเราครับ โดยผมก็จะไปเป็นพยาน ซึ่งเหตุผลในคำฟ้องก็คือการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครั้งนี้เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติ และจงใจที่จะใช้เฉพาะกับกลุ่มเรา โดยเป็นการกลั่นแกล้ง

การชุมนุมของคนอื่น การเข้า-ออกในพื้นที่ของคนอื่น เขาไม่ใช้อำนาจตามกฎหมาย และประกาศข้อกำหนดของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ประกอบกับเหตุที่จะเอามาอ้างประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ไม่มีเหตุที่จะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายครับ

เรื่องนี้ก็ต้องไปว่ากันและไปสู้กันในทางศาล เราไม่ได้วิตกกังวล จึงไม่ได้ฟังการแถลงของนายกฯ และฝ่ายค้าน แต่มีคนมาบอก มาเล่าให้ฟังว่า แกนนำเสื้อแดง สมาชิกพรรคฝ่ายค้านเพื่อไทย และพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่ เปิด ASTV ทุกวันครับพี่น้องครับ และรับฟังการปราศรัยของพวกเรา และก็ทราบว่าจตุพร น้องตู่ ความจริงแล้วเด็กคนนี้ก็เป็นเด็กที่ตามก้นพวกผมมาในการทำกิจกรรมตั้งแต่ใน สมัยมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่วันนี้เขาก็ยืนอยู่ในจุดทางการเมืองของเขา แต่ยังดีที่เขาก็ยังอภิปราย ปราศรัยในสภา ชื่นชมและเคารพในสปิริตของพวกเราและพวกผมว่า เราวิพากษ์วิจารณ์นายอภิสิทธิ์อย่างตรงไปตรงมา และให้ข้อมูล ให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องที่สุดครับ พี่น้อง เป็นข้อเท็จจริงที่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะพูดให้กับประชาชนฟังได้อย่างมี เหตุผลและมีน้ำหนักอย่างที่พวกเราทำ

ก็ดีแล้ว ที่น้องตู่และบรรดาแกนนำเสื้อแดงทั้งหลายเข้าใจการทำหน้าที่ของพวกผม คุณจะได้เข้าใจเสียทีว่าพวกผมไม่ใช่นั่งร้าน ไม่ใช่ซากศพ ไม่ใช่เลือดเนื้อวิญญาณที่จะให้นายอภิสิทธิ์เหยียบขึ้นไปสูงสุดในอำนาจอย่าง ฟรีๆ เปล่าๆ ใช่ไหมครับพี่น้อง

เราไม่ได้มาสู้ มาเจ็บ มาตาย มาเสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นมาและพา 5 พรรคการเมืองมาโกงบ้านกินเมืองและขายชาติอย่างแน่นอนครับ

และเมื่อนายอภิสิทธิ์เหยียบซากศพ เหยียบไหล่ เหยียบบ่า เหยียบหัวพี่น้องประชาชน ขึ้นไปสู่อำนาจได้ พวกเราก็จะเป็นผู้กระชากมันลงมาเอง พวกคุณอย่ายุ่งได้ไหม แกนนำเสื้อแดง อย่ายุ่งได้มั้ย อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ได้มั้ย ถ้าเข้าใจพวกเรา เพราะอะไร เพราะที่นายอภิสิทธิ์ยอมเปลืองตัวให้รองนายกฯ และใครต่อใครไปเบิกความเพื่อปล่อยพวกคุณออกมานั้น เพราะนายอภิสิทธิ์คิดว่าพวกคุณจะเป็นตัวช่วยทำให้คะแนนนิยมของนายอภิสิทธิ์ ดีขึ้น

เพราะฉะนั้น บรรดาพี่น้องเสื้อแดง หรือแกนนำเสื้อแดงทั้งหลาย สำหรับพี่น้องที่เป็นประชาชน ถ้าท่านอยากจะฟังข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์มันชั่วช้าเลวทราม บริหารบ้านเมืองวินาศฉิบหายอย่างไร ให้ฟังพวกเราบนเวทีนี้ แล้วเราจะพูดข้อมูลได้ดีกว่าแกนนำเสื้อแดงที่พูดให้ท่านฟังครับพี่น้องครับ

วันนี้ ถ้าผมอยู่ในสภา นายอภิสิทธิ์ต้องแหลกเป็นจุลครับ ไม่มีทางได้มาเผยอปาก ตีสำบัดสำนวนโวหาร ทำลีลาหรอก แต่เป็นเพราะว่าผู้อภิปรายฝ่ายค้าน หรือแกนนำเสื้อแดงบางคน ยังตีไม่ถูกจุดตายของนายอภิสิทธิ์เท่านั้นเองครับ ก็เลยทำให้เขาไปตีสำนวนโวหารได้ ถ้าคุณเอาข้อมูล ข้อเท็จจริงที่พวกเราพูดบนเวทีนี้ โดยคุณไม่ต้องอาย ไม่ต้องเขิน พูดไปเถอะ พวกผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซัดมันให้จมธรณีไปเลย

อย่าไปมัวสาละวนอยู่กับเรื่องนายทักษิณ อย่ามัวไปสาละวนอยู่กับเรื่องสัญชาติ 2 สัญชาติ มันไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือมันขายชาติ ขายแผ่นดิน ประเด็นหลักคือมันบริหารบ้านเมือง เศรษฐกิจล่มสลาย สินค้าแพง ขาดแคลน ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ประเด็นหลักคือ มันโกง ทุจริต โคตรโกงทั้งคณะรัฐบาล คุณทำไมไม่เอาข้อมูลไปเสียบให้มันตายอยู่กลางเวทีสภา ปล่อยให้มันเล่นลิ้นอยู่ได้ทำไม

ข้อมูลเรื่องโกง เรื่องทุจริต มีเยอะแยะ และจริงๆ เรื่องปราสาทพระวิหาร พรรคเพื่อไทยก็พูดได้เต็มปาก ว่าขนาดนพดล สมัคร แค่ไปเซ็นยอมรับแถลงการณ์ร่วม แล้วก็กินพื้นที่เข้ามานอกปราสาทพระวิหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยังจะเอาเป็นเอาตายกับพวกคุณเลย วันนี้มันขายชาติ ขายแผ่นดิน จนปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาไปหมดแล้ว ตลอดพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทำไมคุณไม่ล่อมันว่ามันพูดจากกลับกลอก ตระบัดสัตย์ โกหก ตอแหล ขายชาติ หนักยิ่งกว่าพวกคุณ ทำไมคุณไม่พูด

ข้อเท็จจริง ข้อมูล มีตั้งมากมาย คุณกลัวมันไปกระเทือนอะไรกับนายทักษิณ เจ้านายคุณ มันไม่กระเทือนเลย มันอาจจะทำให้คุณดูดีเสียอีกว่า อย่างน้อยกูก็ไม่ขายชาติมากเท่ากับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่ใช่เหรอ

เพราะฉะนั้นวันนี้ขอร้อง 1. พี่น้องเสื้อแดงที่ท่านเปิด ASTV อยู่ ถ้าท่านอยากรู้ความจริงว่ารัฐบาลนี้มันโคตรโกง ขายชาติ และบริหารบ้านเมืองล้มเหลวอย่างไร ให้ฟังพวกเรา ท่านจะได้ความรู้ และ 2. ถ้าแกนนำของท่านจะนำท่านไปสู้แต่เรื่องเดิมๆ ท่านก็ใช้วิจารญาณดูเอาเอง แต่ถ้าเป็นการสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อปากท้อง เพื่อความถูกต้อง เพื่อความเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ของชาติบ้านเมือง คุณก็มาร่วมได้ หรือตามเขาไปได้ แต่ต้องดูอย่างจำแนกแยกแยะเท่านั้นเอง

สำหรับเรื่องของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นั้น เป็นเรื่องที่พวกเรา ขอให้พวกเราเป็นหัวหอกในการจัดการกับไอ้รัฐบาลที่เนรคุณประชาชนดีกว่า

ที่ผมบอกว่าวันนี้เรามีกำลังใจมาก และไม่ต้องห่วงครับพี่น้อง ตอนท้ายผมจะบอกเองว่าเราจะชนะอย่างไร และเราจะจัดการกับรัฐบาลอภิสิทธิ์อย่างไร เรามีวิธีการ เราไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก เราไม่ใช่คนไร้สิ้นซึ่งสติปัญญา วันนี้นายอภิสิทธิ์ ผมบอกตรงๆ ครับ ปากสั่น ขาสั่น หน้าก็ซีดครับ ไอ้ที่ลอยหน้าลอยตาพูดอยู่ได้ขณะนี้ ก็เป็นร่างที่ไร้วิญญาณ ความจริงมันเป็นซากศพเดินได้ที่ตายไปทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียงของเขาไปหมดแล้ว ว่าเขาเป็นของปลอม เป็นคนที่ไม่มีความสามารถอะไร เป็นคนที่อยู่ได้ด้วยการโกหกหลอกลวง เป็นมายาภาพที่หลอกลวงต้มตุ๋นคุณ พูดง่ายๆ ก็เหมือนพระเอกละครน้ำเน่าคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมเบื้องหลังสกปรก แต่สามารถหลอกคนที่เป็นแฟนละครได้บางส่วนเท่านั้น วันหนึ่งถ้าเขารู้ความจริงว่าไอ้นี่มันเป็นพระเอกจอมปลอม เขาก็สะบัดก้นให้มันเท่านั้นเองครับ

เพื่อยืนยันว่าพี่น้องเราทั่วประเทศรอวันเวลาที่เราจะระดมพลครั้งใหญ่ จดหมายฉบับนี้ มาจากกระบี่ 21 กุมภาพันธ์ 54 เรียนคุณประพันธ์ คูณมี พวกเราส่งจดหมายมาเพื่อให้ชาวพันธมิตรฯ รู้ว่าเราไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แต่ด้วยภารกิจ ยังไม่สามารถมาร่วมได้ ขอให้คุณประพันธ์ยืนหยัดสู้ สู้นะคะ เป่านกหวีดเมื่อไร มาแน่ค่ะ พร้อมนี้ได้ฝากเช็กจำนวน 3,000 บาท มาเพื่อร่วมสู้ค่ะ จากโรงพยาบาลเขาพนม จ.กระบี่ ครับ นี่คนใต้นะครับ ปล.ไม่มีใครด่านายกฯ ได้สะใจเท่าคุณเลย ต้องรอดูทุกคืน ขอจัดหนักๆ

อันนี้ก็เหมือนกันครับ อันนี้มาจากกรุงเทพมหานคร ท่านเสนอความเห็นมาเรื่องว่า เราควรจะยื่น ส่งเรื่องให้ศาลตีความเรื่อง MOU 43 ว่าผิดรัฐธรรมนูญ ผมก็ได้กราบเรียนตอบไปเลยว่า เรื่องนี้พี่สุวัตร อภัยภักดิ์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองไปแล้ว ว่า MOU 43 และ JBC ร่างบันทึกความตกลง 3 ฉบับ ที่จะเข้าสภานั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญ เมื่อฟ้องไปที่ศาลปกครอง ศาลปกครองเห็นว่าเรื่องนี้ยังอยู่ในอำนาจของสภา และเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร ก็มีความเห็นไม่รับคำฟ้อง แต่ว่าเราก็ได้อุทธรณ์ พี่สุวัตรได้ทำการอุทธรณ์ไปแล้ว พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ส่งเรื่องนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า MOU 43 นั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ พี่น้องครับ เราดำเนินการอยู่ รอฟังคำสั่งนะครับ

ส่วนเรื่องที่ 2 ก็คือ วันนี้เดี๋ยวผมพูดให้ฟัง เรื่องแถลงการณ์ของประธานสมาคมประชาชาติอาเซียน ว่าแถลงการณ์อันนี้จะถือว่าเป็นผลอันเป็นการผูกพันและเป็นสัญญาที่ทำให้ ประเทศไทยต้องเสียดินแดนหรือไม่ การที่รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายกฯ และรัฐบาลไทยไปยอมรับแถลงการณ์อันนี้ จะเป็นการไม่ปฏิบัติต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ เป็นประเด็นใหม่ที่เราอาจจะหยิบยกขึ้นมาเพื่อศึกษาและไปยื่นต่อศาลรัฐ ธรรมนูญได้ครับ เพราะเรื่องนี้มีตัวอย่างคำแถลงเรื่อง Joint Communique ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นบรรทัดฐานอยู่แล้ว ย่อมผูกพันทุกองค์กรครับ

เมื่อวันนี้รัฐบาลไปยอมรับแถลงการณ์ของอาเซียน อาจจะมีผลเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับแถลงการณ์ Joint Communique ที่นายนพดลไปให้การรับรองได้ เรื่องนี้เรากำลังหารือเพื่อจะหาทางขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นกัน ซึ่งจะเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะหยุดยั้งการเสียดินแดนของประเทศไทย

ก็ถือโอกาสตอบจดหมายของท่านที่เขียนมานี้ไปเลยนะครับ ส่วนอีกท่านหนึ่งก็เขียนมา รู้สึกจะอยู่กรุงเทพฯ ว่าดิฉันและครอบครัวเป็นพันธมิตรฯ ที่เหนียวแน่น และรู้สึกเครียดกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ทำ ปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งโกง ทั้งไม่รักชาติ และทั้งโกง เป็นรัฐบาลที่ปล่อยให้เกิดการโกง การทุจริต แต่ท่านก็ยืนยันนะครับ ผมอ่านโดยสรุปก็คือ เมื่อไรที่จะมีการชุมนุมครั้งใหญ่ ท่านจะมาร่วมอย่างแน่นอน ขณะนี้ก็มาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่ฟังและติดตามพวกเราอยู่ตลอดเวลาครับ เป่านกหวีดเมื่อไร มาแน่ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เราต้องล้มแก๊งนักการเมืองทุกพรรคด้วย จากพันธมิตรฯ ลาดพร้าว อย่างนี้เป็นต้นนะครับ

ส่วนพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศไม่ต้องห่วงนะครับ ส่งข้อความมาเยอะแยะ ผมไม่มีเวลาอ่าน แต่ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ให้กำลังใจพวกเรา ไม่ได้ให้กำลังใจเฉพาะผม แต่ให้กำลังใจวิทยากรทุกคน และให้กำลังใจพี่น้องที่อยู่ที่นี่ทุกคนครับ ปรบมือครับ

เอาล่ะพี่น้อง ด้วยเวลา พยายามที่จะพูดโดยรวบรัดและให้ได้สาระมากที่สุด ผมคิดว่าวันนี้เรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ เรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนวันนี้ ก่อนเข้าประชุมสภา ซึ่ง อ.ปานเทพ ก็บอกว่ายังไม่มีเวลาได้ตอบโต้อธิบายชี้แจงโดยละเอียด ขอให้ผมช่วยสังคายนาและวิพากษ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้พี่น้องประชาชนดูหน่อย เพราะว่าใครวิพากษ์ก็คงจะไม่มันเท่ากับพี่ อ.ปานเทพ ก็เลยโยนฝากมาให้ผมวิพากษ์

ก่อนจะวิพากษ์ในเรื่องนั้น ผมอยากให้พี่น้องดูคลิปคำสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ด้วยกันก่อนครับ ว่านายอภิสิทธิ์วันนี้อยู่ในสถานะอย่างไร สติสัมปชัญญะปกติดีอยู่หรือไม่ และสมควรที่จะต้องส่งโรงพยาบาลตรวจสอบสุขภาพจิตหรือเปล่า เพราะฉะนั้นขอเชิญพี่น้องมาดูบทสัมภาษณ์การตอบคำถามของนายอภิสิทธิ์ร่วมกัน ก่อน สัก 2 นาทีเท่านั้นเองครับ แล้วผมจะได้ปุจฉา-วิสัชชนา นายอภิสิทธิ์ให้พี่น้องฟังครับ เชิญครับ

(VTR อภิสิทธิ์ : ผมก็ยังงงนะครับ เพราะกลุ่มนี้ก็รู้สึกเสียมาหลายรอบแล้วครับ เรื่องดินแดน จริงๆ แล้วมันน่าจะมีความชัดเจนด้วยซ้ำ ที่กล่าวหาว่าเสียดินแดนไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ร่างแถลงการณ์ของอาเซียนคงไม่มาพูดถึงดินแดนไทย นั่นอันที่ 1 อันที่ 2 เรื่องของการที่บอกว่า ไหนบอกว่าเป็นทวิภาคี แล้วใช่หรือไม่ใช่ ก็ต้องไปอ่านตัวแถลงการณ์ ถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ชัดเจน พูดถึงกลไกของทวิภาคี เพียงแต่อาเซียน หรือประธานของอาเซียน จะมาช่วยมีบทบาทสนับสนุนให้มันเกิดขึ้น เพราะถือว่าก็เป็นความรับผิดชอบที่ได้รับมาจากในส่วนที่ทางสหประชาชาติแสดง ความเป็นห่วงเป็นใย แล้วก็มากล่าวหาว่ารัฐบาลจะไปถอนทหาร หยุดยิง อะไรต่างๆ ก็จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอย่างนั้นนะครับ มีเรื่องแต่เพียงว่าเราก็มีหน้าที่ที่จะดูแลความสงบเรียบร้อย ชาวโลกเขาก็คาดหวังไม่ให้มีการปะทะกัน มาตรการที่เขาใช้ก็คือว่า เอาคนกลางมาอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง และก็เป็นคนที่เข้ามาโดยไม่ได้ติดอาวุธ มาดูซะว่าที่ทั้ง 2 ฝ่ายบอกว่าจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันทำได้จริงมั้ย แล้วผมก็คิดว่าการที่เราให้เข้ามา เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจของเรา เพราะว่าอยู่ทั้ง 2 ฝั่งก็ดี เวลายิงกันจะได้ทราบว่าฝ่ายไหนยิงก่อน

- ก็ต้องไปดูว่าในแถลงการณ์ของอาเซียน คำว่า bilateral มันแปลว่าอะไร

- ผมก็ไม่ทราบนะครับว่าทำไมถึงจะเอาต้องสิ่งที่กัมพูชาพูด ซึ่งเขาหวังผลที่จะมาใช้ในเชิงจิตวิทยา ในสังคมโลก ในอะไร แทนที่จะมาใช้แนวทางของคนไทย ทำไมถึงจะไปเชื่อข้อมูลของกัมพูชา ทำไมถึงจะไปคล้อยตามคำโฆษณา หรือคำประกาศของกัมพูชา อย่าไปทำอย่างนั้นเลยครับ มาอยู่กับฝั่งไทยดีกว่า)

พี่น้องดูสิครับ ดูลักษณะการพูด กิริยาวาจา สำบัดสำนวน ลีลา ท่าที อาการแสยะยิ้ม คำพูดคำจาที่ดูถูกคนอื่น และยกตน นึกว่าตัวเองแน่ พี่น้องครับ ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เคารพรักทุกท่านครับ ท่านช่วยดูพฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สิครับว่ามันเกินไปกว่าที่ผมพูดมั้ยครับ ผมบอกไปแล้วว่า 27 ลักษณะของนายอภิสิทธิ์นั้น เป็นสิ่งที่ผมเฝ้ามองมาหลายปีแล้ว ผมเพิ่งสกัดออกมาให้เห็น ว่านายคนนี้สันดานและธาตุแท้เป็นคนเช่นนี้ล่ะครับ

หนึ่งก็คือ ถ้าท่านดูจากคำสัมภาษณ์ เห็นไหมครับ นายอภิสิทธิ์บอกปัดว่าไทยยังไม่เสียดินแดน แล้วบอกให้เราไปอ่านแถลงการณ์ของอาเซียน อย่าไปเชื่อสิ่งที่เขมร หรือกัมพูชามาพูด ถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณเคยเอาแถลงการณ์ของอาเซียนมาอ่านให้ประชาชนฟังไหม หรือให้รัฐบาลคุณ หรือฟรีทีวีคุณ ออกมาแถลงว่าได้ไปประชุมแล้ว ตกลงกับฝ่ายกัมพูชาอย่างไร ประธานอาเซียนแถลงว่าอย่างไร คุณเอารายละเอียดมาบอกประชาชนมั้ย ทั้งโดยหน้าที่ของความเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งโดยหน้าที่ของรัฐมนตรีต่างประเทศ ทั้งโดยสิทธิหน้าที่ที่คนไทยพึงจะได้รับรู้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 คุณได้ทำหน้าที่ของคุณมั้ย ทำไมคุณต้องไล่ให้ประชาชนไปอ่าน

แต่วันนี้ เอาล่ะคุณบอกให้ประชาชนไปอ่าน ผมก็จะอ่านให้คุณมึงฟังเหมือนกัน พร้อมๆ กับพี่น้องประชาชน ว่าคุณนี่ตอแหล และเล่นสำบัดสำนวน ตัวเองไม่เคยเอาข้อเท็จจริงนั้นมาให้ประชาชนรู้ แล้วคุณคงนึกว่าในโลกนี้มีคุณคนเดียวเหรอที่รู้จักและเข้าใจภาษาอังกฤษ โธ่เอ๊ย ไอ้หนู คำพูดของคุณ สปีชของคุณที่พูดกับประชาชน หรือแสดงอยู่ทั่วโลกนี่นะ เป็นสปีชขยะที่ไร้สาระที่สุด ผมจะบอกให้

คำพูดของคุณไม่มีใครในประเทศนี้ หรือในโลกนี้เขาจำได้เลยว่าคุณพูดอะไร ไม่มีวาทะที่กินใจและเป็นสาระ นอกจากคำโกหกตอแหล ตลบตะแลง พลิกไปพลิกมา พูดไม่ตรงความจริงทั้งนั้น ไอ้คนที่เขาชมคุณว่าพูดเก่งนะ เขาก็สอพลอประจบเลียคุณไปอย่างนั้นล่ะ แต่คุณพูดไม่มีวาทะ ไม่มีน้ำหนัก ไม่มีพลัง เพราะคุณพูดไม่ได้ยืนอยู่บนความจริงและหลักการที่ถูกต้อง

เมื่อคุณอยากจะให้ผมอ่านแถลงการณ์ ผมจะอ่านให้ฟัง แล้วคุณฟังพร้อมกับผมนี่ ผมอ่านให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศฟังครับ เพราะไอ้นายกฯ คนนี้มันปิดหูปิดตาปิดปากประชาชน มันไม่ยอมให้ประชาชนรู้หรอก ว่าตกลงไปประชุมมาแล้วแถลงการณ์ที่ประธานอาเซียนเขาออกมา ว่าอย่างไร ไม่เคยมี ประชาชนไม่รู้ ต้องไปหาอ่านเอาเอง จากถ้อยแถลงของอาเซียน และมาแปลเป็นไทยให้คนไทยรู้ด้วยกัน รับรองว่าฝ่ายแปลของพวกผมก็แปลไม่ผิดหรอก ภาษาอังกฤษอาจจะเก่งกว่าคุณอีกหลายร้อยเท่า อย่ามาขี้คุยเลย

พี่น้องครับ แถลงการณ์ของประธานอาเซียนนี้ เป็นแถลงการณ์หลังการประชุม ไม่เป็นทางการ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่จาการ์ตา เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 แถลงการณ์ดังกล่าวนี้มีเนื้อความดังนี้ ตามคำเชิญของประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และตัวแทน ประชุมที่จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011 เลขาธิการใหญ่อาเซียนได้เข้าร่วมประชุมด้วย นี่เนื้อหานะครับ

การประชุมนี้เป็นไปตามคำเชิญของประธานสมาคมประชาชาติอาเซียน ผมไม่ต้องแปล เพราะภาษาไทยแปลมาจากภาษาอังกฤษเข้าใจได้อยู่แล้วบรรทัดนี้

การประชุมได้หารือพัฒนาการในภูมิภาคและนานาชาติล่าสุด รวมถึงเหตุการณ์พรมแดนล่าสุดระหว่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทย จำเพาะเจาะจงว่าเป็นการประชุมปัญหาระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา

ในความเชื่อมโยงนี้ ตามการสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษรก่อนหน้า อินโดนีเซีย ประธานอาเซียน ได้บรรยายสรุปกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และตัวแทน ในผลการเยือนของรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียไปยังพนมเปญ และกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2011 ตลอดจนการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011

เบื้องแรกก็คือเขาอ้างให้เห็นว่าการประชุมครั้งนี้มันเชื่อมโยงกับการที่ได้มีการสื่อสารเป็นลายลักษณ์อักษร

…เยือนไทยแล้วก็ไปเยือนกัมพูชา เขาได้รายงานเรื่องนี้ให้มิตรประเทศกลุ่มอาเซียนฟังในที่ประชุมด้วย และก็อ้างถึงผลการประชุมของ UNSC คือคณะมนตรีความมั่นคงฯ ด้วย เมื่อวันที่ 7-8 กุมภาฯ

รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาและประเทศไทยก็ได้บรรยายสรุปเพิ่มเติมให้กับ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในกรณีปัญหาหลังการหารืออย่างกว้างขวางระหว่างกัน ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และตัวแทน เข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่ารัฐมนตรีต่างประเทศทั้งสองประเทศก็ยังได้รายงาน เพิ่มเติมในที่ประชุมด้วยระหว่างไทย-กัมพูชา เนื้อหาคืออย่างนี้ นี่มันเข้าเนื้อหาแล้วว่า จะเป็นสัญญาหรือไม่ จะเป็นความตกลงที่มีผลผูกพันต่ออธิปไตยและดินแดนของเราหรือไม่ เดี๋ยวฟังนะครับ เนื้อหามันมาอย่างนี้

ยินดีและสนับสนุนการเน้นย้ำของประเทศกัมพูชาและประเทศไทยในพันธะของทั้งสอง ประเทศ ต่อหลักการที่มีอยู่ในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ และกฎบัตรอาเซียน รวมทั้งการยุติความแตกต่าง หรือข้อพิพาทด้วยวิถีทางสันติ และสละการคุกคามหรือใช้กำลัง ตลอดจนหลักการซึ่งมีอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ อันที่ 1 ที่ประชุมคือยินดีและสนับสนุน เน้นย้ำให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามพันธะที่มีอยู่ต่อกัน ตามหลักสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน และกฎบัตรอาเซียน รวมทั้งยินดีสนับสนุนให้ทั้งสองประเทศยุติความรุนแรง ยุติความแตกต่าง หรือข้อพิพาท ด้วยวิถีทางสันติ นั่นหมายความว่าคุณต้องยุติความรุนแรงด้วยสันติ ด้วยวิถีทางสันติวิธี และก็เข้าใจและยอมรับว่าทั้งสองประเทศสละการคุกคาม หรือการใช้กำลัง ตลอดจนหลักการที่มีอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ

เห็นหรือยังครับ ไทยและกัมพูชายอมสละหลักการที่ตัวเองมีสิทธิ์ตามกฎบัตรสหประชาชาติไปด้วย ในการประชุมคราวนี้

ต่อมาก็คือ เขายินดีการเข้าร่วมประชุมของประเทศกัมพูชา ประเทศไทย กับอินโดนีเซีย ประธานอาเซียน ในความพยายามของฝ่ายหลังในนามอาเซียน นายอภิสิทธิ์ คุณอ่านแล้วคุณแปลให้คนไทยฟังซิ ถ้าคุณไม่ตอแหล คำว่า bilateral ของคุณน่ะ ทวิภาคีของคุณมันอยู่ในนิยามนี้หรือเปล่า ในขณะแถลงการณ์เขาบอกว่าเขายินดีที่สองประเทศประชุมกัน โดยให้มีประธานอาเซียน คืออินโดนีเซียนั้น เข้าร่วม และใช้ความพยายามในนามของอาเซียน ก็คือเท่ากับในนามกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งหมด ที่จะพยายามไกล่เกลี่ยหรือหารือในข้อประชุมเพื่อระงับข้อพิพาทนั้น แสดงว่าการประชุมมันไม่ได้มี 2 ประเทศ มันมีผู้แทนของกลุ่มอาเซียนทั้งหมดมาร่วมประชุมด้วย แล้ว bilateral ของคุณมันหมายความว่ายังไง มิสเตอร์ตอแหล

คุณช่วยอธิบายซิ bilateral ของคุณน่ะ แล้วคุณยังมาทำสำบัดสำนวนไปอ่านดูสิ bilateral ปัดโธ่ ไอ้หนู!

นอกจากนี้ เขายังอ้างถึงการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต่อความพยายามของอาเซียนด้วย แสดงว่าที่อาเซียนมาใช้ความพยายามนี้ก็โดยการสนับสนุนของคณะมนตรีความมั่น คงฯ อีกแรงหนึ่ง ซึ่งมี 5 ชาติใหญ่และมี 10 ประเทศที่ไม่ถาวรอีก มาสนับสนุน ดุนหลังและผลักดันอยู่อีก มัน bilateral ภาษาอะไรบักหำน้อย คุณอย่าเล่นสำบัดสำนวน ตลบตะแลง พลิกไปพลิกมา กับประชาชน คุณทำไมไม่เอาตัวแถลงการณ์ที่คุณถืออยู่มาเทียบกับของผมสิ ว่าของคุณกับของผมมันตรงกันมั้ย

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของอาเซียนนี้ยังสนับสนุนพันธะของประเทศกัมพูชาและประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นับตั้งแต่วันที่ 22 เป็นต้นไป ที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยอาวุธในอนาคตดังที่สะท้อนในการเริ่มต้นหารือของ เจ้าหน้าที่ระดับสูงระหว่างตัวแทนทางทหารของประเทศกัมพูชาและประเทศไทยครั้ง ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เห็นมั้ย เขาบอกสนับสนุนการที่คุณจะหลีกเลี่ยงการใช้กำลังปะทะ ซึ่งคุณได้กระทำมาแล้ว ดังที่สะท้อนให้เห็นในการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองฝ่าย ฝ่ายทหาร ก็คือฝ่ายเสนาธิการของเรากับแม่ทัพภาค 2 กับฝ่ายทหารของกัมพูชาไง นี่ไงครับ เขาเอามาบรรจุไว้ในนี้แล้ว แสดงว่าที่คุณไปบอกว่าตกลงโดยสุภาพบุรุษนั้น ตอแหลอีกแล้วครับพี่น้อง โกหกประชาชนอีก

นี่มันได้ถูกรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร เท่ากับกัมพูชาเขาเอาคำที่คุณบอกเป็นสุภาพบุรุษนั้นมาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยความรับรองของอาเซียน 10 ประเทศ โดยการหนุนหลังของ UNSC ต่างหาก และคุณก็ไม่เคยปฏิเสธ คุณไม่เคยคัดค้าน คุณไม่เคยไปทัดทานหรือโต้แย้งในถ้อยแถลงนี้ แสดงว่าคุณยอมรับและปิดปากว่าเป็นไปตามนี้ ใช่ไหมครับ

เพราะฉะนั้นที่คุณมาบอกว่าหยุดยิงไม่มี ใครโกหกครับ หน้าด้านไหมครับ ยังมาพูดโกหกให้สัมภาษณ์ว่าไอ้ที่ไปตกลงหยุดยิงน่ะไม่มี ก็นี่ไง เขาบันทึกไว้ในแถลงการณ์ของอาเซียนนี่ไง แล้วคุณจะมาตอแหลโกหกประชาชนอยู่อีกอย่างหน้าด้านๆ ทำไม

และต่อมาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนคู่ภาคีในการเคารพต่อพันธะที่จะหลีก เลี่ยงการปะทะทางทหารในอนาคตระหว่างกัน โดยสังเกตการณ์และรายงานอย่างแม่นยำ ตลอดจนมีความเป็นกลางในข้อร้องเรียนการละเมิดและส่งผลให้แต่ละฝ่าย ผ่านอินโดนีเซีย ประธานอาเซียนปัจจุบัน นั่นหมายความว่าเขาจะมีผู้มาสังเกตการณ์ทั้งสองฝ่าย คุณก็บอกว่า ก็ไม่เห็นเป็นไร ก็มีผู้มาสังเกตการณ์ จะได้รู้ว่าใครยิงก่อน ใครยิงทีหลัง ทำไมลื้อต้องให้คนอื่นมาบอกว่าใครยิงก่อน ใครยิงทีหลัง มึงพูดเองไม่เป็นหรือไงว่าใครยิงก่อน ใครยิงทีหลัง ใครยิงก่อนใครยิงทีหลังทำไมต้องให้คนอื่นเขามาบอกด้วย ต้องให้อินโดนีเซีย หรือผู้สังเกตการณ์ 15 คนมาบอกด้วย ปัดโธ่เอ๊ย ไอ้ละอ่อนทางการเมือง ทางการทูต จริงๆ ครับ

แสดงว่าคุณไม่มีน้ำยา คุณไม่มีปัญญาแก้ไขปัญหาของตัวเองแล้ว ต้องให้คนอื่นมาคลุมหัวแล้วมาบอก แล้วดันทะลึ่งบอกนี่ทวิภาคี พี่น้องครับ

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้ประเทศกัมพูชาและประเทศไทยรื้อฟื้นการเจรจาทวิภาคีผ่านกลไก ที่มีอยู่ในโอกาสอันอำนวย โดยเร็วที่สุด พร้อมการเข้าร่วมอย่างเหมาะสมของอินโดนีเซีย ประธานอาเซียนปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนความพยายามของทั้งสองประเทศที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน

ก็สรุปแล้ว ต่อไปนี้คุณจะเจรจาทวิภาคีผ่านกลไกที่มีอยู่นั้น จะต้องมีอินโดนีเซีย ประธานอาเซียน เข้าร่วมทุกครั้งไปครับ พี่น้องครับ

ในการประชุมในอนาคต ในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนกัมพูชา ในการจัดทำหลักเขตแดนทางบกและการประชุมกรรมการชายแดนทั่วไปในเวลาที่จะ พิจารณาต่อไป นั่นตกลงก็คือ เขารับรอง MOU 2543 โดยอาเซียนแล้วว่า กลไก JBC กลไกคณะกรรมการปักปันเขตแดน และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปนั้น คุณต้องปฏิบัติตามการเจราจาในกรอบนั้น สรุปแล้วก็คือ เขมรเอา MOU 43 ยืมมืออาเซียน มาครอบกบาลนายอภิสิทธิ์ให้มันอยู่ในกะลา MOU หนักต่อไปอีกครับ

ที่เราเรียกร้องให้เลิก ก็เพราะ MOU นั้นมันเป็นต้นตอ เป็นปัญหาที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน และเป็นการไปยอมรับแผนที่ 1:200,000 คุณไม่เลิก แล้วคุณยังเสือกไปทำให้มันเหนียวแน่น หนักแน่นเข้าไปอีก ไม่ต้องใช้คำว่า ส.ใส่เกือกหรอก ใช้คำว่าเสือกเลยครับ ไอ้คนนี้ อย่าไปพูดกับมันสุภาพ เพราะมันหน้าด้าน การพูดกับคนหน้าด้านนี่ผมขออนุญาตผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนะครับ ชาตินี้ผมจะไม่มีวันพูดดีกับคนชั่ว คนโกงเลยครับ อย่าไปเคารพมัน เพราะวันนี้ผมสรุปแล้วเขาเป็นคนไม่ดี เขาเป็นคนปฏิบัติหน้าที่ที่ทำให้แผ่นดินเสีย จะไปให้เกียรติคนขายชาติทำไม แต่ถ้าเขาเป็นคนดี เขาเป็นคนรักชาติบ้านเมือง ให้ไปกราบเท้าผมก็กราบครับ

เพราะฉะนั้นคนแบบนี้ อย่าไปพูดกับเขาดีครับ เพราะไม่มีสำนึก ไม่มียางอาย ไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้สึกรู้สาเลยว่าตัวเองกำลังพาชาติฉิบหาย ไม่ต้องไปพูดว่าเรือหายล่ะครับ

สุดท้ายก็คือ เห็นไหมครับพี่น้อง ร้องขออินโดนีเซีย ประธานอาเซียน ให้คงความพยายามของอาเซียนในเรื่องนี้ สรุปแล้วก็คือความพยายามของอาเซียนและประธานอินโดนีเซียนั้นจะเป็นไปโดยคำ ร้องขอของทั้งสองประเทศ ไม่ได้เป็นเรื่องที่อาเซียนเขาเสือกเข้ามาเอง เป็นเรื่องที่คุณยินยอมร้องขอให้เขาเข้ามาครับ

นอกจากนี้ ในตอนท้ายของแถลงการณ์ รัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนมุมมองในปัญหาอื่นในระดับภูมิภาคและนานาชาติ ตลอดจนปัญหาซึ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างชุมชนอาเซียน และบทบาทของอาเซียนในการสร้างสถาปัตยกรรมของภูมิภาค รวมถึงการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ใน East Asia Summit ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทย ในเดือนมีนาฯ 2011

บทท้ายนี้ก็เป็นแต่เพียงพูดถึงบทบาทของอาเซียนที่จะทำต่อไป และจะมีการประชุมในเดือนมีนาคมเท่านั้น และก็พูดถึงความมุ่งหมายร่วมกัน สปิริตของอาเซียนร่วมกัน นั่นคือการที่จะสร้างประชาคมอาเซียน ความตอนท้ายนี้เป็นเพียงเครื่องประกอบความสวยงามเท่านั้น

พี่น้องครับ ท่านได้ฟังได้อ่านแถลงการณ์ที่ผมอ่านให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมเชื่อแน่ว่าพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ หรือพี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศ อาจจะยังไม่มีโอกาสได้อ่าน ท่านก็จะได้ไปเปิดฟัง เปิดอ่าน อีกครั้ง

สิ่งที่นายอภิสิทธิ์บอกให้พวกเราไปอ่านนั้น ความจริงแล้วตามรัฐธรรมนูญคุณต้องพิมพ์แจกให้ประชาชนอ่านด้วยซ้ำไป แต่คุณมาตอแหลกับประชาชน ทำเป็นพยักเพยิด ยักคิ้วหลิ่วตา ทำเป็นทำไมไม่ไปอ่าน bilateral แปลว่าอย่างไร ไอ้ผู้นำประเทศแบบนี้ถ้าผมอยู่ใกล้นะ ผมตบปากไปแล้วครับ ผมเกลียดจริงๆ ไอ้คนแบบนี้ ไอ้คนที่มันไม่สำนึก ทำชั่ว ทำผิดแล้วไม่สำนึก เกลียดที่สุดครับ ถ้าคนสำนึกนี่ยังพอให้อภัยได้ แต่ทำไม่ถูกต้อง ทำผิดแล้วยังพยักเพยิด ทำลีลา โอ้โห ผมนี่ทนไม่ได้ครับ ท่านจะว่าผมยังไงก็ตามแต่ วันนี้ถ้าเห็นนายอภิสิทธิ์เดินผ่าน ผมชกเลยครับพี่น้องครับ ยอมเสียค่าปรับ 100 บาท 200 บาท ก็ยอม ขอต่อยปากสักทีเถอะวะ

เป็นไปได้ยังไงครับ มีการศึกษาระดับนี้ พูดจาไม่มีสามัญสำนึกของความรับผิดชอบเลย สรุปแล้วบทสัมภาษณ์ที่เขาสัมภาษณ์วันนี้ก็มาอีกแล้วครับ ก็คือเป็นคำสัมภาษณ์ที่เต็มไปด้วยคำโกหกตอแหล ตลบตะแลงทั้งสิ้น ไม่มีสาระอะไรควรแก่การที่จะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองเลย

ประเด็นที่ 1 คุณบอกว่าไทยไม่เสียดินแดน บอกว่าเรานี่พูดหลายครั้ง เสียไปหลายครั้งแล้ว พูดอยู่นั่นแหล่ะว่าเสียดินแดน คนเป็นนายกฯ ไม่มีความรู้สึกรู้สา ไม่ร้อนไม่หนาวกับการที่ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ไม่บ้าก็เสียสติไปแล้วครับ เป็นนายกฯ ได้อย่างไร ผมไม่เข้าใจ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะปล่อยให้มันอยู่ได้นานสักเท่าไร ผมไม่เข้าใจ และประชาชนในประเทศนี้ จะปล่อยให้คนบ้า คนวิปริตทางจิตอย่างนี้ มาปกครองบ้านเมืองอยู่ได้อย่างไรครับ

ที่เราพูดว่าประเทศไทยเสียดินแดน เราก็พูดตามข้อเท็จจริง ให้ข้อมูล ให้เหตุผล แล้วถ้าประเทศไทยไม่เสียดินแดน ลื้อไปกับอั๊วมั้ย ไปปราสาทพระวิหาร ไป 4.6 ตารางกิโลเมตร วันนี้ด้วยกันมั้ย ลื้อก็ดีแต่หดหัวอยู่ในกระดอง แล้วก็หดหัวอยู่ในซอยสวัสดี 31 ที่ชาวบ้านเขาเดือดร้อนไปทั่วแล้ว ลื้อมีปัญญากล้าออกจากทำเนียบฯ และออกจากซอยสวัสดีมั้ย คุณกล้ามั้ย แล้วถ้าประเทศไทยไม่เสียดินแดน คุณปล่อยให้ทหาร ชุมชน วัดกัมพูชาตั้งอยู่บนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรทำไม นายอภิสิทธิ์

คุณเป็นคนพูดมาตลอดว่าพื้นที่โดยรอบนั้น ห่างออกมา กั้นออกมา 5 เมตร ก็ยังไม่ได้ แล้วนี่ในแถลงการณ์ ใน Joint Communique ที่ศาลตัดสิน นายนพดลไปทำลงนามนั้น ในช่วงนั้นขนาดมันล้ำเข้ามาแค่ 38 ตารางวาเท่านั้น ประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศยังเจรจาขอให้มันไปแก้ใหม่ ที่จะไปขอแผนที่ แผนผัง เพื่อไปให้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เจรจาจนไม่เป็นที่พอใจ ที่ประชุมสภาความมั่นคงรับรองแล้ว เขาถึงไปเซ็น ขนาดนั้นศาลยังตัดสินว่ามันสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเสียดินแดนและอธิปไตย ทั้งไม่ได้ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภา และไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ยังทำไม่ได้เลยครับพี่น้อง

แล้ววันนี้คุณปล่อยให้เขามาอยู่ในดินแดนไทยเต็มไปหมด ตัดถนนขึ้นมา สร้างถนนขึ้นมา ยังทะลึ่ง หน้าด้าน มาบอกว่าไทยไม่เสียดินแดนอยู่ได้ ไม่บ้าก็เสียสติแล้วครับ

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราพูดนั้น มันเป็นความจริงมั้ย แล้วพฤติกรรมของคุณที่ทำมาตลอด คนไทยถูกจับขึ้นศาล เขามายึดครองดินแดน แถลงการณ์เขาบอกพื้นที่นั้นเป็นของเขา คุณไม่เคยโต้แย้ง ไม่เคยคัดค้าน ไม่เคยยืนยันเลยว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา แล้วคุณมาเจรจาตกลงไม่ใช้กำลังไปกดดันเขา แล้วเมื่อไรมันจะได้แผ่นดินคืน แล้วยังหน้าด้านมาบอกว่าไทยไม่เสียดินแดน พี่น้องครับ เราจะทนฟังคำโกหกของคนๆ นี้ไปอีกนานสักเท่าไรครับ

สอง ที่มาบอกให้เราไปอ่านแถลงการณ์ ผมอ่านแล้ว และก็อ่านให้คุณฟังแล้ว แถลงการณ์นี้มีผลเป็นการแสดงเจตนาทั้งสองฝ่ายระหว่างไทยกับกัมพูชา มีผลผูกพันต่อกัน ซึ่งตรงนี้ในคำวินิจฉัยของศาลปกครองเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ว่าเป็นสัญญา เพราะคู่กรณีมีเจตนาที่จะให้มีผลผูกพันต่อกัน อันเป็นผลกระทบต่อดินแดน อธิปไตยของประเทศตน เมื่อเป็นดังนี้ เป็นสัญญา และสอง ถ้าคุณเห็นว่าแถลงการณ์นี้ไม่ถูกต้อง จากวันที่ 22 มาถึงวันนี้ วันที่ 24 แล้ว คุณก็ไม่ได้คัดค้าน คุณก็ไม่ปฏิเสธ ไม่ได้โต้แย้งแถลงการณ์นี้ แสดงว่าคุณยอมรับแถลงการณ์นี้

เมื่อคุณยอมรับ มันย่อมมีผูกพันประเทศไทยและประเทศกัมพูชา มีผลประหนึ่งเป็นหนังสือสัญญาและมีข้อผูกพันเป็นสัญญาระหว่างประเทศไปได้ แล้วครับ

หน้าที่ในการจะเปิดเผยเรื่องนี้ จึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะบอกกับประชาชนไทย ส่วนอันที่ 3 ที่คุณบอกว่านี่เป็นการเจรจาทวิภาคี ผมก็บอกไปแล้วใช่ไหมครับว่ามันไม่ใช่ทวิภาคี คุณโกหกประชาชนครับพี่น้อง

ข้อ 5 ก็คือ ที่คุณบอกว่าคุณรู้สึกงง งงว่าไทยเสียดินแดนได้อย่างไร ผมก็คิดว่าคุณคงงงไปจนตายล่ะ ชาตินี้คุณคงไม่มีวันที่จะหายงงแน่ แล้วผมจะช่วยให้คุณงงอีกด้วยไม้หน้าสาม เอามั้ย

ถ้างง แล้วสติสัมปชัญญะวินิจฉัยเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ จะอยู่หาพระแสงด้ามยาวอะไร มาเป็นนายกฯ ทำไม ถ้าโง่แล้วไม่มีความเข้าใจแม้กระทั่งเรื่องอย่างนี้ ว่าในวันที่นายนพดล และนายสมชาย หรือรัฐบาลสมัครเขาทำนั้น มันยังเรื่องแค่จะไปรับรองแผนผังการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบตัวปราสาท อันเกี่ยวข้องกับการที่จะขึ้นทะเบียนมรดกโลก และที่ดินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มาวันนี้ คุณปล่อยให้กัมพูชาเขากินดินแดนไปตั้งกี่กิโลเมตรแล้ว ทั้งวัด ทั้งชุมชน ทั้งอะไรต่างๆ แล้ว คุณขายแผ่นดิน คุณปล่อยให้กัมพูชาขึ้นมายึดครองแผ่นดิน จนคุณงง ถ้างงอย่างนี้ พี่น้องช่วยเอาไม้หน้าสามให้นายอภิสิทธิ์กินแก้งงหน่อยได้ไหม มันแย่จริงๆ ครับพี่น้อง

แล้วก็หาว่าพวกเรานี่พูดมาหลายรอบว่าไทยเสียดินแดน ไม่ใช่หลายรอบ พูดมา 2-3 ปี เป่าปี่เข้าหูควาย มันก็เหมือนนายวัชระไปสีซอให้ควายในทำเนียบฯ ฟังนั่นล่ะ แล้วมันจริงไหมล่ะ ถ้ามันไม่จริง ลื้อมาเถียงกับผมสิ กล้าไปโต้แย้งกันออกทีวีไหมว่าแถลงการณ์ของอาเซียนเป็นอย่างไร คุณตีความอย่าง ผมตีความอย่างไร เถียงกันตัวต่อตัว คุณกับผม 2 คน ไม่ต้องมีตัวช่วย เดี่ยวๆ ไม่มีรุม เอาหรือเปล่า คุณมีปัญญามั้ย ไอ้ขี้ขลาด ทีเจอคนจริงล่ะหลบ มึงเถียงได้แต่พวกไอ้จตุพรน่ะ เถียงเขาจัง ฉอดๆๆ ในสภา โธ่เอ๊ย! กล้ามาแถลงโต้แย้งกันมั้ยว่าแถลงการณ์นี้มันเป็นแถลงการณ์อัปยศ ขายชาติ คุณมันขี้ขลาด คุณไม่กล้าสู้ความจริง คุณมันเหมือนไอ้ปีศาจที่กลัวแสงตะวัน

แล้วเรื่องหยุดยิง ผมก็พูดไปแล้ว นี่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่มากล่าวหาว่ารัฐบาลจะไปถอนทหารหรือหยุดยิงอะไร ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไรอย่างนั้น เรามีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรอย่างนั้นได้ยังไง มึงอ่านภาษาไทยไม่เป็นเหรอ ภาษาอังกฤษมันก็เขียนว่าหยุดยิงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นอันนี้ก็คือการโกหกและปฏิเสธแบบน้ำขุ่นๆ แล้วก็แก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ

ส่วนการปะทะกัน ยิงกัน ต้องให้คนสองฝั่งมาดู อันนี้ก็เป็นการแทรกแซงชัดแจ้ง

สรุปแล้วพี่น้องครับ นอกจากโกหก ปกปิดความจริง หลอกลวงประชาชนแล้ว ยังไม่ทิ้งสันดานเดิม ไม่ต้องไปบอกนิสัยเดิม สันดานใน DNA ของนายอภิสิทธิ์เลยครับ ผมขออนุญาตพูดอย่างนี้เลย ในกมลสันดานของนายอภิสิทธิ์ไม่เคยให้เกียรติประชาชนเลย พี่น้อง มันหาว่าพวกเราไปยืนอยู่ฝั่งกัมพูชา โธ่เอ๊ย พี่น้องครับ ในกมลสันดานของไอ้คนๆ นี้ไม่เคยเคารพ และไม่เคยให้เกียรติประชาชน เราคนไทยก็ไม่ควรเคารพนายอภิสิทธิ์ไปจนชั่วชีวิตครับ

ไอ้ที่เราสู้อยู่นี้ มันยังหาว่าเราไปยืนอยู่กับกัมพูชา ไปยืนอยู่กับฮุน เซน มันพูดได้อย่างไรครับ ไอ้คนที่ยืนอยู่กับกัมพูชา ยืนอยูกับฮุน เซน ก็คือคนโง่ขายชาติอย่างพวกแกไงครับ ใครๆ เขาก็รู้ทั้งนั้น แม้กระทั่งไทยรัฐ แม้ลูกจันทร์วันนี้ ยังอดรนทนไม่ไหว ยังเขียนว่าเห็นด้วยกับ อ.ปานเทพ และความคิดเห็นของพวกเราเลยครับ

ผมก็ยังไม่รู้ว่ามีใครเห็นด้วยกับคุณบ้าง มองไปมองมาผมก็เห็นมีแต่ไอ้ศิริโชค โสภา เท่านั้นเอง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามนิสัยและสันดานเดิมของนายอภิสิทธิ์ที่ไม่ทิ้งเลย ใน DNA ของเขา ในกมลสันดานของเขา มีแต่ความอิจฉาริษยา ขี้ขลาดตาขาว และดูถูกดูหมิ่นภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชน

ถ้าเขาดูถูกพวกผม ดูถูก อ.ปานเทพ มันก็คือดูถูกพี่น้องประชาชนที่มานั่งฟังและเชื่อข้อเท็จจริงที่ผมให้กับพี่ น้องประชาชน ใช่หรือไม่ครับ

ผมบอกแล้วครับว่านายคนนี้ตั้งแต่ผมรู้จักมา ไม่เคยมีครั้งเดียวที่เขาจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาจะเคารพความเห็นของประชาชนเลย นอกจากแสดงอาการอย่างนี้ ผมนี่หมั่นไส้จริงๆ ครับ นิสัยแบบนี้ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมาเป็นคนไทยเลย

พี่น้องครับ ผมนึกว่ามันตายไปแล้วเมื่อวานนี้ พอผมบอกว่ามึงตายไปหรือยัง มันก็เลยเผยอหน้าขึ้นมาให้ผมกระทืบซ้ำอีกที กลัวจะไม่ตายจริง

พี่น้องครับ เรื่องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี้ต้องถือว่าเป็นกรรมเวรของประเทศไทย และเป็นความอัปยศอดสูที่สุด นึกว่าเราหนีจากนายกฯ คนอื่นๆ ที่เลวร้ายต่อชาติต่อบ้านเมืองแล้ว เราจะได้หนีพ้น ไม่ต้องมาเจออีก กลับมาเจอเลวร้ายและซ้ำหนักกว่า ไม่รู้ว่ามันเป็นกรรมเวรอะไรของชาติบ้านเมืองเรา เมื่อไรนักการเมืองชั่วๆ เลวๆ มันจะหมดจากแผ่นดินเสียที เมื่อไรคนไทยจะหายโง่แล้วเลิกให้นักการเมืองเหล่านี้มันมาหลอก มาต้ม เสียทีครับพี่น้อง

พี่น้องครับ เอาล่ะผมพูดเรื่องนายอภิสิทธิ์ไปแล้ว ผมติดค้างพี่น้องเมื่อวานนี้เรื่องการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ผมดูเวลาก่อนนะครับ ไม่รู้ผมพูดมาจะถึงชั่วโมงหรือยัง เพราะว่าเดี๋ยวมันจะหาว่าผมไม่กล้าพูดเรื่องสุวรรณภูมิ

พี่น้องรู้ไหมครับ เรื่องที่ผมพูดนี่ ไอ้คนที่ร้อนเป็นไฟเหมือนหมาถูกน้ำร้อน คือพวกที่หากินและคดโกงทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ เดือดร้อนมากตอนนี้ เหมือนหมาถูกน้ำร้อนเลยครับ นั่งประชุมปรึกษาหารือกันทุกวัน ว่าจะหาทางหยุดนายประพันธ์ คูณมี อย่างไร ปัดโธ่เอ๊ย

เอาเถอะ มึงมีปัญญาก็ทำมาเถอะ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็รอดูแล้วกันว่าใครจะฟาดใครก่อน ไม่ได้ท้าทาย แต่ก็ไม่กลัว ขอบอกว่าไม่กลัว

พี่น้องครับ ผมก็บอกว่าผมตั้งใจจะพูดเรื่องการโกงการทุจริตในสนามบินสุวรรณภูมิ เรื่องที่ผมติดค้างไว้เมื่อวานนี้ก็คือเรื่อง City Garden นี่อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เป็นความอัปยศที่สุดครับ จากการตรวจสอบของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เรื่องนี้เป็นความอัปยศหนักยิ่งกว่า 2 เรื่องที่ผมพูดมา คือเรื่องสัญญาร้านค้าปลอดภาษี และพื้นที่พัฒนาในเชิงพาณิชย์ ที่นายวิชัย รักศรีอักษร บริษัท คิงเพาเวอร์ ได้ไป 2 สัญญาแล้ว ไอ้นี่อัปยศที่สุด ที่พี่น้องดูภาพนี่

พื้นที่ตรงนี้ และบริเวณชั้นบนของอาคาร ซึ่งด้านนอกเป็นสวน บริเวณนี้เขาเรียกว่า City Garden เขาเอาไว้เป็นพื้นที่สวยงาม เป็นพื้นที่ภูมิทัศน์ของสนามบิน และเป็นพื้นที่ที่อาคารนี้ข้างบนอนาคตเขาอาจจะขยายอาคารสนามบินมา เขาก็เลยยังไม่ได้สร้างอะไรในส่วนนี้ และก็ปล่อยให้เป็นพื้นที่สวยงามสำหรับประชาชนที่เดินทาง ใครที่เดินทางไปภายในประเทศจะต้องผ่านตรงนี้ ไป Lounge VIP ของการบินไทย ไปของบริษัทต่างๆ ท่านก็จะผ่านและมองออกมาท่านจะเห็นสวนตรงนี้ พี่น้องรู้ไหมครับพื้นที่ตรงนี้ ข้างบนตรงอาคารนั่นล่ะครับ เนื้อที่มันขนาด 12x125 เมตร รวมแล้วก็เป็น 1,500 ตารางเมตร เมื่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นละ 1,500 ตารางเมตร ก็รวมแล้วเป็น 3,000 ตารางเมตร พี่น้องรู้ไหมครับว่าอาคารนี้เขาได้มาสร้างอาคารเดี่ยว สูง 2 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 12x125 เมตร รวมก็คือ 1,500 ตารางเมตร เป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับอาคารผู้โดยสาร มีอาคารเชื่อมกับคองคอร์ด B และ A ทะลุถึงกันได้ คองคอร์ดก็คืออาคารเทียบจอดเครื่องบินนะครับ

อาคารดังกล่าวมีลักษณะเป็นอาคารถาวร มีการไปสร้างอาคารขึ้นมาขนาดใหญ่ เป็นอาคารที่ไม่มีการกำหนดไว้ในแบบและแผนงานการก่อสร้างท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิมาก่อน เรียกว่าที่มันไปสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้นขึ้นมา เป็นภัตตาคารและร้านอาหารและเป็นออฟฟิศ ไม่ได้อยู่ในแบบของการก่อสร้างสนามบินและอาคารสนามบินมาก่อนเลย ปัญหาก็คือว่า เข้าไปสร้างได้อย่างไร

ปรากฏว่าเอกชนได้เป็นผู้เข้าไปลงทุนก่อสร้างและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตรงนี้ โดยไม่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามระเบียบและข้อบังคับ จึงอยู่ในข่ายที่ผิดกฎหมายและได้มาโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการจึงขออำนาจเข้าไปตรวจสอบ คณะกรรมการเขาตรวจสอบแล้ว พบว่าการดำเนินการก่อสร้างอาคารตรงนี้ เป็นการดำเนินการมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชน ซึ่งก็คือบริษัท คิงเพาเวอร์ นั่นล่ะครับพี่น้อง

โดยการกระทำดังกล่าวมันทำอย่างไรครับ พี่น้องรู้มั้ย บริษัท คิงเพาเวอร์ มันมาชี้เองเลย และ ...คณะกรรมการที่พัฒนาพื้นที่ ก็เอาความประสงค์ เอาความต้องการของบริษัทนี้ เข้าประชุมหารือในที่ประชุมเลย สรุปรวบยอดก็คือ ทุกหน่วยงาน ทุกขั้นตอน ทุกคณะกรรมการ แม่ง ผ่านความเห็นชอบๆๆๆ หมดเลย เพราะมันแดกเงินกับบริษัท คิงเพาเวอร์ ไงครับ นี่ผมเอาโดยสรุปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้มีเวลามาเล่ารายละเอียดอีกที

สรุปแล้วก็คือ บริษัทนี้ก็ไปสร้างอาคารตรงนี้ขึ้นมา แล้วมันไปทำอะไรครับ มันกลายเป็นไปทำพื้นที่สำหรับ F&B เขาเรียกว่า Food & Beverage คือขายอาหารและเครื่องดื่ม เป็นภัตตาคารขายอาหารและเครื่องดื่ม 2 ชั้น ประธานกรรมการบอร์ดที่อนุมัติในเวลานั้นก็คือนายศรีสุข จันทรางศุ คนเดิมที่ผมบอกมาแล้วนั่นล่ะ แก๊งนี้ล่ะครับพี่น้อง

เสร็จแล้วเขาทำยังไง เขาก็เอาพื้นที่นี้ไปให้บริษัทนี้เช่า เขาเรียกว่าบริษัท คอลโทรวิน (***) เช่า เช่าใช้พื้นที่ไป และมีอายุสัญญา 5 ปี บริษัทคิงเพาเวอร์เก็บเอาประโยชน์จากบริษัทนี้ โดยมีข้อสัญญาตกลงแบ่งรายได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขาย โดยกำหนดอัตราขั้นต่ำของส่วนแบ่งรายได้ที่จะจ่ายให้กับบริษัท คิงเพาเวอร์ ไม่น้อยกว่า 501 ล้าน ในปีแรก และในปีต่อๆ ไปอีก เพิ่มราคาขึ้นไปอีก ในปีต่อๆ ไป เพิ่มมา 185 ล้าน แล้วก็เพิ่มอีก 268 ล้าน เรื่อยมา กลายเป็นว่าพื้นที่นี้บริษัท คิงเพาเวอร์ กูชี้เอา บอกกูอยากได้ตรงนี้มาทำสำนักงาน มาเป็นที่เก็บของ แต่แล้วสร้างเสร็จไมได้ทำ ทำเป็นออฟฟิศส่วนหนึ่ง แล้วก็ทำเป็นร้านอาหาร ตัวเองเอาไปให้บริษัทหนึ่งมาเช่าเพื่อเป็นร้านขายอาหาร แล้วตัวเองก็เก็บเอาผลประโยชน์

คำถามก็คือ การท่าฯ ไม่ได้อะไรแม้แต่สตางค์แดงเดียวเลย ตกลงการท่าฯ มึงได้อะไร มึงให้ที่เขาไปปลูกเนี่ย ไม่มีสัญญาที่จะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้กับการท่าฯ เลย คณะกรรมการไปตรวจสอบแล้วปรากฏว่า มันทำมาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่การท่าฯ ผู้อำนวยการการท่าฯ ที่มาให้การ เป็นพยาน และให้ข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการ ปรากฏว่าเป็นนโยบายของผู้ใหญ่

สรุปแล้วก็คือ ไอ้ City Garden นี้ก็คือสร้างขึ้นมาแบบเถื่อนๆ เก็บประโยชน์ และเก็บรายได้ เข้ากระเป๋าพวกเจ้าหน้าที่การท่าฯ และผู้ใหญ่ในคณะกรรมการบอร์ด สรุปแล้วก็คือ มันสามารถเอาสนามบินไปให้เอกชนเช่า เก็บเงินเข้ากระเป๋า โดยไม่ต้องเข้ารัฐ โดยไม่ต้องประมูลเลย ทำแบบอัปยศแบบนี้ มันก็ยังทำกันได้ครับพี่น้องครับ

แล้วทั้งหมดนี้ มันก็ทำให้การท่าอากาศยานเขาเสียหายสิครับ 1. เงินก็ไม่ได้ 2. ทำให้สถานที่สนามบิน ท่าอากาศยาน โครงการที่จะขยายสนามบินไปในอนาคต ไอ้นี่บอก สัญญามันมี 10 ปี ถ้าอยากจะได้ ขยายสนามบินเมื่อไร ค่อยมาบอกมัน มันจะคืนให้ แล้วมันจะคืนมั้ย ถึงเวลานั้นยังไม่รู้ว่ามันจะคืนหรือเปล่า เพราะฉะนั้นบริษัทนี้จึงต้องมาสนับสนุนนักการเมืองขี้โกงให้มีอำนาจ เพื่อจะได้ไปคุ้มครองปกป้องดูแลผลประโยชน์ของบริษัทนี้ตลอดไป รัฐบาลนี้มันจึงเป็นรัฐบาลของไอ้คนขี้โกงพวกนี้ล่ะครับ

แล้วเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานฯ มันก็หากินร่วมกับบริษัทนี้ สรุปแล้ว ที่ทั้งหมดในสนามบินจึงกลายเป็นว่าประชาชนไทย รัฐบาลไทย กู้เงินมาสร้างสนามบิน เพื่อประเคนยกให้มัน นายวิชัย รักศรีอักษร บริษัทคิงเพาเวอร์ และพวก ทำมาหาแดกและปล้นบ้านกินเมืองอย่างเดียวครับ

ผมไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร มึงถึงมีอิทธิพลเหลือเกิน ผมถึงบอกว่าประเทศนี้ ถ้ามีคนโกงอยู่อย่างนี้ ประเทศมันไม่ฉิบหายได้อย่างไรครับ แล้วนี่แค่รายเดียว แล้วเจาะไปตรงไหนก็เจอแบบนี้อีก ประเทศไทย แล้วนักการเมืองก็เป็นนักการเมืองประเภทขี้ข้าพวกโกงบ้านกินเมืองแบบนี้ทั้ง นั้น แล้วบ้านเมืองมันจะอยู่กันไหวมั้ยครับ

วันนี้ผมพูดมาโดยรวบรัดเท่านั้น แต่อยากจะดูรายละเอียดเดี๋ยววันหลังมาพูดแจงรายละเอียดให้ฟังว่ามันได้กันมา อย่างไร มันประชุมหารือกันยังไง มันทำกันยังไง พี่น้องดูแล้วพี่น้องจะเห็นความอัปยศของประเทศนี้

พี่น้องครับ ผมพูดมาพอสมควรแล้ว แต่มีประเด็นหนึ่งประเด็นสุดท้ายที่ผมบอกว่าหลายคนถามมาเหลือเกินว่า คุณประพันธ์ อย่าท้อนะ พวกเราให้กำลังใจ บอกพี่น้องเรา พันธมิตรฯ ทุกคน และวิทยากรทุกคนว่า แม้พวกเราจะไม่ได้มาชุมนุมแต่พวกเราฟังและติดตามการปราศรัยอยู่ตลอดเวลา เอาใจช่วย และเป็นกำลังสนับสนุนพวกคุณอย่างเต็มที่ครับพี่น้อง

เพราะฉะนั้น ที่มีบางท่านถามมาว่า เราจะสามารถสู้เอาชนะไอ้รัฐบาลขี้โกง รัฐบาลขายชาติ รัฐบาลที่เนรคุณชาติ เนรคุณประชาชน พี่น้องครับ ขอให้ทุกคนพูดแบบผมได้เลย และพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ขายชาติครับ ไม่ต้องไปเคอะเขิน แล้วใครที่บอกว่ามันไม่ขายชาติ คุณหาหลักฐานมาหักล้างเรา มาเถียงกับเรา ถ้ามันไม่จริงแม้แต่น้อย ผมจะฮาราคีรีตัวเอง แต่ถ้ามันจริง พวกคุณต้องฮาราคีรีตัวเองทุกคน เอามั้ย

เพราะฉะนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนอย่าไปว่าเขาขายชาติ มันไม่น่าเชื่อหรอกว่าคนอย่างนี้มันจะขายชาติ บอกไม่น่าเชื่อได้ยังไงมันขายชาติไปแล้ว มันขายแผ่นดินไปแล้ว มีแต่ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนที่ยังงมงายและหลงเชื่อมันอยู่เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเรามีผู้หลักผู้ใหญ่ประเภทที่ไม่มีปัญญาและไม่รู้ข้อมูล ไม่รู้ข้อเท็จจริง หลงเชื่อคนโดยงมงายแบบนี้ ชาติก็ไปไม่รอดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นขอให้ท่านได้เชื่อมั่นเถอะว่าวันนี้คนที่ถามว่าเราจะชนะมั้ย ชนะแน่ครับ มันมีทางเลือกทางออกอยู่แล้ว ว่าเมื่อเราเรียกร้องมาถึงขั้นนี้ อ.ปานเทพ ถามว่าจะรอให้เขาเปลี่ยนใจ เปลี่ยนจุดยืน กลับมายืนอยู่กับพี่น้องประชาชน เขาจะยืนมั้ย นอกจากมันไม่เปลี่ยนแล้ว มันยังมาผลักไสไล่ส่งหาว่าเราเป็นพวกเขมรไปโน่น

2. เมื่อรัฐบาลดึงดันไม่เปลี่ยนอย่างนี้ แล้วก็ยังเดินหน้าที่จะทำอยู่อย่างนี้ แผ่นดินมันเสียแน่ และมันเสียไปแล้ว มันไม่มีทางใดที่จะหยุดยั้งเรื่องนี้ได้ มันมีทางเดียวก็คือต้องไล่รัฐบาลนี้ เปลี่ยนรัฐบาล ไล่นายกฯ จึงจะไล่เขมรออกไปจากแผ่นดินได้

เพราะฉะนั้น เมื่อจะไล่นายกฯ ไล่รัฐบาลนี้ ถ้าพี่น้องเห็นพ้องต้องกันแล้ว เราต้องออกมาช่วยกันให้มากๆ ครับพี่น้อง ออกมาแสดงพลัง และแสดงประชามติ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราขอเรียกร้องให้พี่น้องทั่วประเทศออกมาร่วมกันกับพวกเราให้มากที่สุด แล้วเราจะมีมาตรการที่จะดำเนินการกับรัฐบาลนี้อย่างแน่นอนครับ

ส่วนการนัดหมายประชุมเป็นทางการ ว่าจะเรียกร้องพี่น้องวันไหน ผมคิดว่าวันเสาร์นี้คณะกรรมการคงต้องประชุมกันเพื่อกำหนดมติและมาตรการอย่าง เป็นทางการ เราหยุดนิ่งเฉยอยู่แค่นี้ไม่ได้แล้วครับพี่น้อง

และพี่น้องประชาชนที่ส่งข่าวมาและยืนยันว่าเราจะออกมาช่วยกันเมื่อพี่น้อง ที่นี่เรียกร้องและถึงเวลา ผมคิดว่าวันนี้มันถึงเวลาแล้วที่เราจำเป็นจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ บอกเกริ่นๆ ล่วงหน้าเพื่อพี่น้องจะได้จัดการภารกิจส่วนตัวของท่าน เพื่อเตรียมตัวปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อกอบกู้บ้านเมืองและแผ่นดินของเราคืน มาครับ

เพราะวันนี้เราคงจะสิ้นหวังจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้ว ฝากความหวังอะไรไว้กับนายคนนี้ไม่ได้แล้ว ผมสรุปได้ตั้งนานแล้ว แต่ผมต้องรอให้พี่น้องส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าเห็นด้วยกับที่ผมพูดมั้ย ผมเชื่อแน่ว่ามาถึงวันนี้ทุกคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันแล้วว่านายอภิสิทธิ์หมด ความชอบธรรมที่จะปกครองบ้านเมืองต่อไปแล้ว ใช่มั้ยครับพี่น้อง ถ้าใช่ปรบมือดังๆ ส่งไปถึงพ่อแม่พี่น้องทางบ้านด้วย ถ้าพี่น้องทางบ้านและประชาชนทั่วประเทศเห็นด้วย ก็ต้องส่งความเห็นเข้ามาเพื่อเราจะได้ตัดสินใจดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครับ เราคงจะปล่อยให้เขาลอยนวลอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะเราหวังว่าเขาจะสำนึก เขาก็ไม่สำนึก ยังมาตีสำบัดสำนวนและดูถูกเหยียดหยามพ่อแม่พี่น้องประชาชน ไม่มีที่สิ้นสุด

ผมบอกได้เลยครับ คนแบบนี้เลือดยางหัวไม่ตก มันไม่สำนึกแน่นอนครับ และคนแบบนี้ ไม่เห็นโลงศพมันไม่หลั่งน้ำตาแน่ครับ และคนแบบนี้ เขาคือคนหนักแผ่นดินครับ ขอบคุณมากครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น