++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

รัก (นศ.) เกินร้อย! “นิ้น – สลิลาทิพย์” อ.สาว ม.กรุงเทพ

เพิ่งจะผ่านพ้นช่วงวันแห่งความรักมาหมาดๆ เชื่อว่าเหล่านิสิต-นักศึกษา ไม่น้อยคงจะเพิ่งผ่านความสดชื่นปิ๊งปั๊งกุ๊กกิ๊กจากเซอร์ไพรส์ของคนรัก และอีกจำนวนมากยังคงมองโลกเป็นสีชมพูหวานเป็นพิเศษเพราะยังอยู่ในสัปดาห์แห่งเทศกาลสุดแหววนี้ ทว่าในรั้วมหาวิทยาลัย ยังมีความรักที่น่าชื่นชมอีกแบบหนึ่ง ที่เป็นความรักซึ่งตั้งอยู่บนความรู้สึก “อยากให้” แบบไม่มีหมด ไม่มีเงื่อนไข และไม่หวังอะไรตอบแทน

“นิ้น” สลิลาทิพย์ ทิพยไกรศร อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อดีตรองอันดับ1 เวทีนางสาวไทยปี49 และอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ สาวสวยผู้ตัดสินใจทิ้งความฝันของการเป็นนักครีเอทีฟ เจ้าของธุรกิจบริษัทโฆษณา พิธีกร ผู้ประกาศข่าว แล้วผันชีวิตเข้าสู่แวดวงของการเป็นเรือจ้างในรั้วมหาวิทยาลัยที่เธอเคยเรียน เธอบอกกับว่า นี่คืออาชีพที่ทำแล้วรักมากที่สุด จนทุ่มเทให้ได้ทั้งชีวิต
“ในวันที่เลือกแล้วว่าจะเป็นครู ก็มีหลายๆ ตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เป็นพิธีกร ทำไมไม่ไปเป็นดารา ทำไมไม่ทำงานในวงการบันเทิง เพราะมันมีหนทางที่จะไปได้ อยากให้ไปทำตรงนั้นก่อน เก็บเงินสักก้อนนึง ซัก5ปี 10ปี แล้วค่อยกลับมาทำในสิ่งที่เราอยากจะทำก็ได้ หลายคนถามเยอะมากว่าทำไมนิ้นถึงมาเป็นอาจารย์...”

อาจารย์นิ้นเท้าความในวันที่เธอคิดและเลือกทางเดินชีวิตบนเส้นทางสายเรือจ้าง และตกลงใจจะทุ่มเทชีวิตในอาชีพ “คนสอนหนังสือ” แก่เหล่านักศึกษา

“ตอนแรกเราก็เริ่มถามตัวเองก่อนว่า เราชอบหรือเปล่า ว่าเรารักที่จะทำงานบนเส้นทางนี้ไหม พอถามตัวเองเสร็จ ก็ได้คำตอบว่าเรารู้สึกอยากทำ เพราะเราไม่รู้จะอยู่อีก 10ปี 5ปี หรืออยู่แค่วันนี้ ถ้าสิ่งที่เราทำคือนี้ทำให้เรามีความสุข เป็นการให้ที่มีความสุข คือการให้ที่ไม่ได้หวังอะไร เมื่อเรามองลูกศิษย์ เราไม่สามารถรู้ได้ว่า คนที่นั่งอยู่ในห้องเรียน ตรงหน้าเรานี้เขาเป็นใครมาจากไหน แล้วจะเป็นอะไรในอนาคต เรารู้แค่ว่า เขาเป็นเด็ก เป็นนักศึกษา เป็นคนที่เราคิดดีแล้วอยากจะให้สิ่งดีๆกับเขา”

อาจารย์นิ้นเริ่มต้นสวมหมวก “ครู” ในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยวัยเพียงอายุ 25 ปี หลังจากคว้าใบปริญญาโทบริหารธุรกิจการตลาด เกียรตินิยมเหรียญทอง มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

“จำได้ว่าครั้งแรกที่ไปสอนหนังสือ สนุกมาก รู้สึกว่าสิ่งที่มีความสุขที่สุดในชีวิตคือเวลาที่อยู่ในห้องสอนหนังสือให้แก่นักศึกษาที่น่ารักและตั้งใจเรียน นักศึกษาที่นิ้นเจอมาน่ารัก ตั้งใจเรียน ด้วยอาจจะเป็นวัยที่ใกล้เคียงกัน แต่ว่าเขาก็เชื่อมั่น ศรัทธาในตัวเรา พูดคุยกับเขาด้วยความเข้าใจ สิ่งที่เราทำคือความหวังดีของเรา ความรู้ที่เราให้คือประสบการณ์ แล้วเราเอาสิ่งที่เรารู้มาสอน แต่บางเรื่องเขารู้มากกว่าเรา อย่างเด็กบางทีพ่อแม่เขาทำธุรกิจ เราก็เปิดโอกาสให้เขาก็เล่าให้เราฟัง แลกเปลี่ยนความคิดกัน อีกอย่างเราเคยเป็นเด็กเรียน ทำกิจกรรม เล่นกีฬา ทำทุกอย่างเพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจเด็กทุกกลุ่ม ก็ทำให้เรารู้วิธีการสอนคนแต่ละกลุ่ม”

เมื่อถามว่าทีเด็ดของอาจารย์สาวคนนี้อยู่ที่ไหน เธอตอบว่า อยู่ที่ความพยายามทุ่มเทกับนักศึกษาอย่างเต็มที่และไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ และไม่ลืมที่จะกลับไปทำการบ้าน ปรับปรุงตัวให้เข้าถึงนักศึกษามากยิ่งขึ้น

"หน้าที่อย่างหนึ่งของเรา คือการดึงศักยภาพของตัวนักศึกษาออกมา นิ้นทุ่มเทกับอาชีพนี้พยายามจะคุยกับเด็ก ถามเขาว่าที่เขาเรียนมา 1 เทอมเขาเข้าใจไหม เรื่องที่เขาควรรู้เขารู้หรือเปล่า แล้วถ้าเขาไม่เข้าใจ นั่นแปลว่าเราผิดที่ถ่ายทอดไม่ดี เราก็ต้องปรับ การตลาดมันคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว ก็ยกตัวอย่างที่อยู่ใกล้ตัว สินค้าที่เขาได้ใช้ได้เห็นเอากิจกรรมเขาไปทำ เพื่อให้เขาเรียนรู้ เชื่อเขาจะจำได้มากกว่ากับสิ่งที่เขาได้คิดและได้เรียนรู้เอง"

นอกจากการเรียนการสอนภายในห้องเรียนแล้ว อาจารย์นิ้นยังเปิดโอกาสพูดคุยกับเด็กๆ ตลอดเวลา ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว จนกระทั่งยอมให้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว หากศิษย์คนใดมีปัญหาสามารถติดต่อเธอได้ตลอดเวลา

“หน้าที่ของครูไม่ใช่แค่อยู่ในห้องเรียน เมื่อสอนเสร็จแล้วเดินออกจากห้องทันที แต่ต้องเป็นทั้ง 24 ชั่วโมง เด็กบางคนมีปัญหาที่บ้าน ถ้าอาจารย์ไม่เข้าใจ คนที่เขาพึ่งได้ก็คือเพื่อน ถ้าเจอเพื่อนไม่ดีก็จะเกิดปัญหา ถ้าเราปฏิเสธที่จะช่วยเขา เราจะรับได้ไหมกับผลที่มันเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นจะบอกตัวเองตลอดว่า ขอเป็นที่พึ่งที่สองให้กับเขา ต้องมีความเมตตา เมื่อใดที่เด็กเดินมาพร้อมกับปัญหา เขาต้องเดินออกไปพร้อมวิธีแก้ไขปัญหา เรามีหน้าที่ที่จะให้วิธีแก้ปัญหากับเขา ใช้ความเข้าใจและช่วยกันหาทางออก อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกว่ามีใครสักคนที่ช่วยเขาได้” อ.สาวหัวใจรักลูกศิษย์เกินร้อยรายนี้ทิ้งท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น