++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ณ วันนี้ 40 กว่าปี "คู่รักปาท่องโก๋ แห่งรั้วลูกพระนาง"

“ความรักไม่กำหนดเพศ อายุ วัย ความรักไม่มีเงื่อนไข ความรัก... ไม่มีถูกผิด และ ความรักเกิดขึ้นได้ทุกที่” ขอต้อนรับเข้าสู่เทศกาลวันวาเลนไทน์ เทศกาลแห่งความรักของคนมีรัก วันนี้ไลฟ์ ออน แคมปัส ขอหยุดพักการเล่าเรื่องราวความรัก ชีวิตคู่ของหนุ่มๆสาวๆไว้สักพัก และเปลี่ยนบรรยากาศมาพูดคุยกับความรักที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจจนใครๆ ต้องอิจฉา ผู้สื่อข่าวไลฟ์ ออน แคมปัส จึงไม่รอช้า รีบเดินทางไปยังสถานที่นัดพบบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิ 2 ท่าน จากรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านถนนอู่ทองนอก ระหว่างที่รอสัมภาษณ์อยู่นั้น ทราบมาว่า ท่านทั้งสองมีประชุมด่วนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนั้น ดูเหมือนบรรยากาศยังคงตรึงเครียด ทำเอาผู้สื่อข่าวเริ่มวิตกกังวลกับประเด็นที่ต้องสัมภาษณ์ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า จนกระทั่งในที่สุดก็ได้ยินเสียงต้อนรับที่แสนจะนุ่มนวลของ “รศ.ดร ณรงค์ พลอยดนัย” รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และ "ผศ.ดร.ดวงใจ พลอยดนัย" หัวหน้าสำนักงานหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา


ความรักที่ยั่งยืนและยาวนานของ “รศ.ดร ณรงค์ พลอยดนัย” รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และ รศ.ดร.ดวงใจ พลอยดนัย หัวหน้าสำนักงานหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา

แน่นอนที่สุด บุคคลทั้งสองนี้จะมาเล่าเรื่องราวความรักยิ่งใหญ่ของการชีวิตคู่อย่างไร ให้ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆมาได้กว่า 40 ปี จนกระทั่งเป็นที่ขนานนามว่า “คู่รักปาท่องโก๋ แห่งรั้วสวนสุนันทา” ที่ใครต่อใครมักพบเห็นเวลาที่ทั้งคู่ทำงาาน หรือออกไปทานข้าวด้วยกันเสมอ อีกทั้งยังเป็นที่รักของลูกศิษย์อีกหลายคน เชื่อว่าใครหลายคนที่ได้รับรู้เรื่องราวความรักของท่านทั้ง2 คงต้องอดยิ้มแก้มปริ กับเรื่องราวที่ถูกนำเสนอหลังจากนี้

จุดเริ่มต้นความรักที่ยิ่งใหญ่ เกิดที่“วิทยาลัยครูสวนสุนันทา” สมัยพุทธศักราช 2501 (มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ในปัจจุบัน) อาจารย์รณรงค์ เริ่มต้นเล่าด้วยท่าทางสบาย และเขินอายเล็กน้อย จนทำให้อาจารย์ดวงใจรู้ทันทีและขอตัวออกไปทำงานด้านนอก เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์ณรงค์ ได้เล่าเรื่องอย่างเต็มที่ “สมัยก่อนเราเจอกันตอนที่เรียนวิทยาลัยครูฯ ตอนที่ผมถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนเด็กนักเรียนทุนจากจังหวัดสิงห์บุรี ส่วนอาจารย์ดวงใจเป็นตัวแทนเด็กทุนจากจังหวัดพังงา เรามาเจอกันที่นี่ เรียนอยู่ห้องเดียวกัน แต่เราสองคนต่างกันมาก ผมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เกเร คารมดี แต่ยากจน มาอาศัยอยู่ที่วัดราชา ส่วนอาจารย์ดวงใจ เขาเป็นสาวเปรี้ยว รวย แต่งตัวเก่ง เรียนก็เก่ง แถมยังเป็นดาวเด่นในห้องเรียน ตอนนั้นเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ ยังไม่มีทีท่าว่าใครจะสนใจใคร แต่ผมเป็นคนค่อนข้างเจียมตัว เพราะเป็นคนจนไม่มีตังค์ไปเรียน อาศัยคารมดี เข้าไปพูดคุยกับสาวๆ ขอกินขนมฟรีบ้าง หรือเรียกว่า ตลกบริโภค ก็เท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่มของอาจารย์ดวงใจรวมอยู่ด้วย”

หลังจากที่เรียนจบ ป.กศ.ต้น อาจารย์ณรงค์ และอาจารย์ดวงใจ พร้อมกับเพื่อนสาวอีกหนึ่งคนถูกคัดเลือกให้เรียนต่อในระดับ ป.กศ.สูง ซึ่งตอนนั้นการเรียนค่อนข้างยาก แถมยังต้องเลือกเรียนวิชาโทเพิ่มขึ้นอีก 2 วิชา ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน แต่เมื่อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน อาจารย์ทั้งสองมีความสามารถทางภาษาจึงสอบผ่านวิชาโท ภาษาอังกฤษ ส่วนเพื่อนอีกคนสอบไม่ผ่าน จากนั้นทั้งคู่จึงต้องเรียนร่วมกันตลอด และด้วยความสนิทสนม ไปเรียนพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกัน จนกระทั่งหัวใจของอาจารย์รณรงค์เริ่มหวั่นไหว บวกกับความชื่นชมในในตัวของอาจารย์ดวงใจมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความเก่งในเรื่องการเรียน และเรื่องความมีน้ำใจ

“ เหมือนที่ผมบอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่า เขาเป็นคนสวย แต่งตัวเก่ง มีน้ำใจ เรียนเก่งสอบได้ที่ 2ที่ 3 มาตลอด ดีทุกอย่างจนไม่กล้าแม้แต่จะมอง เหมือนหมามองพระจันทร์ แต่ในใจก็เริ่มแอบลุ้นว่าเขาจะมีใจกับเราหรือเปล่า ผมคิดว่าเวลาที่จะหาแฟนสักคน ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนสนุก เพราะผมเป็นคนสนุก ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่หลายคนชอบอยู่แล้ว และต้องเป็นคนใจกว้าง ไม่ขี้ตู่ เพราะผมเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ข้อสุดท้ายแฟนผมต้องไม่โง่ ถ้าเอาคนไม่ฉลาด ลูกเราก็จะโง่ ซึ่งถ้าถามว่า ตรงกับอาจารย์ดวงใจหรือเปล่า คำตอบคือใช่”




คำว่า "เพื่อนสนิท" แปรเปลี่ยนไปเป็น "เพื่อนชีวิต"
ช่วงเวลาที่เรียนอยู่ ป.กศ.สูง ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้น ไปเรียนพร้อมกัน และกลับพร้อมกันตลอด จนกระทั่งอาจารย์รณรงค์เริ่มรู้สึกได้ว่า อาจารย์ดวงใจก็เริ่มที่จะมีใจให้เหมือนกัน “แค่มองตาเราก็เริ่มรู้ว่า เขาก็เริ่มชอบเราเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นความห่วงใย ตั้งแต่เวลาไปเรียนด้วยกัน เขาถามตลอดว่า “เธอจะกลับบ้านยังไง เธอจะกินอะไร มีเงินใช้หรือเปล่า ยืมเราก่อนก็ได้” ผมเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ว่าเขาก็ชอบเราเหมือนกัน ผมจึงรวบรวมความกล้า พูดกับเขาว่า “ฉันชอบเธอ เธอแต่งงานกับฉันไหม” ไม่มีคำตอบออกมาจากปากเขา นอกจากรอยยิ้ม แค่นี้เราก็รู้แล้ว ความรักของผมกับอาจารย์ดวงใจ เหมือนเพื่อน เราจะไม่ใช่คำว่าแฟน แต่เราจะมีความพิเศษให้กัน"

หลังจากที่ทั้งคู่ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี จากวิทยาลัยครู อาจารย์ณรงค์สอบบรรจุครูที่วิทยาลัยครู จังหวัดภูเก็ต สอบบรรจุที่วิทยาลัยครูสวนสุนันทา แม้ว่าระยะทางจะไกลกันมาก แต่ด้วยความรักที่มีให้กัน ก็ไม่ทำให้ทั้งคู่ห่างกันเลยสักครั้ง อาจารย์ณรงค์ใช้เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์เดินทางมากรุงเทพ เพื่อมาหาอาจารย์ดวงใจ เพื่อไปทานข้าว ดูหนัง และเริ่มพูดคุย เข้าหาผู้ใหญ่มากขึ้น จนกระทั่งอาจารย์ดวงใจย้ายไปประจำที่จังหวัดภูเก็ต และตอบตกลงแต่งงานกับอาจารย์ณรงค์

ปัจจุบันทั้งคู่อายุ 63 ปี และใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่า 40 ปี พร้อมทั้งมีแก้วตาดวงใจด้วยกัน 2 คน ลูกชายคนโตเรียนจบปริญญาเอกที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนลูกสาวคนเล็กกำลังเรียนต่อปริญญาโท อยู่ประเทศฮอล์แลนด์ อาจารย์ณรงค์ กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสหลังจากที่ได้พาเราย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของความรักที่ยิ่งใหญ่ของตนและอาจารย์ดวงใจ อย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แถมยังแอบกระซิบอีกว่า เขินอาย และไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครเลย

“เวลาที่มีความรัก ความรู้สึกมันกระจายได้ เวลารักอะไรๆ มันก็ดีไปหมด ความรักของผมกับอาจารย์ดวงใจก็เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน จนกระทั่งตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนชีวิตของกันและกัน ถ้าจะถามว่าชีวิตคู่นี้ เคยทะเลาะกันหรือเปล่า คงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ทะเลาะกัน แต่เราไม่เคยที่จะโกรธกันข้ามวัน เพราะเราทั้งสองคนไม่คิดว่า ใครคนใด จะต้องชนะหรือใครอีกคนจะต้องแพ้ จุดที่เชื่อมเราให้เข้ากันได้คือ ลูก บางครั้งเวลาเราโกรธ เรากลัวลูกจะเสียสุขภาพจิต ดังนั้นเมื่อรู้ว่า ใครผิด คำขอโทษก็จะตามมา และสำหรับคู่ของผมกับอาจารย์ดวงใจ ถือว่า ทะเลาะกันน้อยมาก เพราะเราสองคนเป็นคนอารมณ์ดี เราสองคนเริ่มมาจากเพื่อน คำว่า เพื่อน มันตัดกันไม่ได้อยู่แล้ว”

หลังจากอาจารย์ดวงใจ เสร็จสิ้นภารกิจจากงานที่ทำอยู่ จึงพอมีเวลาพูดคุยกับเราอีกครั้งเช่นกัน ท่าทีจะเขินอายและเป็นกันเองของอาจารย์ดวงใจ ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าสมัยก่อนที่อาจารย์ณรงค์เล่าให้ฟัง

“อาจารย์ณรงค์ เขาเป็นคนขี้เล่น สนุกสนานตลอด เวลาที่เราอยู่ด้วยกันจะมีสุขมาก ทุกปีที่ครบรอบวันแต่งงานเราจะไปทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูก เวลาไปไหนก็จะไปด้วยกันตลอด เพราะเราทำงานที่เดียวกัน อยู่ห้องทำงานเดียวกัน มาทำงานกลับบ้านพร้อมกันทุกวัน เวลาว่างเราก็จะไปออกกำลังกาย อย่างเวลาว่ายน้ำก็จะไปว่ายอยู่ใกล้เขา กลัวว่าจะไปเป็นตะคริว ตอนนี้เราก็ต้องดูแลใส่ใจเขามากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ เพราะอายุเราสองคนก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว” คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ที่เอ่ยถึงความห่วงใยที่มีให้กันตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้อายุจะมากขึ้นเรื่อยก็ตาม

ความรักเล็กๆ น้อยๆ ที่แต่งเติมขึ้นมาจากคำว่า เพื่อนสนิท และแต่งเติมชีวิตมาเรื่อยๆ จนกระทั่งสะสมกันมาจนอายุ 63 ปีด้วยกันทั้งคู่ พร้อมทั้งคำมั่นสัญญาที่ว่า เราสองคนจะเป็น “เพื่อนชีวิต”กันตลอดไป หากใครที่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว คงต้องอิจฉากับความรักที่ยิ่งใหญ่ ของชายหนุ่มสูงวัย และสาวสวยไม่สร่าง อย่าง“รศ.ดร ณรงค์ -ผศ.ดร.ดวงใจ พลอยดนัย”แน่นอน
http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9540000019547

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น