++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม !!!

พระพุทธเจ้าของเราทรงเผยพระประวัติกรรมและผลของกรรมของพระองค์ กับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะประทับเหนือพระศิลาอันน่ารื่นรมย์ใกล้สระอโนดาด ทรงกล่าวว่าครั้งหนึ่ง เห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่งจึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า โดยตั้งปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จในความเป็นพระพุทธเจ้า

ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายโคบาล ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นในภพสุดท้ายนี้ พระองค์กระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ เพราะเคยให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์ไปแล้วไม่ตักมาบอกว่าน้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปตักใหม่เป็นครั้งที่สอง จึงได้น้ำใสกลับมาเพราะน้ำขุ่นนั้นกลับใส

ชาติหนึ่งเคยเป็นนักเลงชื่อปุนาลี ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่าสุรภิผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้นต้องไปท่องนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปี ด้วยกรรมที่เหลือในภพสุดท้ายก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนาง

สุนทริกา ซึ่งเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำเป็นไปค้างคืนกับพระสมณโคดม ให้ใครต่อใครหลงผิดทั้งที่นางค้างที่อื่น แต่รุ่งเช้าก็ทำท่าโผเผมาจากเชตวนาราม อีกสองสามวันที่มีคนโจษจันกัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านาง ป้ายความผิดว่านางถูกฆ่าปิดปาก คนสงสัยว่าอาจจะจริง ร้อนถึงพระราชาส่งราชบุรุษไปสืบดูตามร้านสุรา ก็จับนักเลงที่ฆ่ากับเดียรถีย์ที่จ้างฆ่ามาลงโทษทั้งหมด

อีกชาติหนึ่งเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มานพ 500 ได้ใส่ความภีมฤษีผู้มีอภิญญา มีฤทธิ์มาก หาว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มานพทั้งหลายก็พลอยชื่นชม เมื่อไปภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม ผลของกรรมนั้นภิกษุ 500 เหล่านี้ทั้งหมดก็พลอยถูกใส่ความด้วย เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาทีถูกนักเลงฆ่าป้ายความผิดให้พระพุทธองค์ ภิกษุทั้งหลายที่อยู่ในเชตวนาราม พลอยถูกหาว่าร่วมกันฆ่าปิดปากนางสุนทริกา และถูกด่าว่า กระทั่งพระราชาจับนักเลงและเดียรถีย์ที่ร่วมกันฆ่านาง จึงสงบ

อีกชาติหนึ่งไปกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะ จึงต้องท่องไปในนรกหลายหมื่นปี เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถูกใส่ความมาก และด้วยกรรมที่เหลือ ชาติสุดท้ายนี้จึงถูกนางจิณจมาณวิกา ใส่ความว่าพระองค์ทำให้นางตั้งครรภ์

ชาติหนึ่งเคยฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขา เอาหินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงถูกพระเทวทัตเอาหินทุ่มที่เขาคิชกูฏ จนสะเก็ดหินกระเด็นถูกหัวแม่เท้า ห้อพระโลหิตในชาติสุดท้าย

อีกชาติหนึ่งเป็นเด็กเล่นอยู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่างๆ ขวางทางไว้ ผลกรรมนั้น ในภพสุดท้ายจึงถูกพระเทวทัตส่งคนตามล่า

ชาติหนึ่งเป็นนายควาญช้าง ไสช้างไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เที่ยวไปเพื่อบิณฑบาต ผลแห่งกรรมนั้น ชาติสุดท้ายถูกช้างนาฬาคิรีดุร้ายเมามัน วิ่งเข้ามาเพื่อทำร้ายในนครอันประเสริฐมีภูเขาเป็นคอกคือกรุงราชคฤห์ ซึ่งมีภูเขาห้าลูกแวดล้อม

อีกชาติหนึ่งเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ผลแห่งกรรมนั้นต้องหมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้าย สะเก็ดแผลที่เท้ากลับกำเริบ กรรมยังไม่หมด

ชาติหนึ่งเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วยผลของกรรมนั้นจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิทูฑภะฆ่าพวกศากยะในกรุงกบิลพัสด์

อีกชาติหนึ่งเคยเป็นบริภาษพระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้า ว่าท่านจงเคี้ยว จงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย ผลแห่งกรรมนั้นในชาติสุดท้ายนี้ ต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่สามเดือน เมื่อพราหมณ์นิมนต์ไปอยู่เมืองเนรัญชา แล้วลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพ่อค้ามาถวายข้าวเหนียวแดงที่มีไว้ให้ม้ากิน

ชาติหนึ่งสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เคยทำร้ายบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้นจึงเจ็บที่หลังเรื่อย ชาติหนึ่งเคยเป็นหมอ แกล้งให้ยาถ่ายแก่บุตรเศรษฐี เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถึงแก่ชีวิต ผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ จึงเป็นโรคปักขันทิกะลงพระโลหิต

อีกชาติหนึ่งได้ชื่อว่าโชติปาละ เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า การตรัสรู้เป็นของได้โดยยาก ท่านจะได้จากควงไม้โพธิ์ที่ไหนกัน ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในชาติสุดท้ายนี้ต้องบำเพ็ญทุกกรกริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลาถึงหกปี ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้

“เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น ได้แสวงหาโดยทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา” พระองค์ทรงหมายถึง มิได้ปฏิบัติธรรมบรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในทันทีเลย ต้องไปหลงผิดปฏิบัติทางอื่นอยู่หกปี อดอาหารจนแทบสิ้นชีวิตเมื่อบำเพ็ญทุกกรกริยา เปลี่ยนมาฉันอาหารอีก ทำให้ปัญจวัคคีย์โกรธเลิกนับถือหาว่าไม่มั่นคง แต่ภายหลังเมื่อพระองค์ทรงปฏิบัติถูกทางจนบรรลุธรรม ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจึงไปโปรดปัญจวัคคีย์ ให้หายโกรธ หายเข้าใจผิด พระพุทธองค์ทรงสรุปการแสดงกรรมอันเกิดจากอดีตชาติทั้งหลายดังกล่าว “เราสิ้นบุญและบาปแล้ว เว้นแล้วจากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้นปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน”

กรรมและผลของกรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงให้ประจักษ์ มีเนื้อหาให้เห็นว่า กรรมเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก แม้แค่แสดงความชื่นชมกับผู้หลงผิดคิดผิด ยังต้องรับกรรมเช่นภิกษุห้าร้อยรูป ที่พลอยรับกรรมถูกตำหนิด่าว่าเป็นผู้ร่วมกันฆ่านางสุนทริกาเพื่อปิดปาก ไปกล่าวร้ายพระพุทธเจ้าว่าเสพกามกับนาง ซึ่งมาจากกรรมสมัยมานพห้าร้อยคน สมัยพระองค์เป็นพราหมณ์สอน โดยชื่นชมกับคำกล่าวหาใส่ความของพราหมณ์อาจารย์ที่ว่าฤษีบริโภคกาม

หรือสมัยพระพุทธองค์เป็นเด็กชาวประมง ชื่นชมกับชาวประมงที่ฆ่าปลา ยังรับกรรมเจ็บที่ศีรษะเป็นต้น

การที่เราได้รับรู้เรื่องกรรมเก่า ไม่ว่าจะเป็นอดีตชาติหรือชาติปัจจุบันก็ตาม มีผลทำให้เราเข้าใจในเรื่องเหตุและผลของกรรม ที่ส่งผลมาเป็นปัจจุบัน แม่ชีท่านได้อภิญญามีเจตนาดี

สงสารผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องของกรรม และกำลังได้รับผลของกรรมนั้นซึ่งเป็นทุกข์อยู่ให้เข้าใจเหตุแห่งความทุกข์ นั้นมาจากไหนจะได้ไม่กระทำการซึ่งก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นอีก

การแจกแจงเรื่องของวิบากกรรมนั้นให้รับรู้จะได้เตือนและสอนให้รู้ว่า ทุกอย่างมีเหตุและมีผล ทำอไรก็ได้อย่างนั้น เหตุปลูกข้าวส่งผลให้ได้ข้าว เหตุปลูกมะม่วงส่งผลให้ได้มะม่วง เหตุหยิกมือตัวเอง ส่งผลก็เจ็บเองมีรอยแดง รอยเจ็บ

ที่มา ขอบคุณค่ะ >> http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2331

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น