++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คำว่า แ ต่งงาน โดย นพ.สุกมล

บทความโดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล / ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

ในฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆครับ…
ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก
พราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี
แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ…


วันเกิดครบรอบ 30 จึงเป็นตัวเลข! แห่งความสะเทือนขวัญ
ก่อให้เกิดความตื่นตระหนก…
หลายคนไม่อยากพูดถึง คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย…
ถือเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธ
ที่ชอบถามว่า “ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด“
เฉลย '! ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีผัว ' …
ใครดันถาม มันผู้นั้นสมควรตาย


ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา
คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า
'อย่าริรักในวัยเรียน ' 'ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี จบแล้วค่อยมีแฟน'
ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตา
ก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท 'รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน'
ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา…เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา
เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน



หลังจบการศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง
เลือกสรร ควานหา ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต
ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟค
อย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆ
ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม หล่อล่ำดำขรึม ถึง
จะได้มาตรฐาน… ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา หน้าติมอร์
อย่าได้สะเออะหน้ามาให้เห็น…ไม่มีทางได้แอ้มหรอก


จากวันเป็นเดือน - จากเดือนเป็นปี
ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลา
ผ่านไป… เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน
เจ้านายก็! มีเมียแล้ว… ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม
สองคนดันเป็นเกย์…อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า
คนสุดท้ายเป็นชายแท้
แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่
ไม่อยากเข้าไปเป็นมือที่สาม…





นั่งรถมาทำงานก็สองชั่วโมงครึ่ง
กลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลัง
ขอนอนเอาแรงก่อน.........


ขณะที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือ
สถาบันการศึกษาที่เธอจบมา…
แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ
ที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อ
แล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว
ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อนสนิท
เป็นที่เรียบร้อย…



แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง…ตื่นพอดี
เจอโลกแห่งความจริง ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน

ยิ่งเข้าหน้าหนาว ซองสีชมพูกลิ่นหอมๆจากเพื่อนๆ
เริ่มทยอยมา ตามหลังซอง กฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาล…
พอไปในงาน ดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
'เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ'...
'โถ! การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้ว
เหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะเป็นใคร
เพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆ
เรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่เลย'

เอ๊ะ…เกี่ยวอะไรกัน!…ในใจก็คิดว่า '
ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง
หนักกระบาลใครรึเปล่า'

เคยตั้งคำถามกันไหม…ว่าทำไมต้องแต่งงาน(กันด้วย!)…
คำตอบจากเพื่อนๆ
ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย…

'อยู่คนเดียวมันว้าเหว่ อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา ' …
รายนี้เห็นผู้ชาย เป็นตัวคลายเหงา
'รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย (หาเงิน) ' …
ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า
'อยากมีลูก ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ '…
เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนี่ยะ



'โรงงานพร้อมแล้ว ขาดผู้ประกอบการ'…
เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ


อันว่า ' ชีวิตคู่ ' อยู่ไปเพื่อสิ่งใด ?
ชีวิตคู่ คือ การเติมเต็มซึ่งกันและกัน ดังนั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว
ครึ่งหนึ่งของ ชีวิตเราจะหายไป
ในส่วนที่ขาดจะมีครึ่ งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติมแต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้น
ขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน
มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของ! การแต่งงานคือ
การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อเป็นสามีภรรยาแล้วต้องมีความสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว
ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้ว มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด
ทุกข์ทรมาน
ก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน…
อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิตคู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามี
ภรรยาต้องมีส่วน
อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงาน
ชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม
กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน
อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม…
ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการพนัน
โกงบ้านกินเมือง
ชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตก นรกทั้งเป็น



เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟน
แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตา
ฐานะการเงิน ยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ
เปลี่ยนเป็นเงื่อนไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ
หนึ่ง - สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด
สอง - คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า
เพราะชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน
หาใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว
เพราะอยู่คนเดียวก็เสียวได้ ไม่ง้อใครให้เสียเวลา
ไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด
ถือคติประจำใจว่า 'อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว'
--

ถึงหนู๋จะมาสาย แต่ก็กลับตรงเวลาน่ะค่ะ

ความพอใจ ไม่ใช่การมีสิ่งที่ต้องการ แต่เป็นการต้องการสิ่งที่ตนมี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น