++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

“อภิสิทธิ์” ชูครอบครัวเข้มแข็ง สังคมมั่นคง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    

       นายก รัฐมนตรี ส่งสารวันครอบครัว ชูครอบครัวเข้มแข็งนำไปสู่ความมั่นคงทางสังคม ระบุปัจจัยพื้นฐาน 3 ประการ เวลา กิจกรรม และการเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็งของครอบครัว
      
       นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ส่งสารเนื่องในโอกาส “วันครอบครัว” วันที่ 14 เมษายน ดังนี้ ครอบครัวเป็นสถาบันพื้นฐานหลักที่สำคัญที่สุดในสังคม เพราะเป็นทั้งรากฐานของการดำรงชีวิตและเป็นปัจจัยยึดเหนี่ยว สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของสังคมและประเทศชาติ การมีสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง ถือว่าเป็นทุนทางสังคมที่มีศักยภาพในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม และเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่ความมั่นคงทางสังคม การสร้างสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็ง จึงถือเป็นภารกิจหลักของทุกฝ่าย
      
       คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 กำหนดให้วันที่ 14 เมษายนของทุกปี เป็น “ครอบครัว” โดยมุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของสถาบันครอบครัว อันจะนำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ในการพัฒนาและเสริมสร้างพลังความเข้มแข็งสู่สถาบันครอบครัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะในการร่วมกันหล่อหลอมสมาชิกในครอบครัวให้เป็นคนดี มีคุณภาพควบคู่กับคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้เป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของสังคมและประเทศชาติต่อไป
      
       รัฐบาลมีนโยบายทางด้านสังคมที่มุ่งหวังให้สถาบันครอบครัวได้ทำ หน้าที่กล่อมเกลาและปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องด้วยการสร้างความรักความผูกพัน ความไว้วางใจต่อกัน ความเอื้ออาทร และความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นแก่สมาชิกในครอบครัว ปัจจัยหลักพื้นฐาน 3 ประการ ที่มีผลเกี่ยวข้องต่อกัน และส่งผลกระทบต่อความเข็มแข็งของครอบครัว คือ “เวลา กิจกรรม และการเรียนรู้”
      
       เนื่อง ในโอกาสที่ “วันครอบครัว” ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 14 เมษายน 2552 นี้ ผมขอเรียนย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างครอบครัวให้มีความเข้มแข็งอย่างเต็มที่ และขอให้พี่น้องชาวไทยทุกคนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ด้วยการมอบความรักความอบอุ่นให้แก่กัน มีเวลาทำกิจกรรมและเรียนรู้ร่วมกัน อันจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งมั่นคง

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000041945

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น