++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552

เตือนกะเทยผ่าตัดเปลี่ยนเสียงเป็นหญิง ระวังเกิดโรคแทรกซ้อน-หมอชี้ยังไงก็ไม่หวาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

    แพทย์เตือนกะเทยผ่าตัดเปลี่ยนเสียงเป็น หญิง เสี่ยงเสียงแหบ เกิดโรคแทรกซ้อน ยันตามหลักวิชาการทางการแพทย์ ยังไม่มีวิธีแปลงเสียงให้หวานเหมือนหญิงได้ “นที” เกย์การเมือง ชูสโลแกน “กะเทยไม่ใช่ผู้หญิงไม่ต้องสวยปิ๊งเหมือนนางงาม” ให้ภูมิในความเป็นกะเทย เตือนสวยอย่างพอเพียง อย่าหลงมีดหมอสร้างปัญหาซ้ำเติมให้คุณภาพชีวิตแย่ เผยกะเทยสวยแต่เอ๋อ ไม่แก่ตาย แถมตกเป็นเหยื่อค้าประเวณี
      
       นพ.ชลทิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิง ตามหลักทางการแพทย์ถือว่ายังอยู่ระหว่างการทดลองและศึกษาวิจัยแต่ยังไม่ ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย และทั่วโลก เนื่องจากผลจากการผ่าตัดยังได้ผลที่ไม่แน่นอน แพทย์ยังไม่สามารถปรับความถี่ของเส้นเสียงให้เป็นอย่างที่ต้องการได้ หรือบางรายพบว่า เมื่อผ่าตัดแล้วเสียงแหบ หรือเกิดโรคแทรกซ้อน การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจึงถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และมักเกิดข้อผิดพลาดเยอะ อีกทั้งยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานการรักษาของแพทย์ที่ชัดเจนอีกด้วย
      
       ทั้งนี้ สาวประเภท 2 ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการดัดเสียงให้เล็ก โดยแพทย์จะไม่แนะนำให้ผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิงเพราะมีความเสี่ยง และผลการรักษาไม่แน่นอน ดังนั้น การที่สถานพยาบาลหลายแห่งผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิงโดยมิได้เป็นการ ผ่าตัดเพื่อรักษาอาการของเส้นเสียงทำให้เสียงแหบหรือไม่มีเสียงถือเป็นความ สมยอมระหว่างแพทย์กับคนไข้
      
       นพ.ชลทิศ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดแก้ไขปัญหาเส้นเสียง มีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดโดยการเย็บให้เส้นเสียงตึงขึ้น ผลการผ่าตัดทำให้เสียงสูงขึ้นไม่แน่นอนแต่มักสูงขึ้นไม่มาก และในระยะยาว อาจพบว่าไหมที่เย็บคลายตัว หรือมีการยืดตัวของสายเสียง ทำให้การผ่าตัดได้ผลเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เสียงก็จะกลับมาทุ้มขึ้นอีก
      
       “นอก จากนี้ พบว่ามีการเหลาให้ลูกกระเดือกให้มนขึ้น ซึ่งไม่มีผลกับเสียง ทั้งนี้ ลูกกระเดือก เป็นส่วนหนึ่งของกล่องเสียงที่มีลักษณะคล้ายกับลำโพงขยายเสียง ซึ่งผู้ชายจะมีลูกกระเดือกใหญ่กว่าผู้หญิง และทำให้เกิดเสียงดัง ทุ้ม ห้าวกว่าผู้หญิง แต่การเหลากระเดือกมีผลในเชิงรูปลักษณะภายนอกเท่านั้น และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นตามมาด้วย เช่น บวม หายใจไม่ออก ถึงขนาดต้องเจาะคอก็มีมาแล้ว” นพ.ชลทิศกล่าว
      
       ด้านนพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า จากกรณีที่สื่อมวลชนพบว่า มีการโฆษณาการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากชายเป็นหญิงของสถานบริการทางการแพทย์ แห่งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่เห็นโฆษณาดังกล่าว แต่โดยหลักการโฆษณาจะต้องไม่โอ้อวดเกินจริง ไม่ชักชวนไปใช้บริการโดยการกระตุ้นลด แลก แจก แถม ซึ่งกองการประกอบโรคศิลปะเป็นผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้
      
       “การผ่าตัดเส้นเสียง ยังไม่มีการกำหนดเป็นมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งเหมือนกับการรักษาทางการแพทย์อีกหลายโรคหลายประเภทที่ทำในไทย แต่ไม่มีการกำหนดมาตรฐาน และคงกำหนดมาตรฐานทั้งหมดไม่ไหว เช่น ข้อบังคับการแปลงเพศก็เพิ่งจะมีการกำหนดมาตรฐาน โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่มีก็ยอมรับให้ทำได้ แต่ต้องไม่มีปัญหา การให้บริการจึงขึ้นอยู่กับความเข้าใจ การสื่อสารกันของทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ” นพ.สัมพันธ์กล่าว
      
       ขณะที่นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวว่า ขณะนี้การผ่าตัดเปลี่ยนเสียงจากผู้ชายเป็นผู้หญิงกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเริ่มบูมตั้งแต่น้องตุ้ม ปริญญา เกียรติบุษบา อดีตนักมวยชื่อดัง ที่ผ่าตัด เปลี่ยนเพศ และผ่าตัดกล่องเสียง เพราะน้องตุ้มถือเป็น ดาราดัง เป็นไอดอลของเด็กๆ ที่เป็นกะเทย แต่หลังจากที่มีการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงแล้วสังเกตพบว่า น้องตุ้มพูดไปกลืนน้ำลายไป จังหวะการพูดก็สะดุดไม่ราบเรียบ ทำให้เสียบุคลิกภาพ ดังนั้นการผ่าตัดแปลงเสียงจะดีได้อย่างไร และหากจะทำคงต้องพิจารณาอย่างละเอียดถึงผลกระทบข้อดีข้อเสีย ทั้งนี้ เครือข่ายมีความเป็นกังวลใจอย่างมาก เพราะมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ผ่าตัดเลียนแบบน้องตุ้ม
      
       นายนที กล่าวต่อว่า ในการประชุมหารือร่วมกันระหว่างเครือข่าย มีมติร่วมกันที่จะต้องปรับแก้ทัศนคติของกะเทยโดยเปลี่ยนกรอบความคิดของกะเทย ว่า “กะเทยไม่ใช่ผู้หญิงและไม่ต้องสวยปิ๊งเหมือนนางงาม” อย่างเรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนเสียงก็อาจก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ผ่าตัดแล้วจะเสียงหวานเพราะพริ้งจริงหรือไม่แพทย์เองก็ยังตอบไม่ได้ ที่สำคัญกะเทยก็ไม่จำเป็นต้องเสียงหวานเหมือนผู้หญิง เสียงโต ห้าวก็ไม่เป็นไร ซึ่งกรอบคิดนี้ต้องชำระล้างออกไป ที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่อง คือ การฉีดผิวให้เป็นสีชมพูที่นิยมกันอย่างมาก ขณะเดียวกับก็เกิดผลเสียต่อสุขภาพมากเช่นกัน เช่น อาจเป็นมะเร็ง เป็นต้น
      
       “เรื่องความสวยความงามของกะเทยมักเป็นเรื่องที่กะเทยได้รับข้อมูล ด้านเดียว โดยการบอกเป็นทอดๆ รุ่นพี่บอกรุ่นน้องต่อๆ กันมา โดยไม่ได้เรียนรู้หลักวิชาการอย่างครบถ้วนรอบด้าน ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่แพทยสภาคงต้องออกแถลงการณ์เตือนเป็นระยะๆ เหมือนกับกรณีการตัดอัณฑะ ซึ่งในที่สุดแล้วก็มีแต่โทษ ทั้งกระดูกบาง เป็นมะเร็ง ร่างกายอ่อนแอ ในกรณีการเปลี่ยนเสียงก็เช่นเดียวกันส่วนใหญ่ที่พบ เมื่อเปลี่ยนแล้วทำให้เสียงหลุบๆ หลบใน พูดไม่เต็มเสียง มีการกลืนน้ำลายเป็นระยะๆ เสียบุคลิก ลำบากลำบน กลายเป็นปัญหาซับซ้อน แนะนำว่า ฝึกพูดเสียงเล็ก ละมุนละไม ฝึกไปเรื่อยๆ ก็เป็นธรรมชาติเอง” นายนทีกล่าว
      
       ประธานกลุ่มเกย์การเมืองไทย กล่าวว่า อยากเตือนว่าจริงๆ แล้วจงภูมิใจที่เกิดเป็นตัวของเรา จัดการตัวเองให้สะอาดสุขภาพกายสุขภาพจิตดี อย่าหลงระเริงกับมีดหมอ กะเทยต้องไม่หลอกตัวเอง สวยได้เท่าใดก็เท่านั้น ให้ทำอย่างพองาม พอตัว พอเพียง ให้เหมาะสม กรอบคิดที่ว่ากะเทยต้องสวยเหมือนผู้หญิงมากที่สุดเป็นอันตราย เพราะกะเทยเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง การที่พยายามทำให้ตัวเองสวยขึ้นนั้นกะเทยต้องเสียเงินเสียทองเป็นจำนวนมาก เสี่ยงต่อสุขภาพ แต่มีกะเทยไม่กี่คนที่สวยและพบว่าหลายคนสวยแต่เอ๋อหรือเพี้ยน ไม่ค่อยมีสติซึ่งอาจเป็นเพราะการที่ได้รับฮอร์โมนมากจนเกินไปจนสุขภาพร่าง กายจิตใจมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเชิงลบหรือบางรายอย่างสวย อยากแปลงเพศ จนหาเงินในทางที่ผิด เช่น ขายตัว ค้าประเวณี
      
       “เตือนไปยังกะเทยทั้งหลายว่าตอนนี้เทรนนิยมในอเมริกา ยุโรป ชอบกะเทยที่ไม่แปลงเพศ เยอะมาก ผู้ชายชอบกะเทยมีจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว หากพยายามเป็นหญิงมากเกินไปอาจตัดโอกาสตัวเองก็เป็นได้ ทั้งนี้ การติดอยู่กับความสวย เหมือนมีอายุมากขึ้นจะทำให้รับตัวเองไม่ได้ ซึ่งพบว่ามีกะเทยจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ บางรายฆ่าตัวตาย เพราะเสียความภูมิใจในตัวเอง ทนความเปลี่ยนแปลง ปรับตัวไม่ได้ ไม่สามารถดำเนินชีวิตให้เป็นปกติได้ บางรายทำลายชีวิตตัวเองเดินทางผิดติดยา ขายตัว” นายนทีกล่าว


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000043052

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น