++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

ยืดเส้นยืดสายด้วย “ฤาษีดัดตน” ภูมิปัญญากายบริหารแบบไทยๆ

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงจารึกคำประพันธ์ฤาษีดัดตน
       โยคะ แอโรบิก อาจต้องหลบไป เมื่อเทรนด์ใหม่กำลังจะมากับกายบริหารแบบไทยๆ ที่มีมาแต่โบราณอย่าง “ฤาษีดัดตน” ภูมิปัญญาไทยอันลึกล้ำที่แม้แต่ฝรั่งต่างชาติยังต้องยกนิ้วให้ เพราะสามารถดัดแปลงอิริยาบถต่างๆ มาใช้เพื่อการบำบัดรักษาดูแลสุขภาพของตนเอง โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองเข้าฟิตเนสราคาแพง ก็มีสุขภาพแข็งแรงได้ไม่ยาก
      
       “ฤาษีดัดตน” สุดยอดภูมิปัญญาไทย
       กัญจนา ดีวิเศษ ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เล่าถึงที่มาที่ไปของฤาษีดัดตน ว่า ตามร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานยืนยัน พบว่า ท่าฤาษีดัดตนมีในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 แต่เชื่อกันว่าท่าฤาษีดัดตนน่าจะมีมานานแล้ว โดยท่าทางต่างๆ ของฤาษีดัดตนเป็นการฝึกสมาธิบำเพ็ญเพียรของฤาษีในอดีต เมื่อฤาษีเกิดอาการเมื่อยขบก็ใช้วิธีการดัดตนบรรเทาอาการจุดปวดเมื่อยต่างๆ
      
       “บางตำราบอกว่าไทยคัดลอกมาจากท่าโยคะของอินเดีย แต่เมื่อศึกษาเปรียบเทียบแล้วก็พบว่าไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะท่าดัดตนของไทยไม่ใช่ท่าผาดโผนหรือฝืนร่างกายจนเกินไป เพราะส่วนใหญ่เป็นท่าดัดตามอิริยาบถของคนไทย ซึ่งของเดิมมีอยู่ทั้งหมด 80 ท่า อย่างไรก็ตาม ฤาษีดัดตน ถือว่า ใช้หลักการเดียวกับโยคะ นั่นคือ การฝึกสมาธิและฝึกฝนกายกับจิตไปพร้อมกัน”กัญจนาแจกแจง
      
       กัญจนา เล่าต่อว่า ทั้งนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 1 พระองค์ทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม (วัดเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้รวบรวบรวมตำรายาและปั้นท่าฤาษีดัดตนด้วยดินปิดด้วย ทอง แต่ไม่ทราบจำนวนแน่ชัด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปฤาษีดัดตนท่าต่างๆ รวม 80 ท่า โดยหล่อด้วยสังกะสีผสมดีบุก เรียกว่า “ชิน” เพื่อให้รูปปั้นมีความคงทน โดยนำไปตั้งไว้ที่วัดโพธิ์ และมีศิลาจารึกบรรยายสรรพคุณแต่ละท่าไว้เป็นโคลงสี่สุภาพ 80 โคลง

กัญจนา ดีวิเศษ ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
       ทั้งนี้ ในจำนวนนี้ มี 2 โคลงที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิททรง จารึกคำประพันธ์ไว้ โดยเป็นโคลงที่ประกอบท่าฤาษีดัดตนช่วยแก้อาการของไหล่ แก้ขา และแก้ลมในอก ประกอบกับทรงสนพระทัยเกี่ยวกับยาสมุนไพรไทย ทรงแต่งตำราสรรพคุณยาสมุนไพรไทยจำนวน 166 ชนิด ในปี 2551 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติ (UNESCO) ได้ประกาศยกย่องพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิทให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกในสาขาปราชญ์และกวี
      
       “พระองค์ ทรงเป็นแพทย์ไทยพระองค์แรกที่ได้รับประกาศนียบัตรถวายเป็นพระเกียรติจาก สถาบันการแพทย์ของยุโรป และได้รับเชิญให้เป็นสมาชิกของสถาบันทางการแพทย์แห่งนิวยอร์ก ชาวต่างชาติในสยามเรียกขานพระองค์ว่า The Prince Doctor ผลงานของพระองค์ถือเป็นรากฐานการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยแด่ชน รุ่นหลังที่มีการพัฒนาสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน”มานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลเพิ่มเติม
      
       **เคลื่อนไหว-ลมหายใจหัวใจดัดตน
       สำหรับท่าฤาษีดัดตนที่สถาบันการแพทย์แผนไทยนำมาใช้นั้น กัญจนา บอกว่า ในสมัยที่ พญ.เพ็ญนภา ทรัพย์เจริญ อดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ เป็นผู้ผลักดันริเริ่มให้มีการรวบรวมองค์ความรู้ คัดเลือกกายบริหารแบบฤาษีดัดตน ซึ่งมีทั้งที่ทำได้ง่ายและยากปะปนกัน โดบมีการคัดเลือกหลายรอบจนในที่สุดก็เหลือเพียง 14 ท่า ซึ่งเป็นท่าที่คนทั่วไปสามารถทำได้ด้วยตนเอง รวมกับอีก 1 ท่า ที่รศ.นพ.กรุงไกร เจนพาณิชย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกระดูกและข้อ ซึ่งได้ล่วงลับไปแล้ว ศึกษาค้นคว้าการนวดไทยโดยนำมา เป็นท่านวดบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า เพื่อใช้นวดถนอมสายตา รวมเป็น 15 ท่าพื้นฐาน
      
       “การ นวดใบหน้าถือเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความสนใจ การบริหารร่างกายด้วยฤาษีดัดตนเป็นอย่างมาก เพราะช่วยให้หน้าตึง คลายความเครียด ส่วนอีก 14 ท่า ก็มีการเรียงลำดับจากง่ายทำแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่หักโหม ช่วยให้สามารถบริหารร่างกายอยากคลอบคุมทุกส่วน ตั้งแต่คอ ไหล่ แขน อก ท้อง เอว ไปจนถึงเท้า”

ท่าฤาษีดัดตนดำรงกายอายุยืน
       สำหรับหัวใจสำคัญของการบริหารร่างกายด้วยฤาษีดัดตนนั้น กัญจนา บอกว่า ท่าฤาษีดัดตนสำคัญที่การเคลื่อนไหวควบคู่กับการหายใจ โดยการเคลื่อนไหวต้องมีเทคนิคการนวดประกอบการยืดกล้ามเนื้อ หรือที่เรียกว่าดึงดัด และการจัดสมดุลของร่างกาย โดยใช้หลักการแพทย์แผนปัจจุบัน เวชศาสตร์การฟื้นฟู
      
       ส่วนหลักการหายใจนั้น จะต้องหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ หายใจเข้าก็สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ค่อยๆ เบ่งช่องท้องให้ท้องป่องออก อกขยาย ซี่โครง สองข้างจะขยายออกปอดขยายใหญ่มากขึ้น ยกไหล่ขึ้น จะเป็นการหายใจเข้าให้ลึกที่สุด กลั้นลมหายใจไว้สักครู่ ในช่วงนี้ผนังช่องท้องจะยุบเล็กน้อยหน้าอกจะยืดเต็มที่ จากนั้นหายใจออก โดยค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ท้องจะยุบ หุบซี่โครงสองข้างเข้ามา แล้วลดไหล่ลง จะทำให้หายใจออกได้มากที่สุด การหายในในลักษณะนี้จะทำให้ชีพจรเต้นช้าลง ร่างกายได้รับประโยชน์จากการหายใจอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การทำท่าฤาษีดัดตนจะต้องไปเกร็งหรือฝืนร่างกายด้วย
      
       กัญจนา อธิบายถึงประโยชน์ของการบริหารร่างกายด้วยฤาษีดัดตนว่า ช่วยให้เกิดการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของแขนขาหรือข้อต่างๆ เป็นไปอย่างคล่องแคล่ว ทำให้ร่างกายตื่นตัว แข็งแรง ทำให้โลหิตหมุนเวียนเลือดลมเดินสะดวก และเป็นการพักผ่อน ช่วยยกระดับจิตใจให้พ้นอารมณ์ขุ่นมัว หงุดหงิด ความง่วง ความท้อแท้ ความเครียด และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการหายใจหากมีการฝึกหายใจถูกต้อง อีกทั้งท่าต่างๆ ที่ใช้ยังมีสรรพคุณในการต่อต้านโรคภัย บำรุงรักษาสุขภาพให้มีชีวิตยืนยาว

ท่าฤาษีดัดตนแก้ตะคริวมือตะคริวเท้า
       ** 15 ท่าบริหารร่างกายแบบไทยๆ
       กัญจนา อธิบายต้นเหตุของความปวดเมื่อย และจุดเริ่มของการบริหารร่างกายว่า การที่คนเราอยู่ในท่าทางเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา เช่น ลุกๆ นั่งๆ ทั้งวันสะพายกระเป๋าหนักๆ ทุกวัน ก็ทำให้สมดุลของร่างกายเสียไป ซึ่งเนื้อเยื้อ กล้ามเนื้อ ข้อต่อ จะสะสมความเครียด ทำให้เกิดการปวดเมื่อย หรือที่คนโบราณมักพูดว่า เลือดลมเดินไม่สะดวก ซึ่งหากทิ้งไว้ก็อาจเกิดการอักเสบ เรื้อรัง ถึงเวลานั้นการใช้ท่าฤาษีดัดตนอาจไม่ทันกาลแล้วก็เป็นได้ นอกจากนี้อาจทำให้เสียบุคลิกภาพเดินตัวเอียง เป็นต้น ซึ่งก่อนที่จะบริหารร่างกายด้วยท่าฤาษีดัดตน ควรพิจารณาอาการผิดปกติของตนเองโดยการส่องกระจกพิจารณาตนเองเพื่อให้รู้ ปัญหาและยังสามารถเปรียบเทียบผลก่อนและหลังบริหารร่างกายได้อีกด้วย
      
       สำหรับท่าแรก กัญจนา อธิบายว่า เป็นท่านวดบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า 7 ท่า ซึ่งจะช่วยถนอมสายตา ท่าที่ 2 จึงจะเป็นท่าเริ่มต้นของฤาษีดัดตน โดยประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตนแก้ลมข้อมือ และแก้ลมในลำลึงค์ เป็นท่าที่มีการเตรียมความพร้อมของร่างกายและฝึกลมหายใจเป็นการดึงดันใน ลักษณะพนมมือในท่าเทพพนม ท่านี้ได้ผลทั้ง 2 ทาง คือ เป็นการบริหารข้อมือ และเมื่อเพิ่มการขมิบก้นเป็นการบริหารบริเวณฝีเย็บหรืออวัยวะเพศ

ท่าฤาษีดัดตนแก้ไหล่ ขา และแก้เข่า ขา
       ท่าที่3 ดัดตนแก้ปวดท้องและข้อเท้าและแก้ลมปวดศีรษะ เมื่อฝึกอย่างต่อเนื่อง ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อไหล่เป็นไปด้วยดี เมื่อฝึกท่าครบจะช่วยบริหารไหล่ คอ อก ท้องและกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตที่ศีรษะและแขน ท่าที่ 4 ดัดตนแก้ลมเจ็บศีรษะและตามัวและแก้ขี้เกียจ ท่านี้เป็นท่าที่ใช้กันบ่อย เป็นบิดขี้เกียจนั้นเอง ถือเป็นการยืดบริหารส่วนแขน ท่าที่5 ดัดตนแก้แขนขัดและแก้ขัดแขนเป็นการบริหารบริเวณหัวไหล่ ช่วยลดอาการแขนขัด ซึ่งมักพบได้บ่อย
      
       ท่าที่ 6 ดัดตนแก้กล่อนและแก้เข่าขัด เป็นการบริหารเข่า หลัง เอว ซึ่งกล่อนหมายถึง ความเสื่อม ท่าที่ 7 ดัดตนแก้กล่อนปัตคาตและแก้เส้นมหาสนุกระงับ กร่อนปัตคาต หมายถึงภาวะขัดเจ็บของกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ อันเนื่องมาจากความเสื่อมจากการใช้งานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นเลือด ภายใน โดยท่านี้เป็นการบริหารส่วนอกและขา เป็นท่าต่อเนื่องจากท่าที่ 6 ท่าที่ 8 ดัดตนแก้ลมในแขนเป็นการบริหารส่วนแขน ข้อมือ และนิ้วมือ ท่าที่ 9 ดัดตนดำรงกายอายุยืน เป็นการบริหารส่วนขา มีการยืดร่างกายตามแนวดิ่ง

ท่าฤาษีดัดตนแก้กล่อนปัตคาตและแก้เส้นมหาสนุกระงับ
       ท่าที่ 10 ดัดตนแก้ไหล่ ขา และ เข่าขา ท่านี้เป็นท่ายืนโดยการบริหารเอว อก ขาไหล่ แบบเกลียวบิด ท่าที่ 11 ดัดตนแก้โรคในอกเป็นการผายปอด บริหารส่วนอก ไหล่ ท่าที่ 12 ดัดตนแก้ตะคริวมือ ตะคริวเท้า ท่านี้เป็นการบริหารส่วนขา เพื่อทดสอบการทรงตัว ท่าที่ 13 ดัดตนแก้ตะโพกสลักเพชร และแก้ไหล่ตะโพกขัด เป็นบริหารไหล่ สะโพกและหลัง ท่าที่14 ดัดตนแก้ลมเลือดนัยน์ตามัวและแก้ลมอันรัดทั้งตัว ท่านี้เป็นการบริหารส่วนคอ ขาและหน้าอก และท่าสุดท้ายดัดตนแก้เมื่อยปลายมือปลายเท้า เป็นการบริหารส่วนเอว เข่า ขา และคอ

       “หัดฤาษีดัดตน เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะมีอาการไหล่ติด ไปนวด ประคบร้อนก็ไม่หาย จึงลองเลือกใช้ท่าฤาษีดัดตนท่าที่ 3 ซึ่งเป็นท่ากายบริหารที่ช่วยแก้ปัญหาหัวไหล่ ทำทุกวันวันละ 5-10 ครั้ง แค่ 1 เดือนอาการก็ดีขึ้น ถือเป็นการพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าได้ผลจริงๆ เพราะจากนั้นมาอาการไหล่ติดก็ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวัง สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง ปวดร้าว ชาลงไปตามขา และเสียวแปลบที่หลังควรหลีกเลี่ยงท่าที่ 13 ส่วนผู้ที่มีอาการเวียนศีรษะ ปวดต้นคอ หรือชาแขนควรหลีกเลี่ยงท่าที่ 14 รวมถึงผู้ที่เป็นโรคความผิดปกติของกระดูกสันหลังให้ระวังการก้มหรือเงยและ ผู้ที่มาอาการบาดเจ็บตามข้อต่อต่างๆ ให้ระมัดระวังในการเลือกท่าที่เหมาะสม”กัญจนา เล่าประสบการณ์จริงหลังจากที่ได้ลงมือปฏิบัติมาแล้ว
      
       กัญจนา แนะด้วยว่า การบริหารร่างกายด้วยฤาษีดัดตนมีหลักการเหมือนกันกับการออกกำลังกาย คือ ไม่ควรใช้ท่าบริหารหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ หากจะให้เห็นผลควรออกกำลังกายทุกวันวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งผู้ที่เริ่มฤาษีดัดต้นใหม่ๆ สามารถเริ่มตั้งแต่ท่าเตรียมทำต่อเนื่องจนครบทั้ง 15 ท่า ท่าละ 5-10 ครั้ง ก็จะใช้เวลาเท่ากับ1ชั่วโมงพอดี จากนั้นเพื่อเป็นการออกกำลังกายอย่างสมบูรณแบบ ควรเดินหรือวิ่งเยาะๆ เพื่อกระตุ้นการทำงานของหัวใจก็จะให้ผลดีต่อสุขภาพไม่น้อย
      
       ด้าน นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นการออกกำลังกายด้วยท่าฤาษีดัดตน 15 ท่า เผยแพร่ โดยคาดว่าการ์ตูนแอนิเมชันนี้จะเป็นการสร้างกระแสสนใจการออกกำลังกายให้กับ เด็กๆ และเยาวชนในอีกทางหนึ่ง

1 ความคิดเห็น:

  1. อยากให้เสนอเป็น-ภาพการ์ตูน ลงใน www.ด้วยคะ

    ตอบลบ