“ตับ ไต หัวใจ” เพื่ออีกหลายชีวิต

“ตับ ไต หัวใจ” เพื่ออีกหลายชีวิต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

หลายครั้งที่เราได้รับข่าวจากสภากาชาดไทยว่า ปริมาณโลหิตสำรองลดน้อยลงจนไม่เพียงพอต่อความต้องการที่จะใช้เมื่อมีผู้ ประสบเหตุมีความต้องการใช้เลือดสำรอง รวมทั้งข่าวคราวการขาดแคลนอวัยวะทั้งหัวใจ ไต ตับ ฯลฯ เนื่องจากมีผู้บริจาคร่างกายหลังเสียชีวิต (สมองหยุดทำงาน) น้อย หรืออวัยวะที่ได้รับการบริจาคไว้นั้น ไม่สามารถเข้ากันได้กับผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะที่จะมาทดแทน
      
       ในประเด็นนี้ศาสตราจารย์นายแพทย์พัชร อ่องจริต ผู้เชี่ยวชาญการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ กล่าวว่าในปัจจุบันเทคนิคการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะไม่ยากเหมือนเมื่อก่อน และการดูแลรักษาหลังทำการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะก็สามารถดูแลได้ในระดับที่น่า พอใจ
      
       “สิ่งที่ยากก็คือจังหวะที่ได้อวัยวะมาจากการบริจาคซึ่งผู้ที่บริจาค อวัยวะนั้นได้แจ้งความจำนงไว้แล้วนั้น อวัยวะที่ได้มาจะเข้ากันได้กับผู้ป่วยที่กำลังรออวัยวะจากผู้บริจาคไว้ได้ หรือไม่ บางรายจังหวะพอดีมีผู้บริจาคเสียชีวิตลง และอวัยวะของผู้บริจาคสามารถเข้ากันได้กับผู้ป่วยพอดีก็สามารถเปลี่ยนได้”
      
       นอกจากนี้นายแพทย์พัชรยังกล่าวอีกด้วยว่าในความเป็นจริงหากผู้บริจาค แสดงคำจำนงค์ไว้ว่าบริจาคอวัยวะทั้งร่างโดยมากแล้วส่วนที่เป็นหัวใจจะบอบช้ำ มากที่สุดจนกระทั่งบางครั้งไม่สามารถที่จะนำหัวใจมาใช้ได้ แต่อวัยวะส่วนอื่นๆ เช่นตับไต ยังสามารถนำมาใช้ในการต่อชีวิตผู้ป่วยที่กำลังรออวัยะมาทดแทนอยู่
      
       “ที่จริงแล้วคนทุกเพศทุกวัยทุกอาชีพสามารถบริจาคอวัยวะได้ทุกคน นิสิต นักศึกษา ก็สามารถจะบริจาคไว้ก่อนได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ถึงวันใด บางคนประสบอุบติเหตุในวัยหนุ่มสาว วัยเรียน แล้วเขาแจ้งความจำนงไว้แล้วว่าเขาขออุทิศอวัยวะของเขาให้เป็นประโยชน์กับผู้ ป่วยท่านอื่นๆ ได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะคนวัยเรียน ร่างกายอวัยวะต่างๆ ยังแข็งแรงอยู่
      
       หากบริจาคไว้ทั้งหมดหลังผู้บริจาคเสียชีวิต คือสมองตายแล้ว ทีมแพทย์จะพิจารณาดูว่าอวัยวะส่วนใดที่สามารถนำไปใช้ได้กับผู้ป่วย ผู้บริจาคหนึ่งรายอวัยวะก็สามารถที่จะไปต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยท่านอื่นได้ มากกว่าหนึ่งรายหากอวัยสามารถเข้ากันได้”
      
       ด้านผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนตับตั้งแต่อายุเพียง 5 ปี “ฐานรัตน์ นรินทร์สุขสันติ” โดยในปัจจุบันเธอมีอายุ 11 ปีกล่าวว่าคุณพ่อคุณแม่ของเธอเล่าให้เธอฟังว่าเธอเกิดมาก็เป็นโรคท่อน้ำดี อุดตัน ส่งผลให้ตับแข็งตั้งแต่เกิดต้องเปลี่ยนตับเพียงอย่างเดียวจึงจะสามารถมี ชีวิตอยู่ได้ คุณพ่อคุณแม่ก็เลยลงทะเบียนขอรับตับเพ่อปลูกถ่ายไว้ที่ศูนย์รับบริจาคสภา กาชาดไทย และรอเป็นเวลาหนึ่งปีก็ได้รับการปลูกถ่ายตับ
      
       “ตอนนี้หนูเรียนป.5 โรงเรียนทอรัก จังหวัดสมุทรปราการค่ะ ทุกวันนี้คุณพ่อคุณแม่มักจะพาหนูไปทำบุญเสมอเพื่อระลึกถึงพระคุณของผู้ บริจาคอวัยวะให้หนูได้มีชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ค่ะ และอนาคตหนูจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะเป็นคนดี และจะทำเหมือนผู้ที่บริจาคอวัยวะให้หนูค่ะ”
      
       ////////////////
      
       นิสิต นักศึกษา ผู้สนใจ บริจาคอวัยวะ คลิกที่นี่ http://www.organdonate.in.th/